Home บทความฟุตบอล เมื่อ “ปีศาจแดง” ปฏิวัติโครงสร้างทีม

เมื่อ “ปีศาจแดง” ปฏิวัติโครงสร้างทีม

0
เมื่อ “ปีศาจแดง” ปฏิวัติโครงสร้างทีม

หลังจากถูกพูดถึงเรื่องแต่งตั้งผู้อำนวยการฟุตบอลมานานหลายปีในที่สุด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ก็ประกาศแต่งตั้งคนเข้ามาทำหน้าที่ดังกล่าวในถิ่นโอลด์ แทฟฟอร์ด เรียบร้อยแล้ว

เมื่อวันที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมา แมนฯ ยูไนเต็ด ตัดสินใจเลือก จอห์น เมอร์ทัฟ เป็นผู้อำนวยการฟุตบอลคนแรกในประวัติศาสตร์ของพวกเขา โดยก่อนหน้านี้ เมอร์ทัฟ ทำงานกับ “ปีศาจแดง” มานานถึง 7 ปีในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายพัฒนาฟุตบอล

ตามรายงานข่าวหน้าที่หลักของ เมอร์ทัฟ วัย 47 ปี คือ เป็นคนดูแลภาพรวม และรับผิดชอบในการดำเนินงานต่างๆที่เกี่ยวกับฟุตบอลในทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ทุกชุด ซึ่งอีกนัยหนึ่งก็คือ เจ้าตัวจะเป็นคนสรรหานักเตะใหม่มาเสริมทัพให้กับทีมชุดแรก และต้องดูแลอคาเดมี่ รวมถึงทีมฟุตบอลหญิงด้วย

photo : manchestereveningnews.co.uk

แน่นอนว่า มันเป็นงานชิ้นใหญ่ของ เมอร์ทัฟ เนื่องจากเขาจะต้องทำงานร่วมกับ โอเล่ กุนาร์ โซลชา กุนซือ แมนฯ ยูไนเต็ด และ เอ็ด วู้ดเวิร์ด รองประธานบริหารฯ เพื่อพาพลพรรค “ปีศาจแดง” กลับสู่ความสำเร็จทั้งในอังกฤษ และฟุตบอลยุโรปอีกครั้ง

เมอร์ทัฟ ไม่ใช่คนนอก เขารู้จัก แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นอย่างดี เพราะเข้ามาทำงานกับสโมสรตั้งแต่ปี 2014 ซึ่งเจ้าตัวมีบทบาทสำคัญในการผลักดันผู้เล่นเยาวชนขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ และในปี 2018 ที่ “ปีศาจแดง” เปิดตัวทีมฟุตบอลหญิงเป็นครั้งแรกนั้น เมอร์ทัฟ ก็เป็นคนช่วยดูแลทีมในช่วงแรก

อย่างไรก็ตาม มันมีคำถามมากมายเกี่ยวกับการเลื่อนตำแหน่งของ เมอร์ทัฟ จากหัวหน้าฝ่ายพัฒนาฟุตบอลไปเป็น ผอ.ลูกหนังนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด จะเปลี่ยนกลยุทธ์การซื้อ-ขายนักเตะหรือไม่ คำตอบก็คือ “คงไม่” เพราะ “ปีศาจแดง” คงไม่ได้เปลี่ยนโฉมหน้าการทำธุรกิจในทันทีทันใด

Photo : mirror.co.uk

ในช่วงที่ผ่านมา เมอร์ทัฟ มีส่วนร่วมอย่างมากในกระบวนการสรรหา และเป็นเหมือนจุดศูนย์กลางที่คอยให้คำปรึกษาการคว้าตัวผู้เล่นใหม่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด หลังหมดยุค หลุยส์ ฟาน กัล โค้ชชาวดัตช์ หลังจาก “ปีศาจแดง” ล้มเหลวกับการเสริมทัพมาตลอดในระยะหลัง

นอกจากนี้ เมอร์ทัฟ ยังเป็นหัวเรือสำคัญในการแต่งตั้ง สตีฟ บราวน์ เข้ามาเป็นหัวหน้าฝ่ายสรรหานักเตะด้วย ซึ่งข้อมูลต่างๆนั้น เมอร์ทัฟ ก็เป็นคนรายงานตรงต่อ วู้ดเวิร์ด ด้วยตัวเอง นั่นแสดงให้เห็นถึงอิทธิพลของเขาในสโมสร

โชเซ่ มูรินโญ่ อดีตกุนซือ แมนฯ ยูไนเต็ด เคยปฏิเสธการที่สโมสรจะแต่งตั้ง ผอ.ฟุตบอลในช่วงที่เขากำลังคุมทีม แต่เมื่อเขาอำลา “ปีศาจแดง” ไปเมื่อเดือนธันวาคมปี 2018 วู้ดเวิร์ด ก็เริ่มปรับเปลี่ยนหน้าที่ต่างๆให้ชัดเจนหลังจากการแต่งตั้ง โซลชา

คณะกรรมการ และบุคคลที่เกี่ยวข้องของ แมนฯ ยูไนเต็ด ใช้เวลาเกือบ 3 ปี ในการสรรหา ผอ.ฟุตบอล และพวกเขาก็ลงความเห็นกันว่า เมอร์ทัฟ เป็นคนที่เหมาะสมอย่างยิ่ง และมีความสามารถมากพอที่จะทำให้สโมสรก้าวไปข้างหน้า

Photo : twitter.com/munitedfr

หลายคนคิดว่า เมอร์ทัฟ จะเข้ามามีอำนาจเหนือ โซลชา แต่มันไม่ใช่แบบนั้นแน่นอนเนื่องจากทั้งคู่รู้จักกันเป็นอย่างดี และติดต่อกันเป็นประจำอยู่แล้ว ซึ่งหลังจากนี้ พวกเขาคงต้องคุยเรื่องข้อมูลต่างๆกมากขึ้นกว่าเดิมอีก

สิ่งแรกที่หลายๆคนได้เห็นในตัว เมอร์ทัฟ คือ การรู้จัก แมนฯ ยูไนเต็ด แบบลึกซึ้ง เขารู้แทบทุกสิ่งทุก อย่างในสโมสร โดยย้อนกลับไปเมื่อปี 2018 ก่อนการแข่งขันระดับเยาวชนระหว่าง “ปีศาจแดง” กับ โคเวนทรี ซิตี้ จะเริ่มขึ้น เขายืนกับทีมงานบนอัฒจันทร์ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด เพื่อดูเกม

ในเวลาต่อมา เมอร์ทัฟ บอกให้สโมสรคว้าตัว ชาร์ลี แม็คแคนน์ กองกลางดาวรุ่ง โคเวนทรี มาเสริมทัพพร้อมให้ข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับ แม็คแคนน์ อย่างละเอียดไปจนถึงวิเคราะห์สไตล์การเล่นว่า เหมาะสมกับ “ปีศาจแดง” เป็นอย่างมากจนในที่สุดก็ได้ตัวมาร่วมทีม

เมอร์ทัฟ รู้จักผู้เล่น แมนฯ ยูไนเต็ด ทุกคนโดยไม่คำนึงถึงอายุหรือเพศ และเขาก็เป็นคนแนะนำให้ โซลชา เปิดโอกาสให้ โชลา ชอร์ไทร์ กองหน้าอนาคตไกลวัย 17 ปี ขึ้นมาเล่นกับทีมชุดใหญ่ “ปีศาจแดง” ในฤดูกาลนี้

hoto : skysports.com

นอกาจากแต่งตั้ง เมอร์ทัฟ เป็น ผอ.ฟุตบอล แล้ว แมนฯ ยูไนเต็ด ยังแต่งตั้งนักเตะเก่าอย่าง ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ อดีตมิดฟิลด์ทีมชาติสก็อตแลนด์ให้เข้ามาทำหน้าที่ ผอ.ฝ่ายเทคนิคอีกด้วยซึ่งทั้งคู่ถูกคาดหวังว่า จะพาสโมสรกลับสู่เส้นทางที่ถูกต้องอีกครั้ง

หลังจาก 7 ปีที่แก้ไขปัญหาต่างๆอยู่เบื้องหลัง เมอร์ทัฟ ก้าวมาเป็นผู้นำอย่างเต็มตัวของ แมนฯ ยูไนเต็ด เรียบร้อยแล้ว โดยมี เฟล็ตเชอร์ เป็นผู้ช่วยฯ โดยก่อนหน้านี้ วู้ดเวิร์ด จะเป็นคนแรกที่เปิดการเจรจาซื้อ-ขายนักเตะ แต่ตอนนี้จะกลายเป็น เมอร์ทัฟ ทำหน้าที่ดังกล่าวแทน

แมนฯ ยูไนเต็ด เชื่อว่า การเลือก เมอร์ทัฟ และ เฟล็ตเชอร์ เป็นการปรับเปลี่ยนโครงสร้างที่เหมาะสมของสโมสรเพื่อก้าวไปสู่ความสำเร็จในอนาคต และหากทั้งคู่ทำได้นั้น มันคงคุ้มค่ากับการรอคอยของแฟนบอล “ปีศาจแดง” อย่างแน่นอน

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวนี้