Home บทความฟุตบอล แข้งฟอร์มเด่นพรีเมียร์ครึ่งซีซั่น

แข้งฟอร์มเด่นพรีเมียร์ครึ่งซีซั่น

0
แข้งฟอร์มเด่นพรีเมียร์ครึ่งซีซั่น

ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำซีซั่น 2020-2021 ใกล้จะเดินทางมาถึงช่วงกลางฤดูกาลแล้ว ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติที่บรรดานักเตะชื่อดังหลายต่อหลายคนจากสโมสรชั้นนำต่างก็ได้รับการจับตามองมากเป็นพิเศษจากฟอร์มการเล่น และฝีเท้าของพวกเขาช่วงที่ผ่านมา

ขณะเดียวกัน ยังมีผู้เล่นอีกกลุ่มหนึ่งที่ทำผลงานได้น่าประทับใจแต่ไม่ได้รับการพูดถึงมากนัก โดยแข้งผู้ปิดทองหลังพระเหล่านี้ ถือเป็นคีย์แมนสำคัญที่ถูกมองข้ามไปแม้ฟอร์มการเล่นของพวกเขากับต้นสังกัดจะโดดเด่นมากแค่ไหนก็ตาม

Photo : skysports.com

อาร์เซน่อล : คีแรน เทียร์นี่ย์

ในช่วงเวลาที่ยากลำบากของ อาร์เซน่อล ภายใต้การนำของ มิเกล อาร์เตต้า กุนซือชาวสเปน เทียร์นี่ย์ กลับทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมไม่ว่าจะเป็นในตำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาล์ฟฝั่งซ้าย หรือ แบ็คซ้าย โดยดาวเตะสก็อตแลนด์ เล่นเกมรับได้อย่างแข็งแกร่ง แถมยังมีลูกครอสจากริมเส้นที่อันตรายอีกด้วย

Photo : skysports.com

แอสตัน วิลล่า : จอห์น แมคกินน์

ขณะที่ แจ็ค กรีลิช ได้รับคำชมอย่างล้นหลาม แต่หลายคนกลับมองข้ามอิทธิพลของ แมคกินน์ ที่มีต่อแดนกลางของ วิลล่า โดยมิดฟิลด์ทีมชาวสก็อตแลนด์ ทำงานทั้งเกมรุก-เกมรับ อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยตลอดทั้ง 90 นาที รวมถึงยังเป็นผู้นำพลพรรค “สิงห์ผยอง” ในสถานการณ์ที่กดดัน

Photo : skysports.com

ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน : อีฟส์ บิสซูม่า

นอกเหนือจาก ลูอิส ดังค์ กองหลังกัปตันทีมที่การันตีตัวจริงของ ไบรท์ตัน ภายใต้การนำของโค้ช เกรแฮม พอตเตอร์ บิสซูม่า ก็กลายเป็นนักเตะอีกคนหนึ่งที่ “นกนางนวล” จะขาดไปไม่ได้แล้ว โดยห้องเครื่องชาวมาลี โชว์ฟอร์มได้อย่างสม่ำเสมอแทบทุกเกม ซึ่งไม่แปลกใจเลยที่มีข่าวว่า ลิเวอร์พูล อยากได้ตัวเขาไปเสริมทัพ

Photo : theathletic.com

เบิร์นลีย์ : จอช บราวน์ฮิลล์

หลังย้ายจาก บริสตอล ซิตี้ มาเล่นกับ เบิร์นลีย์ เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา บราวน์ฮิลล์ ก็พัฒนาตัวเองได้อย่างยอดเยี่ยมจนกลายมาเป็นหัวใจในแดนกลางให้กับทีมของกุนซือ ฌอน ไดซ์ ไปแล้ว ซึ่งหาก เบิร์นลีย์ หนีกตกชั้นไม่สำเร็จ ดาวเตะวัย 25 ปี ก็อาจได้ย้ายไปยังสโมสรที่ใหญ่กว่านี้ก็เป็นได้

Photo : skysports.com

เชลซี: เคิร์ท ซูม่า

ในฤดูกาลนี้ เชลซี ของกุนซือ แฟรงค์ แลมพาร์ด ลงทุนเสริมทัพไปมหาศาล แต่ ซูม่า กลับสร้างความประหลาดใจด้วยการยึดตำแหน่งตัวจริงในแนวรับคู่กับ ติอาโก้ ซิลวา ได้อย่างแข็งแกร่ง โดยกองหลังชาวฝรั่งเศส ซัดให้ “สิงโตน้ำเงินคราม” ไปแล้ว 4 ประตู

Photo : 90min.com

คริสตัล พาเลซ : บิเซนเต้ ไกวต้า

นายทวารชาวสเปน มีช็อตเซฟมหัศจรรย์หลายต่อหลายครั้งในซีซั่นนี้ และเป็นคนช่วย พาเลซ เก็บแต้มสำคัญได้อย่างมากมายอาทิในเกมที่เสมอกับ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ 1-1 และเซฟจุดโทษในเกมที่เสมอกับ เลสเตอร์ ซิตี้ 1-1

Photo : skysports.com

เอฟเวอร์ตัน : ลูก้าส์ ดีญ

ก่อนที่จะได้รับบาดเจ็บ ดีญ โชว์ฟอร์มในตำแหน่งแบ็คซ้ายของ เอฟเวอร์ตัน ได้อย่างสุดยอด เขาเล่นเกมรับได้อย่างแข็งแกร่ง และเติมเกมรุกได้อย่างน่ากลัว ซึ่งทำให้เกมทางริมเส้นฝั่งซ้ายให้พลพรรค “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” มีประสิทธิภาพอย่างมาก

Photo : theathletic.co.uk

ฟูแล่ม : โจอาคิม แอนเดอร์เซ่น

ดูเหมือนว่า ฟูแล่ม ภายใต้การนำของ สก็อตต์ ปาร์คเกอร์ จะผลงานกระเตื้องขึ้นแล้ว และหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำพวกเขาผลงานดีขึ้นคงหนีไม่พ้น แอนเดอร์เซ่น ที่ยืมตัวมาจาก โอลิมปิก ลียง โดยกองหลังชาวเดนมาร์ก เป็นผู้บัญชาเกมรับ “เจ้าสัวน้อย” อย่างเต็มตัว เขาแข็งแกร่งทั้งลูกกลางอากาศ และยังเด็ดขาดในจังหวะที่เข้าปะทะกับคู่แข่งอีกด้วย

Photo : skysports.com

ลีดส์ ยูไนเต็ด : แจ็ค แฮร์ริสัน

ลีดส์ ภายใต้การนำของ มาร์เซโล่ บิเอลซ่า โค้ชจอมเก๋า เป็นทีมที่เน้นเกมรุกน่าตื่นเต้น ซึ่งแน่นอนว่า ตัวรุกริมเส้นมีบทบาทกับเกมของ “ยูงทอง” อย่างมาก และ แฮร์ริสัน ก็แสดงให้เห็นถึงความยอดเยี่ยมของเขาทั้งเทคนิค, ความเร็ว และการทำแอสซิสต์ในเกมกับ ลิเวอร์พูล, นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด และ เวสต์บรอมวิช อัลเบียน

Photo : onefootball.com

เลสเตอร์ ซิตี้ : เวสลีย์ โฟฟาน่า

ฤดูกาลแรกกับการลงเล่นในศึกพรีเมียร์ลีก โฟฟาน่า ได้กลายเป็นผู้เล่นที่น่าประทับใจอย่างรวดเร็วในแนวรับของ เลสเตอร์ ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส โดยกองหลังวัย 20 ปี แข็งแกร่ง, รวดเร็ว และอ่านเกมยอดเยี่ยมเหมือนกับเล่นในอังกฤษมาหลายปีแล้ว

Photo : skysports.com

ลิเวอร์พูล : เคอร์ติส โจนส์

โจนส์ เป็นผลผลิตจากอคาเดมี่ของ ลิเวอร์พูล โดยหลังจากที่ผู้เล่นหลักหลายรายพากันบาดเจ็บหลายรายเจ้าตัวก็เข้ามาเป็นสมาชิกในทีมชุดแรกของ เจอร์เก้น คล็อปป์ โค้ชชาวเยอรมันทันที โดยกองกลางวัย 20 ปี ปรับตัวเข้ากับระบบ 4-3-3 ของ “หงส์แดง” ได้อย่างยอดเยี่ยม และน่าจะเป็นกำลังเสริมชั้นดีไปจนจบฤดูกาล

Photo : skysports.com

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ : ชูเอา คานเซโล่

หลังย้ายจาก ยูเวนตุส มาเล่นกับ แมนฯ ซิตี้ เมื่อปีที่ผ่านมา คานเซโล่ ยังทำผลงานได้ไม่ดีนัก แต่เวลานี้เขาเร่งฟอร์มกลับมาจนยึดตำแหน่งตัวจริงในทัพ “เรือใบสีฟ้า” เรียบร้อยแล้ว ดาวเตะชาวโปรตุกีสสามารถเล่นในตำแหน่งฟูลแบ็คได้ทั้ง 2 ฝั่ง และมีการเปิดบอลที่อันตรายเป็นอาวุธชั้นยอด

Photo : skysports.com

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : สกอตต์ แมคโทมิเนย์

สกอตต์ แมคโทมิเนย์ แจ้งเกิดในยุคของ โชเซ่ มูรินโญ่ โค้ชชาวโปรตุเกสในฤดูกาล 2017-2018 จากนั้น เขากลายเป็นสมาชิกทีมชุดใหญ่ แมนฯ ยูไนเต็ด มาจนถึง ณ ปัจจุบัน และในปีนี้ ห้องเครื่องเลือดวิสกี้ ยืนปักหลักในแดนกลางของ “ปีศาจแดง” ได้อย่างมั่นคง และเป็นคนอยู่เบื้องหลังที่ทำให้ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ทำผลงานได้อย่างโดดเด่น

Photo : skysports.com

นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด : คาร์ล ดาร์โลว์

นิวคาสเซิล ภายใต้การกุมบังเหียนของ สตีฟ บรูซ เป็นหนี้บุญคุณ ดาร์โลว์ อย่างมาก โกลชาวอังกฤษ เป็นมือ 2 ที่มาทำหน้าที่แทน มาร์ติน ดูบราฟก้า มือ 1 ที่ได้รับบาดเจ็บ และทำผลงานได้อย่างน่าเหลือเชื่อโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเกมที่เสมอกับ ลิเวอร์พูล 0-0

Photo : skysports.com

เซาแธมป์ตัน : ยานนิค เวสเทอร์การ์ด

เวสเตอร์การ์ด เป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ถูกวิจารณ์อย่างหนักในเกมที่ เซาแธมป์ตัน แพ้คาบ้านให้กับ เลสเตอร์ 0-9 เมื่อฤดูกาลที่แล้ว แต่เวลานี้ กองหลังทีมชาติเดนมาร์ก กลับมาทำผลงานได้อย่างน่าทึ่ง และกลายเป็นหัวใจสำคัญในแนวรับ “นักบุญ” อย่างเต็มตัว

Photo : skysports.com

เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด : เดวิด แม็คโกลด์ดริก

คริส ไวล์เดอร์ กนุซือ เชฟฟิลด์ ลงทุนจ่าย 23 ล้านปอนด์ คว้าตัว ริอาน บริวสเตอร์ กองหน้าดาวรุ่งมาจาก ลิเวอร์พูล เพื่อหวังจะเป็นกำลังหลักในแนวรุก แต่ดาวยิงวัย 20 ปี ฟอร์มฝืดอย่างหนักจนตกเป็นตัวสำรอง และเป็น แม็คโกลด์ดริก วัย 33 ปี ซึ่งซัดไป 4 ประตู กลายเป็นความหวังที่จะทำให้ “ดาบคู่” รอดตกชั้น

Photo : planetfootball.com

ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ : ปิแอร์-เอมิล ฮอยจ์เบิร์ก

เชื่อได้ว่า ไม่มีแฟน สเปอร์ส คนใดตื่นเต้นนักเมื่อ โชเซ่ มูรินโญ่ เซ็นสัญญากับ ฮอยจ์เบิร์ก มาจาก เซาแธมป์ตัน เมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา แต่มิดฟิลด์ทีมชาติเดนมาร์กพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เขาเป็นคนที่พลพรรค “ไก่เดือยทอง” จะขาดไปไม่ได้เสียแล้ว

Photo : metro.co.uk

เวสต์บรอมวิช อัลเบียน : คอเนอร์ กัลลาเกอร์

นอกเหนือจากการฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมในการยันเสมอกับ เชลซี และ ลิเวอร์พูล แล้ว เวสต์บรอมวิช ยังต้องดิ้นรนหนีตกชั้นในฤดูกาลนี้อย่างหนัก แต่ กัลลาเกอร์ วัย 20 ปี ที่ยืมตัวมาจาก เชลซี นั้น แสดงให้เห็นว่า เขาเป็นตัวความหวังที่จะทำให้ “เดอะ แบ็กกี้ส์” อยู่รอดปลอดภัย

Photo : skysports.com

เวสต์แฮม ยูไนเต็ด : อันเจโล่ อ็อกบอนน่า

ปราการหลังชาวอิตาเลียน เป็นหัวใจในแนวรับของ เวสต์แฮม มาตลอดหลายปีแล้ว ความแข็งแกร่ง และความสม่ำเสมอของ อ็อกบอนน่า เป็นสิ่งที่ทำให้ “ขุนค้อน” ยืนระยะได้สบาย และไม่ต้องดิ้นรนหนีตกชั้นเหมือนกับช่วงที่ผ่านมา

Photo : bt.com

วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส : เปโดร เนโต้

วูล์ฟแฮมป์ตัน ภายใต้การนำของ นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต เทรนเนอร์ชาวโปรตุเกส คว้านักเตะมาเสริมทัพหลายรายเมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา แต่คนที่ทำผลงานได้โดดเด่นกลับเป็น เนโต้ ที่ย้ายมาจาก ลาซิโอ เมื่อ 2 ปีก่อน โดยดาวเตะวัย 20 ปี เล่นได้ทุกตำแหน่งในแนวรุก มีเทคนิคดี และสปีดจัดจ้าน แถมซัดไปแล้ว 4 ประตูในปีนี้จนทำให้หลายคนอาจลืมชื่อ อดาม่า ตราโอเล่ ไปแล้ว

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวนี้