Home บทความฟุตบอล จัดทีมเพชรเม็ดงาม ที่อาจารย์ ราล์ฟ รังก์นิก ค้นพบ ในระบบ 4-2-3-1

จัดทีมเพชรเม็ดงาม ที่อาจารย์ ราล์ฟ รังก์นิก ค้นพบ ในระบบ 4-2-3-1

0
จัดทีมเพชรเม็ดงาม ที่อาจารย์ ราล์ฟ รังก์นิก ค้นพบ ในระบบ 4-2-3-1

เป็นที่แน่นอนแล้วว่า ราล์ฟ รังก์นิก อดีตยอดกุนซือชาวเยอรมัน ที่ผันตัวไปรับงานผู้จัดการทีมชาติ ออสเตรีย หลังจากของแยกทางจากตำแหน่งผู้จัดการทีมรักษาการณ์ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อจบฤดูกาลที่ผ่านมา เปลี่ยนแผนจากเดิมที่จะถูกดันขึ้นไปนั่งแท่นเป็นที่ปรึกษา ช่วยวางรากฐานของทีมในระยะยาว เเนื่องจากไม่สามารถหาจุดร่วมงานที่ลงตัวกับ เอริก เทน ฮาก เทรนเนอร์คนใหม่ได้

ผลกระทบดังกล่าวทำให้ ยูไนเต็ด จะเสียประโยชน์จากความสัมพันธ์ และ สายตาอันแหลมคม ของจอมเก๋าในวงการรายนี้ไปอย่างน่าเสียดาย แล้วคงไม่สามารถหลีกเลี่ยงที่ต้องเสริมทัพผู้เล่น ด้วยนักเตะราคาแพงหูฉีกเหมือนเคยๆ บทความนี้จะเป็นการยกตัวอย่าง 11 ผู้เล่นที่ รังก์นิก เป็นผู้ค้นพบ แล้วกลายเป็นเพชรเม็ดงามในวงการลูกหนังในเวลาต่อมา โดยจะไล่เรียงไปตามตำแหน่งในระบบ 4-2-3-1 ตั้งแต่ผู้รักษาประตูไปยันกองหน้า มาดูกันเลยว่าจะมีใครติดโผกันเข้ามาบ้าง?

เริ่มต้นกันที่ตำแหน่งผู้รักษาประตู เบอร์หนึ่งในตำแหน่งนี้ ขอยกให้กับ มานูเอล นอยเออร์ ยอดนายทวารทีมชาติเยอรมัน ถึงแม้จะไม่ใช่การไปซื้อกรวดมาปั้นเป็นเพชร แต่ทาง รังก์นิก เป็นคนที่เลื่อนชั้นให้ นอยเออร์ ได้รับโอกาสลงเล่นในทีมชุดใหญ่ของ ชาลเก้ 04 ก่อนจะย้ายไปประสบความสำเร็จอย่างงดงามกับ บาเยิร์น มิวนิค ด้วยการคว้าแชมป์จนล้นมือ รวมไปถึงการเป็นมือหนึ่งทีมชาติเยอรมันชุดแชมป์โลกอีกด้วย

ต่อกันที่ตำแหน่งแบ็คขวา ขอชี้เป้าไปที่ โจชัว คิมมิช ที่ทาง รังก์นิก ไปดึงตัวมาอยู่กับ แอร์เบ ไลป์ซิก จากสโมสร สตุ๊ทการ์ท ด้วยค่าตัวแค่ 5 แสนยูโรเท่านั้น ซึ่งพอมองดูอนาคตของเขา ณ ปัจจุบัน ที่อยู่กับ เสือใต้ แล้ว แทบไม่มีข้อสงสัยใดๆ ในการฟันธงของ รังก์นิก เพราะมูลค่าในตลาดของ คิมมิช ตอนนี้ พุ่งไปแตะหลัก 90 ล้านยูโรเลยทีเดียว จากผลงานในสนามที่พัฒนามากขึ้นแบบไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

ถัดมาในตำแหน่งเซนเตอร์แบ็ครายแรก ขอพุ่งไปที่ อิบราฮิม่า โกนาเต้ แนวรับชาวฝรั่งเศส ที่ทาง รังก์นิก ได้มาฟรีๆ แต่ทุกวันนี้ย้ายไปอยู่กับ ลิเวอร์พูล ด้วยราคามหาศาล หลังจากที่ เจอร์เก้นน์ คล็อปป์ เทรนเนอร์รุ่นน้อง เล็งเห็นศักยภาพที่พัฒนาได้ของดาวเตะรายนี้ แล้วกล้าทุ่ม กล้าเสี่ยง ดึงตัวไปเสริมแกร่ง จนจ่อติดทีมชาติชุดใหญ่เป็นขาประจำอยู่เต็มที

ต่อกันที่ตำแหน่งเซนเตอร์แบ็คอีกหนึ่งราย เป็นอดีตคู่ขาของ โกนาเต้ ที่สโมสร แอร์เบ ไลป์ซิก ที่ทุกวันนี้ไปได้ดิบได้ดีอยู่กับ บาเยิร์น มิวนิค นั่นก็คือ ดาโย่ต์ อูปาเมกาโน่ แนวรับชาวฝรั่งเศส ที่แจ้งเกิดกับ เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก ก่อนจะย้ายมาสร้างชื่อกับ ไลป์ซิก ในเวลาต่อมา ด้วยศักยภาพที่เพียบพร้อม ทั้งความเร็ว ความแข็งแกร่ง และ การอ่านเกมที่ยอดเยี่ยม ทำให้เขารอคิวเลื่อนชั้นสู่ทัพตราไก่ชุดใหญ่ พร้อมแย่งตำแหน่งกับตัวเก๋ารุ่นพี่ในอีกไม่ช้าไม่นาน

