พรีเมียร์ลีก ถือเป็นลีกที่เล่นยากที่สุดในโลก จากความเห็นของนักเตะหลายๆคนที่ผ่านมา ดังนั้นไม่ใช่ทุกคนที่จะเรียกฟอร์มเก่งจากที่เก่าออกมาได้ตั้งแต่ฤดูกาลแรก หลายคนประสบปัญหาแล้วก็ไม่อาจเรียกฟอร์มเก่งกลับมาได้อีกเลย แต่ก็มีอีกบางส่วนที่อาจต้องใช้เวลา 1 ปีเพื่อปรับตัว และนี่คือเรื่องราวของ 5 ตำนานที่กลับมาโชว์ฟอร์มโหดได้ในฤดูกาลที่สองของตัวเอง

ปาทริซ เอวร่า (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)

เอวร่า เป็นหนึ่งในการเซ็นสัญญาที่ดีที่สุดของกุนซือ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน แบบไม่ต้องสงสัย หลัง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จ่ายเงินไปเพียง 5.5 ล้านปอนด์ให้กับ โมนาโก เมื่อปี 2006

อย่างไรก็ตามในฤดูกาลแรก (2006-07) เขาเปิดตัวครั้งแรกแบบไม่น่าจดจำ หลังโดนอริร่วมเมือง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไล่ถ่ม 3-1 โดยเกมนั้นคู่แข่งเล่นงาน เอวร่า ตลอดทั้งเกม ส่งผลให้ความมั่นใจของแบ็กซ้ายรายนี้โดนทำลายลงแทบไม่เหลือ เขาเหมือนจะรับมือจากความกดดันต่อหน้าแฟนๆในถิ่น โอลแทรฟฟอร์ด ที่มีกว่า 76,000 คนได้ จากผลงานอันน่าผิดหวังทำให้เขาไม่ได้รับความไว้วางใจ โดนดรอปไปเป็นตัวสำรองในนัดสำคัญที่ต้องพบกับอริตลอดกาล ลิเวอร์พูล ยิ่งไปกว่านั้นฤดูกาลดังกลาง ยูไนเต็ด เลือกที่จะเรียก มิเกล ซิลแวสตร์ กลับมายืนประจำตำแหน่งแทน ส่งผลให้ ปาทริซ เอวร่า ไม่มีชื่อติดทีมชาติไปเล่นฟุตบอลโลกปี 2006

ฤดูกาลที่สอง ปาทริซ เอวร่า เริ่มปรับตัวกับทีมได้ จึงกลายเป็นตัวเลือกลำดับแรกในตำแหน่งแบ็กซ้ายของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ก่อนหน้า กาเบรียล ไฮน์เซ่, จอห์น โอเช และ มิเกล ซิลแวสตร์ นับตั้งแต่นั้นเขาก็ยึดครองตำแหน่่งแบ็กซ้ายตัวจริงของ “ปีศาจแดง” มาโดยตลอด ก่อนที่จะย้ายออกไปร่วมทัพ “ม้าลาย” ยูเวนตุส ในปี 2014

มิคาเอล เอสเซียง (เชลซี)

เขาย้ายจาก ลียง มาร่วมทัพ เชลซี เมื่อปี 2005 ด้วยค่าตัว 24.5 ล้านปอนด์ กลายเป็นการเซ็นสัญญาที่แพงที่สุดของทัพสิงโตน้ำเงินครามในช่วงเวลานั้นทันที แต่ทว่าฟอร์มการเล่นระดับที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ที่ดีที่สุดในโลกช่วงยุค 2000 ไม่ได้แสดงออกมาให้เห็นเลยตลอดเวลา 1 ปีแรกในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์

การมาของ เอสเซียง ส่งผลให้ มูรินโญ่ ตัเสินใจปล่อย ไอเดอร์ กุดยอห์นเซ่น พ้นทีม แม้มิดฟิลด์รายใหม่จะหาฟอร์มเก่งไม่เจอ แต่ด้วยคุณภาพกองกลางของเชลซี ที่มีทั้ง แฟร้งก์ แลมพาร์ด และ โคลด มาเกเลเล่ ในช่วงพีค ทำให้พวกเขาไม่ต้องการหวงังพึ่งผลงานของมิดฟิลด์ บ็อก ทู บ็อก เท่าไหร่นัก หลังจบฤดูกาลแรกตำแหน่งของ เอสเซียง เริ่มมีความเสี่ยงขึ้น ในช่วงตลาดซัมเมอร์มีการนำเข้าผู้เล่นแดนกลางอย่าง มิชาเอล บัลลัค เข้ามา แต่แล้วเมื่อฤดูกาลที่สองมาถึง ดาวเตะชาวกานา ตอบโต้กลับด้วยผลงานอันยอดเยี่ยม เขาจึงกลายมาเป็นผู้เล่นคนสำคัญของทีม น่าเสียดายที่อาการบาดเจ็บที่เข่าเล่นงาน เอสเซียง 2 ครั้ง 2 หน ทำให้เขาได้ลงสนามน้อยกว่าที่ควรในฤดูกาลต่อๆมา

ฮาเวียร์ มาสเคราโน (เวสต์แฮม, ลิเวอร์พูล)

กองกลางชาวอาร์เจนติน่า ย้ายจากลีกบราซิล มาเล่นให้กับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ในพรีเมียร์ลีกเมื่อฤดูกาล 2006-07 แต่การย้ายมาครั้งแรกก็เป็นฝันร้าย เมื่อตลอด 9 เกมแรกในลีกขุนค้อนเอาชนะใครไม่ได้เลย (แพ้8 8 เสมอ 1) ฤดุกาลแรกในอังกฤษ มาสเคราโน มีโอกาสลงเล่นในลีกเพียงแค่ 5 นัดเท่านั้น

ต้องยอมรับว่า เขาไม่ได้สร้างความประทับใจในถิ่น อัพตัน พาร์ค ดังนั้นหลังผ่านไปเพียงครึ่งฤดูกาล เมื่อ ลิเวอร์พูล ติดต่อเข้ามาเพื่อขอซื้อตัวทีมจากลอนดอน จึงไม่คิดนานยอมปล่อยมิดฟิลด์ชาวอาร์เจนไตน์ออกจากทีม ช่วง 2-3 เดือนนั้นผลงานของเขาในลีกยังไม่ค่อยน่าประทับใจเท่าไหร่นัก แต่เมื่อเข้าสู่ฤดูกาลที่สองของตัวเองในเวทีพรีเมียร์ลีก ฟอร์มของกองกลางตัวรับรายนี้ค่อยๆดีขึ้นเรื่อยๆ จากการเล่นเคียงข้างกับ สตีเว่น เจอร์ราร์ด และ ชาบี อลอนโซ่ ก่อนจะค่อยๆกลายมาเป็นผู้เล่นคนสำคัญในถิ่น แอนฟิลด์ มาสเคราโน ย้ายไปร่วมทัพ บาร์เซโลน่า ทีมดังแห่งลาลีกาเมื่อปี 2010 ในฐานะหนึ่งในมิดฟิลด์ตัวรับที่ดีที่สุดของโลก

“ในสโมสรฟุตบอลแบบนี้ คุณต้องใช้เวลาในการปรับตัว” มาสเคราโน่กล่าว

“บางทีปีแรกอาจเป็นแค่การทำความรู้จักกับมัน… มันไม่เหมาะที่ผู้เล่นจะใช้เวลาเพียงปีเดียวในประเทศเดียว”

โรแบร์ ปิแรส (อาร์เซน่อล)

ปิแรส เป็นนักเตะที่เนื้อหอมคนหนึ่งของยุโรปเวลานั้น แต่หลังจากที่จบศึกยูโร 2000 ได้ไม่นาน อาร์เซ่อล ออกมาประกาศคว้าตัวนักเตะชาวฝรั่งเศสมาร่วมทัพด้วยค่าตัว 6 ล้านปอนด์ เอาชนะคู่แข่งอย่าง เรอัล มาดริด และ ยูเวนตุส มาได้ ซึ่งเขาโดนนำตัวเข้ามาในฐานะตัวแทนของ มาร์ค โอเวอร์มาร์ส ปีกระดับตำนานของไอ้ปืนใหญ่

ฤดูกาลแรกของ ปิแรส ในอังกฤษต้องประสบพบเจอกับความยากลำบากในการปรับตัว จนต้องออกมาให้สัมภาษณ์ว่าที่พรีเมียร์ลีกปะทะกันแรงเกินไป ผลงานของเขาสอดคล้องกับผลงาน อาร์เซน่อล ที่ไม่สามารถคว้าแชมป์ได้แม้แต่รายการเดียวในฤดูกาล 2000-01

ฤดูกาลต่อมา ปิแรส มีการพัฒนาฟอร์มในสนามดีขึ้นแบบก้าวกระโดด ช่วงหนึ่งเขาขึ้นมามีบทบาทสำคัญของทีมพอๆกับ ปาทริค วิเอร่า และ เธียร์รี อองรี และได้รับการเสนอชื่อให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของสมาคมนักข่าวฟุตบอล นอกจากนี้ผลงานส่วนหนึ่งของเขายังช่วยให้ ปืนใหญ่ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2001-02 หลังจากนั้น ปิแรส ยังคงโชว์ฟอร์มเทพกับ อาร์เซน่อล จนถึงปี 2006

ดาวิด เด เคอา (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)

เด เคอา ย้ายมาร่วมทัพ ยูไนเต็ด เมื่อปี 2011 แต่แฟนบองของอสูรแดงที่ไม่เคยเห็นเขาเล่นให้กับ แอตเลติโก มาดริด ไม่เข้าใจว่าเหตุผลอะไรที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ถึงยอมทุ่มเงิน 18.5 ล้านปอนด์ เพื่อดึงตัวผู้รักษาประตูรายนี้มาเฝ้าเสาสืบทอด เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์

มีหลายเหตุผลที่ทำให้หลายคนไม่เชื่อมั่น เด เคอา ทั้ง ปัญหารูปร่างที่ผอมบาง, ฟอร์มของแผงหลังที่เริ่มโรยรา และไม่เคยมีประสบการณ์ฟุตบอลอังกฤษ ฟอร์มของนายทวานชาวสเปนในฤดูกาลแรกยังคงไม่สร้างความประทับใจให้กับแฟนบอล ยูไนเต็ด ได้

ฤดูกาลต่อมา 2012-13 ช่วงครึ่งแรกของฤดูกาลผ่านมา เด เคอา ยังโชว์ฟอร์มเก่งออกมาไม่ได้ กระทั่งในช่วงตลอดหน้าหนาว 2013 แมนยู มีข่าวเชื่อมโยงกับผู้รักษาประตูคนใหม่ อัสเมียร์ เบโกวิช หลายครั้ง จนกระทั่งในช่วงเดือน กุมภาพันธ์ ยูไนเต็ด เดินทางไปแข่งขัยรายการ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก พบกับ เรอัล มาดริด ที่สนาม ซานติอาโก้ เบร์นาเบว เกมดังกล่าวจบลงด้วยผลเสมอ 1-1 แต่ฟอร์มการเล่นเกมดังกล่าวก็พิสูจน์ให้เห็นว่า นายประตูชาวสเปน เหมาะสมกับตำแหน่งตัวจริงของทัพ ปีศาจแดง