เป็นที่ทราบกันดีว่าศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เป็นลีกลูกหนังที่มีอัตราการแข่งขันที่สูงเอามากๆ แต่ละทีมที่ร่วมสังคายนาในทุกซีซั่น ล้วนมีเป้าหมายที่ตั้งเกณฑ์เอาไว้ที่แตกต่างกัน ซึ่งถ้าหากผลงานของทีมเริ่มดูทรงไม่ดี ฟอร์มตกต่ำอย่างต่อเนื่อง การเปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีม ย่อมเป็นทางเลือกแก้ไขแรกๆ ที่บอร์ดบริหารแต่ละทีมเลือกจะจัดการโดยเร่งด่วน อย่างที่แฟนบอลเห็นกันจนชินตา

ทีมงาน 168Kick เล็งเห็นว่าประเด็นการปลดผู้จัดการทีมในลีกแดนผู้ดี เป็นคอนเทนต์ที่ดูน่าสนใจในการนำเสนอ โดยเน้นไปที่เทรนเนอร์ที่อยู่ในตำแหน่งสั้นที่สุด 10 อันดับ มาย้อนรอยความทรงจำให้แฟนๆ ได้รับชมกัน ซึ่งจะแบ่งออกเป็นสองตอน เรียกน้ำย่อยกันไปก่อนจำนวน 5 ราย ในบทความนี้

เริ่มต้นกันที่อันดับ 10 เป็น สตีฟ วิกลี่ย์ กุนซือชาวอังกฤษ ที่ได้รับงานคุมทีม เซาแธมป์ตัน ในช่วงปี 2004 ตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม จนถึง 10 ธันวาคม แต่กลับอยู่ในตำแหน่งได้เพียงแค่ 104 วันเท่านั้น หลังมีการปลด พอล สเตอร์ร็อค ออกจากตำแหน่ง ซึ่งประสบการณ์การคุมทีมชุดใหญ่ของเขา ผ่านมาแค่การคุม อัลเดอร์ช็อต ที่เป็นทีมระดับนอกลีกเท่านั้น แต่เมื่อไม่มีทางเลือกบอร์ดบริหารของ นักบุญ ตัดสินใจดันเขาขึ้นมาจากการคุมทีมเยาวชน เพื่อกลบกระแสที่แฟนบอลของทีม ไม่ต้องการตัว เกล็น ฮ็อดเดิ้ล แต่ก็อย่างที่เห็นกันว่าไปไม่รอด โดนปลดหลังทำทีมไปแค่ 14 เกม โชคยังดีที่มีเกมที่น่าจดจำอยู่บ้าง เช่นชัยชนะที่มีเหนือต่อ ปอร์ทสมัธ นั่นเอง

ต่อกันที่อันดับที่ 9 เป็นเทรนเนอร์มือเก๋าชาวอิตาลีอย่าง เคลาดิโอ รานิเอรี่ ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมาย มีประสบการณ์คุมทีมมาหลายเกรด ไล่ตั้งแต่ทีมยักษ์ใหญ่ ลงมายันทีมเล็กๆ งบน้อย ที่ต้องการหนีตกชั้น โดยงานที่เขารับคุมทัพ ฟูแล่ม ที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นบนลีกสูงสุดในปี 2019 แต่ปรากฏว่า ทำทีมเก็บชัยไปได้แค่ 3 เกม จาก 16 นัดที่ลงสนาม มีปัญหาในการคุมลูกทีมในแคมป์ จากเรื่องราวการทะเลาะกันของขุนพลตัวหลัก แถมการทำทีมสไตล์โรเตชั่นผู้เล่นหลายคน จนไม่สามารถหา 11 ตัวจริงที่ดีที่สุดได้เสียที กลายเป็นว่าโดนต่อต้านจากแฟนบอล จนถึงขนาดโดนตะโกนถามว่า “คุณไม่รู้หรอกว่าคุณทำอะไรอยู่?” ท้ายที่สุดแล้วหลังจากแพ้ให้กับ เซาแธมป์ตัน ด้วยสกอร์ 0-2 จึงถูกปลดออกจากตำแหน่ง หลังเข้ามารับงานได้เพียง 106 วัน ตั้งแต่วันที่ 14 พฤศจิกายน ปี 2018 – 28 กุมภาพันธ์ ปี 2019 เท่านั้น แล้วถูกแทนที่ด้วย สก็อตต์ ปาร์คเกอร์ ในเวลาต่อมา

ถัดมาที่อันดับที่ 8 เจ้าของตำแหน่งนี้เป็นของ โทนี่ อดัมส์ อดีตตำนานกองหลังของ อาร์เซน่อล ที่ได้รับงานในการคุมทีม ปอร์ทสมัธ ในวันทื่ 28 ตุลาคม ปี 2008 แต่อยู่ในตำแหน่งได้ถึงแค่วันที่ 8 กุมภาพันธ์ปี 2009 รวมระยะเวลาเพียงแค่ 106 วันเท่านั้น ด้วยภารกิจที่ยากยิ่งในการรับหน้าที่แทน แฮร์รี่ เร้ดแนปป์ เทรนเนอร์ประสบการณ์สูง แต่เหมือนว่างานนี้จะใหญ่เกินตัวของ อดัมส์ ที่เคยผ่านงานในการคุมแค่ทีมระดับล่างอย่าง วีคอมบ์ วันเดอร์เรอร์ส เท่านั้น ซึ่งพอทีมต้องขาย เจอร์เมน เดโฟ และ ลาสซาน่า ดิยาร์ร่า สองตัวหลักในการแบกทีมออกไปช่วงกลางซีซั่น ผลงานของทีมก็ดำดิ่งลงเรื่อยๆ จนโดนไล่ออกในที่สุด เหลือไว้เพียงแค่แมตช์ในความทรงจำที่เสมอกับ เอซี มิลาน แบบปาฏิหาริย์เท่านั้น

ข้ามมาถึงอันดับที่ 7 เป็นตำนานของทีม ดาร์บี้ เคาน์ตี้ อย่าง โคลิน ท็อดด์ ที่เข้ามาแทนที่ของ จิม สมิธ กุนซือมือเก๋า ในสภาพที่สถานการณ์ของทีมกำลังย่ำแย่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอันดับในตารางที่จมอยู่รองบ๊วย เก็บไปได้แค่ 5 แต้ม แถมการเงินของทีมก็มีงบจำกัด โดยตั้งเป้าในการเอาตัวรอดในลีกสูงสุด ท่ามกลางกระแสข่าวการปล่อยสตาร์ไปอยู่กับทีมที่ใหญ่กว่า ไม่ว่าจะเป็น คริส ริกก็อตต์, มัลคอล์ม คริสตี้ และ เซ็ธ จอห์นสัน แม้ว่าจะเก็บสองรายแรกไว้ได้ แล้วขายรายหลังแลกกับเงินก้อนโตจาก ลีดส์ ยูไนเต็ด แต่ทีมก็ไม่สามารถกลับมามีฟอร์มที่ดีอย่างที่ต้องการได้ แล้วพอไปพ่ายแบบช็อคโลกให้กับ บริสตอล โรเวอร์ส ทีมรองบ่อนในศึก เอฟเอ คัพ ส่งผลให้ ท็อดด์ กระเด็นตกเก้าอี้ทันที อยู่ในตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคม ปี 2002 ถึง 14 มกราคม ปี 2003 รวมเวลาแค่ 98 วันเท่านั้น

ปิดท้ายคลิปนี้กันที่อันดับที่ 6 เป็นคิวของ เทอร์รี่ คอนเนอร์ ที่เข้ารับงานคุมทัพ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอร์เรอร์ส แทนที่ของ มิค แม็คคาร์ธี่ย์ ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ปี 2012 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2012 สิริรวมแล้วอยู่ในตำแหน่งได้เพียงแค่ 91 วันเท่านั้น โดยตอนแรก เจซ ม็อกซี่ บอร์ดบริหารของ หมาป่า สัญญากับแฟนบอลของทีมเอาไว้ว่า จะหาตัวแทนที่มีชื่อเสียงปละประสบการณ์เข้ามาแทน แม็คคาร์ธี่ แต่การกระทำกลับตรงกันข้าม ด้วยการมอบภาระดังกล่าวให้กับ คอนเนอร์ ที่พาทีมเก็บไปได้เพียง 4 แต้ม จากการลงสนาม 13 นัด ไม่สามารถเก็บชัยชนะได้แม้แต่เกมเดียว แล้วก็ถูกลดขั้นลงมาเป็นแค่ผู้ช่วยในเวลาต่อมา ก่อนจะอำลาทีมไปหลังจากนั้นเพียงแค่ไม่กี่เดือน