ในฤดูกาลใหม่นี้ เชื่อได้ว่า เราจะได้เห็นบรรดานักเตะบิ๊กเนมหลายต่อหลายคนจากทั่วทุกสโมสรในยุโรป จะต้องต่อสู้เพื่ออนาคตของตัวเอง หรือรู้สึกแบกรับภาระหนักขึ้นจากความกดดันต่างๆทั้งใน และนอกสนาม

5 ผู้เล่นชื่อดังต่อไปนี้ อยู่ในข่ายที่ต้องเรียกฟอร์มเก่งกลับมาอย่างหนัก และพิสูจน์ตัวเองให้เห็นว่า พวกเขายังมีดีพอที่จะเป็นกำลังสำคัญของทีมเพื่อสู้ศึกซีซั่นนี้

1. แฮร์รี่ แม็คไกวร์ (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)

จากการถูกเสนอให้ตัดชื่อออกจากการเป็นตัวจรีงทีมชาติอังกฤษ และการโดนแฟนบอล แมนฯ ยูไนเต็ด โห่ใส่ในเกมอุ่นเครื่องช่วงปรีซีซั่นที่ผ่านมา แม็คไกวร์ กำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่ลำบากที่สุดในชีวิตค้าแข้งเลยก็ว่าได้

ปราการหลังวัย 29 ปี ซึ่งย้ายจาก เลสเตอร์ ซิตี้ มาเล่นกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ในปี 2019 ด้วยค่าตัวสถิติโลกในตำแหน่งกองหลัง 80 ล้านปอนด์ นั้น กลายเป็นแพะรับบาปจากผลงานอันย่ำแย่ของพลพรรค “ปีศาจแดง” เมื่อซีซั่นที่แล้ว

ในปีนี้ แม็คไกวร์ ต้องเร่งฟอร์มตัวเองอย่างหนักเพื่อพิสูจน์ให้ เอริค เทน ฮาก โค้ชคนใหม่ชาวดัตช์ของ แมนฯ ยูไนเต็ด เห็นว่า ดีพอจะเป็นกัปตันทีมต่อไป และต้องเร่งผลงานเพื่อเอาชนะใจแฟนบอล “ปีศาจแดง” ให้ได้โดยเร็วที่สุด

2. โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่ (ลิเวอร์พูล)

หนึ่งในตัวคีย์แมนหลักยุคกอบโกยความสำเร็จของ ลิเวอร์พูล ช่วง 7 ปีที่ผ่านมา ภายใต้การคุมทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ โต้ชชาวเยอรมัน โดย หัวหอกแซมบ้า โชว์ฟอร์มได้ต่ำวกว่ามาตรฐานเมื่อปีที่แล้วหลังซัดไปเพียง 11 ประตู จาก 35 เกมรวมทุกรายการ และยังต้องตกไปเป็นตัวสำรองอีกด้วย

ขณะเดียวกัน ในซีซั่นนี้ ฟิร์มิโน่ ต้องเจอความท้าทายอย่างหนักในการแย่งตำแหน่งตัวจริง หลังจาก ลิเวอร์พูล ทุ่มเงินราว 85 ล้านปอนด์ คว้าตัว ดาร์วิน นูเนซ ศูนย์หน้าทีมชาติอุรุกวัยมาจาก เบนฟิก้า ในลีกโปรตุเกส เพื่อสร้างทีมสายเลือดใหม่

นอกจากนี้ ฟิร์มิโน่ ยังคงต้อเร่งฟอร์มอย่างหนักเพื่อมีรายชื่อติดทีมชาติบราซิลไปลุยศึกฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์ในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งหากยังฝืดต่อไป เจ้าตัวอาจไม่มีชื่อติดทัพ “เซเลเซา” ก็เป็นได้

3. โรเมลู ลูกากู (อินเตอร์ มิลาน ยืมมาจาก เชลซี)

เมื่อซัมเมอร์ที่แล้ว กองหน้าชาวเบลเยียม ย้ายจาก อินเตอร์ กลับไปเล่นกับ เชลซี เป็นคำรบที่ 2 ด้วยค่าตัวเฉียด 100 ล้านปอนด์ หลังจากพาพลพรรค “งูใหญ่” คว้าแชมป์สคูเด็ตโต้มาสดๆร้อนๆ แถมซัดไปอีก 24 ประตูเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม มันเหมือนเป็นหายนะของทั้ง 2 ฝ่าย หลังจาก ลูกากู ไม่สามารถเรียกฟอร์มเก่งสมัยเล่นกับ อินเตอร์ มาได้เลย และเจ้าตัวก็ออกมาโจมตีการทำงานของ โธมัส ทูเคิ่ล กุนซือชาวเยอรมันของ เชลซี จนทำให้ถูกดร็อปไปเป็นตัวสำรอง รวมถึงสถิติทำประตูย่ำแย่อย่างหนักด้วยการยิงเพียง 15 ลูก รวมทุกรายการจาก 44 เกม  

ในซีซั่นนี้ หัวหอกวัย 29 ปี ย้ายจาก เชลซี กลับไปเล่นกับ อินเตอร์ อีกครั้งด้วยสัญญายืมตัว ซึ่งแฟนบอลของ “งูใหญ่” ก็หวังว่า เขาจะกลับมาโชว์ฟอร์มได้ดีอีกครั้งเหมือนช่วงเวลาที่เคยค้าแข้งในถิ่น จูเซปเป้ เมอัซซ่า เป็นเวลา 2 ปี

4. เนย์มาร์ (ปารีส-แซงต์-แชร์กแมง)

5 ปีหลังย้ายจาก บาร์เซโลน่า ในศึกลา ลีกา สเปน มาลาตาข่ายกับ เปแอสเช ด้วยค่าตัวสถิติโลก 222 ล้านยูโร สถานะของ เนย์มาร์ ที่ในถิ่น ปาร์ก เดอ แพรงซ์ ก็เริ่มไม่สู้ดีนักหลังจากมีรายงานข่าวว่า เปแอสเช พร้อมจะปล่อยเขาออกจากสโมสรในซัมเมอร์นี้ แม้จะมีสัญญายาวถึงปี 2027 ก็ตาม

ในช่วงปลายซีซั่นที่ผ่านมา หัวหอกชาวบราซิล ทำผลงานยอดเยี่ยมด้วยการซัดป 8 ประตู จาก 7 เกมสุดท้ายในศึกลีก เอิง ฝรั่งเศส แต่มันยังมีคำถามอยู่ว่า ผู้เล่นระดับโลกแบบเขานั้น ควรพาทีมที่เต็มไปด้วยซุเปอร์สตาร์อย่าง เปแอสเช ประสบความสำเร็จมากกว่านี้หรือไม่

ขณะเดียวกัน ดาวเตะเลือดแซมบ้าวัย 30 ปี ก็ดูไม่เดือดร้อนเท่าไหร่กับสถานการณ์ของตัวเองกับ เปแอสเช รวมถึงคำวิจารณ์ต่างๆ ดังนั้น น่าสนใจว่า ก่อนตลาดนักเตะปิดตัวลงจะมีอะไรเซอร์ไพรส์บ้างสำหรับเจ้าตัว

5. ซาดิโอ มาเน่ (บาเยิร์น มิวนิค)

นักเตะระดับโลกอย่าง มาเน่ มีศักยภาพ ฝีเท้า และคุณสมบัติครบถ้วนที่จะเป็นดาวเด่นให้กับ บาเยิร์น อย่างไม่ต้องสงสัยเลย แต่เขาต้องเจอความกดดันอย่างหนักในการเข้ามาแทนที่ของ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ยอดกองหน้าทีมชาติโปแลนด์ ที่อำลา “เสือใต้” ไปเล่นกับ บาร์เซโลน่า ในซัมเมอร์นี้

มาเน่ และ เลวานดอฟสกี้ ที่มีสไตล์การเล่นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ซึ่งทำให้ จูเลียน นาเกิลส์มันน์ กุนซือหน่มของ บาเยิร์น จำเป็นต้องปรับแนวทางการเล่นของ “เสือใต้” เพื่อสู้ศึกในซีซั่นนี้ และ อดีตปีก ลิเวอร์พูล ก็ต้องปรับตัวกับสภาพแวดล้อมใหม่ด้วยเช่นเดียวกัน

ไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่า มาเน่ เป็นแนวรุกที่ยอดเยี่ยมลำดับต้นๆของโลก แต่การย้ายมาอยู่กับทีมใหม่อย่าง บาเยิร์น ในฐานะตัวแทนของ เลวานดอฟสกี้ นั้น มันก็เลี่ยงไม่ได้เลยที่เขาจะต้องถูกเปรียบเทียบ และต้องพิสูจน์ตัวเองอย่างหนักเลยทีเดียว