ปิดท้ายตำแหน่งกองหลังกันที่แบ็คซ้าย ขอยกให้กับ ดาวิด อลาบา แนวรับสาระพัดประโยชน์ชาวออสเตรีย แม้ตอนที่ รังก์นิก ดึงตัวเขามา จะเป็นสัญญายืมตัวระยะสั้น แต่ขอรวมเข้ามาอยู่ในลิสต์ เพราะว่าตอนนั้น อลาบา ดูเป็นนักเตะที่แทบไม่มีใครรู้จัก แล้วน้อยคนนักที่จะเหลียวมอง แต่ดูทุกวันนี้แล้วคงไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่า อลาบา คือหนึ่งในนักเตะที่มีฝีเท้าไม่ธรรมดา ถึงขนาดที่ เรอัล มาดริด ดึงตัวไปอยู่ด้วยเพื่อเป็นความหวังใหม่ในแนวรับ

ถัดมาที่ตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลางคนแรก ขอเลือก นาบี เกอิต้า มิดฟิลด์ไดนาโมของ ลิเวอร์พูล ที่สร้างชื่อตั้งแต่สมัยอยู่กับ ซัลซ์บวร์ก แน่นอนว่าผลงานของเขากับ ไลป์ซิก เป็นที่ยอมรับกันทั่วทั้งลีก ว่าเป็นกองกลางที่ครบเครื่องที่สุดคนหนึ่ง หากสภาพร่างกายของเขาสลัดอาการบาดเจ็บทิ้งไปได้ รับรองได้เลยว่า หงส์แดง คงมีอาวุธที่น่ากลัวเพิ่มขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย

คู่ขาอีกหนึ่งคนในแดนกลาง ขอเลือกเป็น มาร์เซล ซาบิตเซอร์ มิดฟิลด์ทีมชาติออสเตรีย ที่ตอนอยู่กับ ราปิด เวียนนา ยังเป็นนักเตะโนเนมที่ไม่มีใครสนใจ แต่ก็เป็น รังก์นิก อีกเหมือนเคยที่ดึงตัวมาที่ แอร์เบ ไลป์ซิก แล้วกลายเป็นคีย์แมนสำคัญในแนวรุก จนทุกวันนี้ เสือใต้ เลือกดึงตัวไปเสริมทัพ เป็นอะไหล่ชั้นดี ที่ฝีเท้าแทบจะเทียบเท่าตัวจริงได้สบายๆ

ขยับขึ้นมาที่ตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุกหลังกองหน้า ขอเลือกเป็น ฟอลส์ ไนน์ เบอร์หนึ่งในโลกฟุตบอลตอนนี้อย่าง โรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่ ซึ่งก่อนที่เขาจะสร้างชื่อได้อย่างทุกวันนี้ ด้วยการประสบความสำเร็จอย่างสูงกับ ลิเวอร์พูล ผู้ที่ดึงตัวเขามาเล่นในยุโรป เพราะเห็นพรสวรรค์อันสูงส่งที่ซ่อนอยู่ ย่อมเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก รังก์นิก เหมือนเคย

ต่อกันที่ตำแหน่งริมเส้นฝั่งขวา ขอเลือกไปที่ ติโม แวร์เนอร์ แนวรุกทีมชาติเยอรมัน ที่ถึงแม้ตอนนี้ฟอร์มจะยังไม่เปรี้ยงกับ เชลซี แต่คงไม่มีใครลืมผลงานของเขาในศึก บุนเดสลีก้า ที่ยิงแบบระเบิดเถิดเทิง พาทัพ แอร์เบ ไลป์ซิก เบียดแย่งแชมป์ได้อย่างเมามัน ซึ่งใครจะไปเชื่อว่าดีลนี้ ใช้เงินไปเพียงแค่ 10 ล้านยูโร เพื่อซื้อดาวยิงที่กดไปถึง 95 ประตู ให้กับ เดอะ เร้ดบูลล์

ถัดมาที่ตัวริมเส้นฝั่งซ้าย ขอยกตำแหน่งนี้ให้กับ ซาดิโอ มาเน่ แนวรุกสปีดจัดของ บาเยิร์น มิวนิค ที่ทาง รังก์นิก เบิกงบประมาณไปเพียงแค่ 3.6 ล้านยูโร เพื่อดึงตัวเขามาอยู่กับ ซัลซ์บวร์ก ก่อนจะย้ายไปประสบความสำเร็จมากมายกับ หงส์แดง โดยนับว่า มาเน่ เป็นหนึ่งในดีลที่สำคัญมากๆ ของ คล็อปป์ ที่เริ่มสร้าง ลิเวอร์พูล ยุคใหม่ในช่วงเริ่มแรก

ปิดท้ายกันที่ตำแหน่งกองหน้าตัวเป้า คงไม่มีตัวเลือกอื่นใดนอกจาก เออร์ลิ่ง ฮาร์ลันด์ ดาวยิงป้ายแดงของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งตอนที่ รังก์นิก ดึงตัวเขามาจาก นอร์เวย์ บ้านเกิดใช้เงินไปเพียงแค่ 7.2 ล้านยูโรเท่านั้น ปัจจุบันนี้ ฮาลันด์ คือ ยอดดาวยิงที่จ่อคิวก้าวจากนักเตะเยาวชน ไปเป็นซูเปอร์สตาร์ระดับโลกในอีกไม่ช้าไม่นาน

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวนี้