Home บทความฟุตบอล 11 การเปลี่ยนการตัดสินใจนาทีสุดท้ายของซูเปอร์สตาร์ลูกหนัง ตอนแรก

11 การเปลี่ยนการตัดสินใจนาทีสุดท้ายของซูเปอร์สตาร์ลูกหนัง ตอนแรก

0
11 การเปลี่ยนการตัดสินใจนาทีสุดท้ายของซูเปอร์สตาร์ลูกหนัง ตอนแรก

หลังจากที่สโมสร ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ประกาศข่าวสำคัญเรื่องการต่อสัญญากับ คีเลียน เอ็มบัปเป้ ว่าที่สตาร์เบอร์หนึ่งโลกฟุตบอลคนต่อไป ก่อนเกมที่จะลงเตะกับ เม็ตซ์ แล้วถล่มเอาชนะไปแบบขาดลอย วงการย่อมสั่นสะเทือนกับข้อเสนอที่ยอมมอบให้กับศูนย์หน้าทีมชาติฝรั่งเศสแบบทุ่มสุดตัว ค่าเหนื่อยระดับ 1 ล้านยูโรต่อสัปดาห์ เงินกินเปล่าค่าเซ็นต์สัญญาหลัก 1 ร้อยล้านยูโร โบนัสตามความสำเร็จต่างๆ ส่วนแบ่งเรื่องค่าลิขสิทธิ์ภาพลักษณ์ รวมไปถึงเงื่อนไขในการเลือกผู้จัดการทีม ที่ต้องยอมให้ เอ็มบัปเป้ มีส่วนร่วมพิจารณานายใหญ่คนใหม่ ที่จะเข้ามารับงานต่อไปจนถึงปี 2025

แฟนบอลทั่วโลกต่างเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า เกินปุยมุ้ย สำหรับการมอบสิทธิพิเศษและเม็ดเงินระดับมหาศาล ให้กับนักเตะเพียงคนเดียว แต่ถ้ามองในมุมกลับกัน การพลิกสถานการณ์ครั้งนี้ของ เปแอสเช ที่ดูจะตกเป็นรอง เรอัล มาดริด ที่เป็นสโมสรในฝันของ เอ็มบัปเป้ มาตลอด เป็นการแสดงอารยะขัดขืนได้แบบสมบูรณ์แบบที่สุด ก้าวข้ามเรื่องของประวัติศาสตร์ความยิ่งใหญ่และชื่อเสียงของสโมสร ดด้วยการเปย์เงินล้วนๆ แบบไม่มีอะไรซับซ้อน ซึ่งแสดงให้เห็นเลยว่าสโมสรแห่งนี้ ไม่ได้มีชื่อชั้นที่เป็นรองยักษ์ใหญ่ในอดีตแต่อย่างใด แล้วพร้อมจะก้าวไปสู่จุดที่ทัดเทียมกันให้ได้ในสักวัน อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่าโฟกัสที่สุดเป็นเรื่องของการเปลี่ยนใจวินาทีสุดท้ายของตัวนักเตะ ที่มีเหตุผลส่วนตัวในการเลือกครั้งนี้ ที่จะชี้ชะตาตัวเองในอนาคต

บทความนี้ พร้อมนำเสนอ คอนเทนต์ที่น่าสนใจเกี่ยวกับการเปลี่ยนใจนาทีสุดท้ายของเหล่าสตาร์ในวงการลูกหนัง ที่พลิกสถานการณ์แบบช็อคโลก ซึ่งเคยเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้แล้วจำนวน 11 ครั้งด้วยกัน โดยจะขอแบ่งเป็นสองตอน เพื่อความยาวที่เหมาะสมกันเช่นเคย แล้วจะเปิดหัวกันจำนวน 6 ราย เป็นการเรียกน้ำย่อยกันไปก่อน แต่จะมีเหตุการณ์ครั้งใดของนักเตะคนไหน? ที่เป็นความทรงจำที่น่าสนใจกันบ้าง? ทุกคำตอบรวมเอาไว้ในเรียบร้อยแล้ว

เริ่มต้นกันที่รายแรกเป็นเคสที่เกิดขึ้นในเดือนเมษายนปี 2005 ที่ทาง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้เซ็นสัญญากับ จอห์น โอบิ-มิเกล กองกลางดาวรุ่งชาวไนจีเรีย แล้วมีการชูเสื้อผ่านทางหน้าสื่อกันไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งตัวต้นสังกัดอย่าง ลิน ออสโล ก็ยอมรับข้อตกลงทุกอย่างแบบลุล่วงไปด้วยดี โดยเขาตัวนักเตะจะได้หมายเลข 21 อย่างไรก็ตาม เชลซี ทีมคู่แข่งในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้ออกมาอ้างสิทธิ์ในภายหลังว่า พวกเขาได้ตกลงกับ โอบิ-มิเกล แล้วเช่นกัน แถมตัวนักเตะก็ยินยอม ที่จะย้ายมาเล่นในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ในเดือนมิถุนายน ปี 2006 สุดท้ายแล้วเป็น สิงโตน้ำเงินคราม ที่ได้ตัวนักเตะไปครองตามการตัดสิน แต่ต้องจ่ายค่าชดเชยเป็นเงินถึง 12 ล้านปอนด์ทดแทน

ต่อมาเป็นเหตุการณ์ที่แสนระทึกของแฟนบอล เดอะ ค็อปส์ ที่เกือบจะเสียกัปตันทีมและตำนานของสโมสรอย่าง สตีเว่น เจอร์ราร์ด ไปให้กับ เชลซี ในปี 2005 หลังตัวนักเตะแสดงท่าทีออกมาอย่างชัดเจนว่า อยากย้ายไปร่วมงานกับ โชเซ่ มูรินโญ่ แต่แล้วแฟนบอล ลิเวอร์พูล ก็ทำการประท้วงและเรียกร้องสุดตัว เพื่อหวังจะเปลี่ยนใจ เจอร์ราร์ด ให้ค้าแข้งอยู่ในถิ่น แอนฟิลด์ ต่อไป กลายเป็นว่าสถานการณ์พลิกผันในช่วง 24 ชั่วโมงสุดท้าย เจอร์ราร์ด กลับต่อสัญญากับทีมซะอย่างงั้น โดยทาง ริค แพร์รี่ ผู้อำนวยการสโมสรได้ออกมาให้เหตุผลว่า ตัวนักเตะได้รับรู้แล้วว่าสโมสรแห่งนี้มีความหมายกับตัวเขามากเพียงใด

ถัดมาเป็นกรณีของ มุสซ่า ซิสโซโก้ อดีตมิดฟิลด์ทีมชาติฝรั่งเศส ที่ตอนนั้นค้าแข้งอยู่กับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด แล้วฟอร์มกำลังเข้าฝักอย่างสุดๆ จนเป็นที่หมายปองของหลายทีมระหว่างที่ ซิสโซโก้ กำลังจะเดินทางไปเซ็นต์สัญญากับ เอฟเวอร์ตัน ที่ตกลงกับ สาลิกาดง ได้เรียบร้อยแล้ว ปรากฏว่า ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ดันยื่นข้อเสนอเกทับเข้าไป แสดงท่าทีว่าพวกเขาพร้อมจ่ายเงิน 30 ล้านปอนด์เป็นค่าตัวของนักเตะรายนี้แบบไร้ปัญหา การตกลงทุกอย่างจึงจบลงอย่างรวดเร็ว แล้วกลายเป็นว่า ซิสโซโก้ เปลี่ยนจุดหมายไปยังกรุงลอนดอนแบบไม่ต้องคิด แล้วก็เซ็นต์สัญญา เคลียร์เอกสารทุกอย่างทันเวลา ตามที่แฟนบอลรู้กันดี

ต่อเนื่องกันที่ดีลของ ดีทมาร์ ฮาร์มันน์ อดีตกองกลางทีมชาติเยอรมันของ ลิเวอร์พูล ที่กำลังจะย้ายไปเป็นนักเตะใหม่ของ โบลตัล วันเดอร์เรอร์ส แบบเต็มตัวในปี 2006 แต่แล้วเหตุการณ์ก็พลิกผันแบบไม่มีใครคาดคิด เมื่อทางประธานสโมสรอย่าง ฟิล การ์ทไซด์ ออกมาเปิดเผยว่า ฮาร์มันน์ ยังไม่ได้เซ็นต์เอกสารลงนามทุกอย่างให้เรียบร้อย ซึ่งเขามองว่าดีลทุกอย่างมันจบลงแล้ว แต่เมื่อทาง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แสดงความสนใจในตัวนักเตะเข้ามา ตัวนักเตะเองก็อยากย้ายไปทีมนั้นมากกว่า เรื่องราวเลยลงเอยไปอีกแบบ ฮาร์มันน์ ได้ย้ายไปเล่นกับ เรือใบสีฟ้า ส่วนทาง เดอะ ทร็อตเตอร์ส ได้เช็คค่าตัวเป็นการปลอบใจราว 4 แสนปอนด์ กับนักเตะที่พวกเขายังไม่ได้เซ็นต์สัญญาอย่างเป็นทางการด้วยซ้ำ

อีกหนึ่งดีลที่ทำให้แฟนบอล เร้ด เดวิลส์ จี๊ดใจสุดๆ นับมาจนถึงวันนี้ กับคู่กรณีอย่าง เชลซี ที่มีเรื่องกันมาตลอด คือ อาร์เยน ร็อบเบน ปีกระดับตำนานทีมชาติฮอลแลนด์ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อยากได้ตัว ร็อบเบน มาเล่นในถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด เป็นอย่างมาก จนถึงขนาดใช้มุกเดิม พาทัวร์ชมความยิ่งใหญ่รอบสนามด้วยตัวเอง หวังใช้วาจากล่อมให้ ร็อบเบน เข้ามาอยู่ในสังกัดเหมือนกับนักเตะหลายคนก่อนหน้านี้ ซึ่งทุกอย่างก็ดูเหมือนจะไปได้ดี เพียงแต่พอ เคลาดิโอ รานิเอรี่ และ ปีเตอร์ เคนย่อน ก้าวเข้ามาเป็นมือที่สาม แล้วพูดคุยกล่อมทั้งนักเตะและครอบครัวให้เข้าใจถึงโปรเจ็คท์ของ สิงโตน้ำเงินคราม ในอนาคต กลายเป็นว่า ร็อบเบน เลือกที่จะไปอยู่ลอนดอนซะอย่างงั้น ทำเอา เฟอร์กี้ เสียทรงไปพอสมควร เพราะขี้เหนียวไม่ยอมจ่ายค่าตัวตามที่ พีเอสวี ไอน์ดโฮเฟ่น เรียกร้อง ซึ่งเป็นเรื่องที่ เชลซี ไม่เคยมีปัญหาอยู่แล้วกับเงินแค่นั้น

ปิดท้ายกันที่ดีลของ เวย์น รูนี่ย์ ดาวยิงสูงสุดตลอดดกาลของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่แสดงท่าทีงอแงอยากย้ายทีมแบบชัดเจนออกมาในปี 2010 ด้วยการอ้างเหตุผลว่า เขารู้สึกสงสัยกับทิศทางการบริหารทีมของเจ้าของอย่างตระกูลเกลเซอร์ ที่ดูไร้ความทะเยอทะยานจะไปสู่ความสำเร็จ แต่แล้วเพียงแค่สองวันที่ข่าวตามหน้าสื่อโหมหนักๆ ว่า รูนี่ย์ กำลังจะย้ายออกไป ปรากฏว่า กลับพลิกลิ้นต่อสัญญายาว 5 ปีซะเฉยๆ จนแฟนบอลงงเป็นไก่ตาแตก ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่นัก เพราะเมื่อสังเกตุจากเงินค่าเหนื่อยที่ ปีศาจแดง เบิ้ลให้จนล้นบิล เลยกลายเป็นที่มาของวลี เสี่ยหมูสามแสนปอนด์ ในเวลาต่อมานั่นเอง

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวนี้