ในช่วงซัมเมอร์นี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ทำการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ด้วยการดึงตัว เอริค เทน ฮาก โค้ชชาวดัตช์เข้ามาคุมทีม ซึ่งมันเป็นซีซั่นที่แฟนบอล “ปีศาจแดง” จับตามองอย่างมากว่า ทีมจะเดินไปในทิศทางใด

ริชาร์ด อาร์โนลด์ ผู้บริหารระดับสูงของ แมนฯ ยูไนเต็ด เคยเปิดใจเกี่ยวกับปัญหาการเซ็นสัญญาผู้เล่นใหม่ของ “ปีศาจแดง” ที่ล้มเหลวในช่วงหลายๆปีที่ผ่านมา และวิธีแก้ปัญหาตอนนี้ดูเหมือน บอร์ดของสโมสรจะมอบความไว้วางใจให้กับ จอห์น เมอร์ทัฟ ผู้อำนวยการฟุตบอลเป็นผู้ดูแล

ปรับปรุงโครงสร้างการมองหานักเตะใหม่

อาร์โนลด์ ระบุว่า “เราใช้เงินไปเป็นพันล้านปอนด์เพื่อซื้อนักเตะใหม่ เราใช้เงินไปมากกว่าใครในยุโรป ผมไม่ตื่นเต้นเลยกับสิ่งที่เราเป็นอยู่ มันไม่ง่ายสำหรับผม และผมกังวลว่าเราจะจัดการเรื่องนี้อย่างไรในอนาคต ซึ่งหากเป็นแบบนี้ต่อไปเราแย่แน่”

“เงินที่ผู้จัดการทีม และผู้อำนวยการฟุตบอลต้องการมันมีอยู่แล้ว ตำแหน่ง CEO ของผมคืออะไร? ผมต้องแน่ใจว่า จอห์น ทำงานด้านฟุตบอลของเขา มองหานักเตะเข้ามาร่วมทีม เงินอยู่ตรงนั้นอยู่แล้ว โอเค ลุยเลย จอห์น หาคนที่คุณคิดว่า ใช่ เข้ามา”

เมอร์ทัฟ เคยเป็นนักวิทยาศาสตร์การกีฬาที่ เอฟเวอร์ตัน ก่อนที่จะย้ายไปทำงานกับ แมนฯ ยูไนเต็ดในปี 2013 เขาเคยทำงานในสถาบันการศึกษาเรื่องการเงินด้วยเช่นกัน แต่มันก็ยังแปลกใจสำหรับบางคนเมื่อสโมสรเลือกให้เขาเข้ามาทำงานเป็น ผอ.ฟุตบอล

โฟกัสหลักของ เมอร์ทัฟ ในซัมเมอร์นี้คือ หานักเตะใหม่ตาที่ เทน ฮาก ต้องการ โดยบรรดาแฟนบอล แมนฯ ยูไนเต็ด คิดว่า เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วที่สโมสรสนับสนุนผู้จัดการทีม แต่อิทธิพลของอดีตเทรนเนอร์ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ยังคงอยู่ในความสงสัย

เทน ฮาก วางเป้าหมายไปที่ คริสเตียน อิริคเซ่น จอมทัพชาวเดนมาร์ก ซึ่งเป็นอดีตนักเตะ อาแจ็กซ์ ที่กำลังไร้สังกัดหลังหมดสัญญากับ เบรนท์ฟอร์ด รวมถึงอดีตลูกทีมเก่าอย่าง แฟรงค์กี้ เดอ ยอง กองกลางชาวดัตช์ ของ บาร์เซโลน่า และ ลิซานโดร มาร์ติเนซ ปราการหลังชาวอาร์เจนไตน์

ขณะเดียวกัน เทน ฮาก ได้นักเตะใหม่ที่เข้าต้องการรายแรกแล้ว คือ ไทเลอร์ ลามาเซีย แบ็คซ้ายชาวฮอลแลนด์ ของ เฟเยนูร์ด ในเอริวิซี่ลีก ซึ่งเขาเคยติดตามฟอร์มของดาวเตะรายนี้มาแล้วสมัยที่ตัวเองยังคุม อาแจ็กซ์ และล่าสุด อิริคเซ่น กับ มาร์ติเนซ ก็มาเป็นแข้งใหม่ของพลพรรค “ปีศาจแดง” เรียบร้อยแล้ว

ไม่มีอะไรสำหรับ เทน ฮาก ที่จะดึงตัวนักเตะที่คุ้นเคยอยู่แล้วมาเล่นกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งหากย้อนกลับไปอดีตกุนซือ “ปีศาจแดง” หลายๆคนอย่าง เดวิด มอยส์, หลุย ฟาน กัล และ โชเซ่ มูรินโญ่ ก็ทำในแบบเดียวกัน

มอยส์ คว้าตัว มารูยาน เฟลไลนี่ กองกลางชาวเบลเยียมเข้ามา ขณะที่ ฟาน กัล เลือกเซ็นสัญญากับ 2 นักเตะดัตช์อย่าง เดลีย์ บลินด์, เมมฟิส เดปาย และ บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ ดาวเตะชาวเยอรมัน ส่วน มูรินโญ่ ก็เลือก เนมานย่า มาติช ห้องเครื่องชาวเซอร์เบีย

อย่างไรก็ตาม หากให้สโมสร เทน ฮาก เลือกแต่นักเตะที่เขาอยากได้เข้ามาเพียงอย่างเดียวนั้น มันก็เป็นสัญญาณบ่งบอกว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่มีทีมงานแมวมองที่ไว้ใจได้ในการมองหาผู้เล่นเป้าหมายรองลงมารายอื่นๆ

เปรียบเทียบการทำงานกับคู่แข่ง

ที่ เชลซี โธมัส ทูเคิ่ล นายใหญ่ชาวเยอรมัน ต้องมีหน้าที่รับผิดชอบมากขึ้นในการมองหานักเตะใหม่เข้ามาเสริมทัพในซัมเมอร์นี้ แต่มันก็มีเหตุขัดข้องบางอย่างที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ จนส่งผลให้การทำธุรกิจของพวกเขาล่าข้า และพึ่งได้นักเตะใหม่รายเดียวคือ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ปีกชาวอังกฤษของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้

ขณะที่ แมนฯ ซิตี้ เซ็นสัญญาคว้าตัว จูเลียน อัลวาเรซ กองหน้าดาวรุ่งชาวอาร์เจนไตน์ตั้งแต่ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา เป๊ป กวาร์ดิโอลา เฮดโค้ชชาวสเปน ตัดสินใจทำตามคำแนะนำของแมงมอง “เรือใบสีฟ้า” ที่ระบุว่า ดาวยิงวัย 22 ปี มีศักยภาพมากพอที่จะเข้ามาเล่นกับทีมชุดแรก และจะพัฒนาได้อีกในอนาคต

เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือชาวเยอรมันของ ลิเวอร์พูล เซ็นสัญญากับ หลุยส์ ดิแอซ ปีกชาวโคลอมเบีย มาจาก เอฟซี ปอร์โต้ เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ทั้งที่นักเตะยังพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ แต่เขาอธิบายว่า เป็นนักเตะที่ “หงส์แดง” ติดตามมานานมากแล้ว

พวกนี้ คือ สโมสรที่มีแนวทางการทำงานที่มั่นคง ในขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ยังคงหาทางออกอยู่ แต่มีสัญญาณบวกบางอย่างสำหรับดีลแรกในการคว่าตัว มาลาเซีย มาจาก เฟเยนูร์ด ด้วยค่าตัวเพียง 13 ล้านปอนด์เท่านั้น

แม็ตต์ จู๊ด ซึ่งก่อนหน้านี้รับผิดชอบการเจรจาเรื่องการย้ายทีมได้ลาออกไปแล้วในปีนี้ พร้อมกับหัวหน้าแมงมองอย่าง จิม ลอว์เลอร์ รวมถึงหัวเรือใหญ่ในการมองกานักเตะจากทั่วโลกอย่าง มาร์เซล เบ้าท์ ก็อำลาทีมเช่นเดียวกัน

แมนฯ ยูไนเต็ด คิดว่า การมอบหมายการตัดสินใจเลือกนักเตะใหม่ให้ เทน ฮาก นั้น มันสมเหตุสมผล ซึ่งการให้การสนับสนุนแก่ โค้ชชาวดัตช์ นั้น ทำให้เขาเป็นหัวใจสำคัญของนโยบายการมองหาผู้เล่นใหม่ของสโมสร และเป็นแนวทางที่ถูกต้อง

ในช่วงที่ผ่านมา แมนฯ ยูไนเต็ด ใช้เวลาเกือบทศวรรษในการดิ้นรนเพื่อทำงานตามปรัชญาของสโมสร แต่ตอนนี้ แนวคิด และหลักการของ อดีตเทรนเนอร์ อาแจ็กซ์ วัย 52 ปีนี้จะเป็นตัวกำหนดยุคใหม่ของพลพรรค “ปีศาจแดง”