Home บทความฟุตบอล สิ่งที่ “เจิด” ต้องเจอหลังพา เรนเจอร์ส คว้าแชมป์

สิ่งที่ “เจิด” ต้องเจอหลังพา เรนเจอร์ส คว้าแชมป์

0
สิ่งที่ “เจิด” ต้องเจอหลังพา เรนเจอร์ส คว้าแชมป์

เมื่อวันที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมา กลาสโกว์ เรนเจอร์ส สโมสรดังแห่งศึกสก็อตติช พรีเมียร์ สิ้นสุดการรอคอยในรอบทศวรรษหลังจาก สตีเว่น เจอร์ราร์ด กุนซือหนุ่มชาวอังกฤษ และอดีตกัปตันทีม ลิเวอร์พูล พาสโมสรคว้าแชมป์ลีกสำเร็จ ซึ่งนับเป็นการเถลิงแชมป์สมัยที่ 55 ของ “ไลท์ บลูส์”

นั้บตั้งแต่ถูกปรับตกชั้นให้ลงไปเล่นในศึกดิวิชั่น 3 ซึ่งเป็นลีกต่ำสุดของสก็อตแลนด์หลังจากมีปัญหาเรื่องการเงินเมื่อปี 2012 นั้น เรนเจอร์ส ใช้เวลายาวนานกว่าจะกลับสู่ความยิ่งใหญ่อีกครั้ง และที่สำคัญในปีนี้พวกเขายังทำให้คู่แค้นตลอดกาลอย่าง กลาสโกว์ เซลติก หยุกสถิติคว้าแชมป์ลีก 10 สมัยติดต่อกันอีกด้วย

ภายหลังเข้ามากุมบังเหียน เรนเจอร์ส เมื่อปี 2018 เจอร์ราร์ด ทำผลงานได้ดีขึ้นตามลำดับ โดยในฤดูกาลนี้ โค้ชวัย 40 ปี สร้างสถิติทำไร้พ่ายในลีกจนถึง ณ เวลานี้ และนี่คือความท้าทายที่ “สตีวี่จี” ต้องเจอหลังพายักษ์หลับอย่าง “ไลท์ บลูส์” กลับมาเขย่าวงการลูกหนังแดนวิสกี้อีกครั้ง

Photo : dailyrecord.co.uk

1. ปรับปรุงผลงานฟุตบอลถ้วยในประเทศ

ความล้มเหลวจากทัวร์นาเม้นต์ในประเทศฤดูกาลแรกของ เจอร์ราร์ด นั้น เป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงมาตลอด โดยปีแรกเขาพาทีมพ่าย อเบอร์ดีน 0-2 ในศึกสก็อตติช คัพ รอบ 8 ทีมสุดท้ายส่งผลให้อดเข้ารอบรองชนะเลิศไปอย่างน่าเสียดาย รวมทั้งพ่ายให้กับ เซลติก แบบหวุดหวิด 0-1 ในรอบชิงชนะเลิศศึกสก็อตติช ลีก คัพ อดคว้าแชมป์แรกในรอบ 8 ปีของสโมสร

ขณะเดียวกัน ในฤดูกาลนี้ เจอร์ราร์ด ก็พาทีมพ่ายให้กับ ฮาร์ทส์ 0-1 ในศึกสก็อตติช คัพ รอบ 8 ทีมสุดท้ายอีกเช่นกัน และยังพ่ายให้กับ เซนต์ เมียร์เรน 2-3 ในศึก สก็อตติช ลีก คัพ เมื่อเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมาอีกด้วย

 การเฉลิมฉลองแชมป์ลีกของ เรนเจอร์ส อาจจะจบไปแล้ว และพวกเขามีงานสำคัญที่ต้องพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งในฟุตบอลถ้วยสก็อตติช ลีก คัพ กับ โคฟ เรนเจอร์ส จากลีก วัน ในเดือนเมษายนที่จะถึงนี้ ซึ่ง เจอร์จาร์ด ก็ต้องงัดฝีมือของเขาออกมาอย่างเต็มที่เช่นเดียวกัน

Photo : skysports.com

2. ต่อสัญญาผู้เล่นคีย์แมน

เจมส์ ทาเวอร์เนีย และ คอนเนอร์ โกลด์สัน เป็น 2 นักเตะคนสำคัญของ เรนเจอร์ส นับตั้งแต่ เจอร์ราร์ด เข้ามาคุมทีม ซึ่งทั้งคู่เป็นกัปตันทีม และรองกัปตันทีมรวมถึงยังเป็นแนวรับตัวหลักของ “ไลท์ บลูส์” ตลอดช่วงที่ผ่านมาอีกด้วย

ทาเวอร์เนีย ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในตำแหน่งแบ็คขวาด้วยผลงานซัดไป 11 ประตู กับ 9 แอสซิสต์ ในลีกฤดูกาลนี้ ขณะที่ โกลด์สัน ก็เล่นในตำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาล์ฟได้อย่างแข็งแกร่งช่วยให้ เรนเจอร์ส เสียประตูในลีกไปเพียง 9 ลูกเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ทาเวอร์เนีย และ โกลด์สัน กำลังเข้าสู่ปีสุดท้ายของสัญญาด้วยกันทั้งคู่ และยังไม่มีความชัดเจนเรื่องสัญญาฉบับใหม่จาก เรนเจอร์ส เลย ซึ่งทำให้ เจอร์ราร์ด ต้องรีบเคลียร์อนาคตของเสาหลักในเกมรับให้เร็วที่สุด

Photo : dailyrecord.co.uk

3. เคลียร์อนาคตนักเตะจอมเก๋า

แข้งมากประสบการณ์อย่าง อัลลัน แม็คเกรเกอร์ นายทวารวัย 39 ปี, สตีเว่น เดวิส มิดฟิลด์วัย 36 ปี และ เจอร์เมน เดโฟ หัวหอกวัย 38 ปีต่างก็มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการพา เรนเจอร์ส ประสบความสำเร็จฤดูกาลนี้

 เจอร์ราร์ด กล่าวถึงสถานการณ์ของ เดวิส ว่าเขามีความสำคัญอย่างยิ่งทั้งใน และนอกสนาม เขากำหนดมาตรฐานที่เราต้องการในแต่ละวันไม่ว่าจะเป็นระดับการเล่น ความสม่ำเสมอ ความกระกาย และความเป็นมืออาชีพ มีนักเตะหลายคนในทีมมองเขาเป็นต้นแบบ และสำหรับผมมันสำคัญมากที่เขาต้องอยู่ที่นี่ต่อไป”

ส่วนอนาคตของ แม็คเกรเกอร์ นั้น เจอร์ราร์ด อธิบายว่า “เราทุกคนรู้ดีถึงอายุของเขา และสถานการณ์ของเขา และในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าผมจะได้นั่งคุยกับ อัลลัน อย่างตรงไปตรงมาเพื่อดูว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไปบ้าง เขาเป็นปัจจัยหลักที่เราต้องดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปในอนาคต”

“เราเคารพเขา รู้ถึงสภาพร่างกาย ระดับการเล่น และความกระหายของเขา อัลลัน เองก็รู้ว่า เขาต้องการเล่นไปอีกนานแค่ไหนในวัยนี้ ซึ่งเขาจะต้องคิดถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับตำแหน่งของตัวเอง ผมหวังว่า จะได้ร่วมงานกับเขาต่อไปในอนาคต แต่ผมไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป แต่เราให้ความเคารพเป็นอย่างมาก เราจะรับฟังเขา และตัดสินใจร่วมกันในเรื่องนั้น”

ขณะที่ อนาคตของ เดโฟ ยังคงไม่แน่นอนหลังมีปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวนบ่อยครั้งทำให้เจ้าตัวแทบไม่ได้ลงสนามให้กับ เรนเจอร์ส มากนัก และเป็นไปได้ว่า เขาอาจถูกปล่อยออกจากสโมสรในช่วงซัมเมอร์นี้ต่อไป

Photo : skysports.com

4. ขายนักเตะฝีเท้าดี?

ตลอดห้วงที่ผ่านมาบรรดานักเตะ เรนเจอร์ส หลายคนตกเป็นข่าวลือถึงการย้ายออกจากถิ่น ไอบร็อกซ์ สเตเดี้ยม ไปเล่นกับสโมสรชั้นนำของยุโรป และดูเหมือนว่า ข่าวลือดังกล่าวจะโหมกระพืออีกครั้งในซัมเมอร์ที่จะถึงนี้

เกล็น คามารา กองกลางทีมชาติฟินแลนด์ กับ บอร์นา บาริซิช แบ็คซ้ายโครแอต จะถูกจับตามองอย่างหนักจากแมวมองทั่วยุโรปในการพาบ้านเกิดของพวกเขาลุยศึกยูโร 2020 โดยมีหลายสโมสรทั้งในพรีเมียร์ลีก และกัลโช่ เซเรีย อา กำลังจับตาดูสถานการณ์ของพวกเขาอย่างใกล้ชิด

ขณะเดียวกัน ไรอัน เคนท์ ปีกวัย 24 ปี ซึ่งเกือบจะย้ายไปเล่นกับ ลีดส์ ยูไนเต็ด เมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมานั้น ก็หวนกลับมาตกเป็นข่าวกับ “ยูงทอง” อีกครั้ง ส่วน อัลเฟรโด้ โมเรโลส มิดฟิลด์ทีมชาติโคลอมเบีย ก็ตกเป็นเป้าหมายของ ลีลล์ ในลีกเอิง ฝรั่งเศส

สุดท้ายต้องดูว่า รอสส์ วิลสัน ผู้อำนายการกีฬา เรนเจอร์ส และ เจอร์ราร์ด จะรับมือกับการถูกบรรดาสโมสรทั่วยุโรปไล่ล่าตัวนักเตะเหล่านี้อย่างไร

Photo : heraldscotland.com

5. บททดสอบในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

เรนเจอร์ส ไม่ได้ยินเสียงเพลงของ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มาเกือบ 10 ปีแล้ว และในฤดูกาลหน้าพวกเขาจะกลับสู่รอบคัดเลือกฟุตบอลถ้วยใหญ่ของยุโรปอีกครั้งภายใต้การนำของ เจอร์ราร์ด ซึ่งยังไม่เคยมีประสบการณ์ในการคุมทีมลงเล่นรายการนี้เลย

อย่างไรก็ตาม ในยูโรป้า ลีก 3 ปีที่ผ่านมา เจอร์ราร์ด สามารถพา เรนเจอร์ส เข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายได้ถึง 2 ครั้ง แต่ใน แชมเปี้ยนส์ ลีก มันจะเป็นอะไรที่แตกต่างออกไป และเป็นงานหินกว่าเดิมอย่างแน่นอนสำหรับทัพ “ไลท์ บลูส์”

แน่นอนว่า เงินจำนวน 30 ล้านปอนด์ จากการเข้าสู่รอบแบ่งกลุ่ม แชมเปี้ยนส์ ลีก ในปีหน้านั้น มันมากพอที่จะทำให้ เรนเจอร์ส ลดภาระในสโมสร และรั้งนักเตะดาวเด่นของพวกเขาไว้ได้เช่นเดียวกัน

Photo : skysports.com

6. ให้โอกาสผู้เล่นดาวรุ่ง

เรนเจอร์ส พัฒนาไปอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และพวกเขามีนักเตะอายุน้อยมากพรสวรรค์อยู่ในสโมสรหลายคน อาทิ บิลลี่ กิลมัวร์ มิดฟิลด์ชาวสก็อตแลนด์วัย 19 ปี ที่ย้ายไปเล่นกับ เชลซี เมื่อปี 2017

ในฤดูกาลนี้ นาธาน แพตเตอร์สัน แบ็คขวาวัย 19 ปี แจ้งเกิดกับทีมชุดใหญ่ได้อย่างยอดเยี่ยมนอกจากนี้เรนเจอร์ส ยังมีดาวรุ่งฝีเท้าดีอย่าง ไค เคนเนดี้ และ ลีออน คิง ที่กำลังได้รับความสนใจจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ บาเยิร์น มิวนิค ตามลำดับ

เจอร์ราร์ด มีนักเตะอนาคตไกลในทีมมากมาย ซึ่งน่าสนใจว่า เขาจะพัฒนาดาวรุ่งเหล่านี้ไปได้ไกลเพียงใด

Photo : dailyrecord.co.uk

7. ท้าทาย เซลติก พร้อมกับต่อยอดความสำเร็จ

การคว้าแชมป์ของ เรนเจอร์ส ถือเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดของพวกเขาในรอบทศวรรษที่ผ่านมาเลยก็ว่าได้ ซึ่งนอกจากความสม่ำเสมอแล้วนั้น การที่ เซลติก ฟอร์มตก และมีการเปลี่ยนแปลงมากายภายในสโมสรก็ทำให้ “ม้าลายเขียวขาว” ระส่ำไปพอสมควร

นีล เลนน่อน อดีตกุนซือ เซลติก ตัดสินใจลาออกไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่สิ่งที่ช็อกไปกว่านั้นคือ ปีเตอร์ ลอว์เวลล์ ซึ่งดำรงตำแหน่งซีอีโอ เซลติก มาตั้งแต่ปี 2003 ประกาศวางมือหลังจบฤดูกาลนี้ โดย โดมินิค แม็คเคย์ จะเข้ามาทำหน้าที่แทน

ขณะที่นักเตะหลักอย่าง ออดซอนน์ เอดูอาร์ด, คริสตอฟเฟอร์ เอเยอร์ และ ไรอัน คริสตี้ ที่ได้รับความสนใจจากหลายสโมสรทั่วยุโรปนั้น ยังมีอนาคตที่คลุมเครือ และอาจโดนปล่อยออกจากทีมในช่วงซัมเมอร์นี้

เรนเจอร์ส ต้องใช้เวลาช่วงเวลาที่ยากลำบาก และการเปลี่ยนแปลงของ เซลติก พัฒนาทีมตัวเองอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับต่อยอดความสำเร็จจากฤดูกาลนี้ นั่นคือความท้าทายที่ เจอร์ราร์ด ต้องเจอในอนาคต

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวนี้