Home บทความฟุตบอล จัดอันดับมูลค่าทรัพย์สินรวมของ 20 เจ้าของทีม พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ตอนจบ

จัดอันดับมูลค่าทรัพย์สินรวมของ 20 เจ้าของทีม พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ตอนจบ

0
จัดอันดับมูลค่าทรัพย์สินรวมของ 20 เจ้าของทีม พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ตอนจบ

เข้าสู่ตอนสุดท้ายของซีรี่ส์ อัพเดทมูลค่าทรัพย์สินรวมเจ้าของทีม พรีเมียร์ลีก ซึ่งแฟนๆ คงเห็นไปแล้วว่า 15 ทีมที่ผ่านมา แต่ละสโมสรล้วนมีฐานะที่แตกต่างกัน ใช่ว่ามีเจ้าของรวยแล้วจะประสบความสำเร็จเสมอไป ขึ้นอยู่กับแนวทางการบริหารและการใช้งบดุลย์ให้เป็นประโยชน์ บางครั้งทีมที่มีงบประมาณแบบจำกัดจำเขี่ย แต่เลือกใช้จ่ายแบบตรงเป้า แก้ไขปัญหาได้ตรงจุด อาจไปไกลกว่าสโมสรที่เน้นการหว่านเงินไปทั่ว ได้แต่นักเตะที่เห็นแก่เเงินมาร่วมทีม ไม่ได้สนใจเป้าหมายว่าจะต้องทำได้ตามเป้าหรือไม่? ขอแค่ตัวเองอยู่ดี กินดี มีชีวิตที่สุขสบายก็เพียงพอ

เทรนด์การเข้ามาเทคโอเวอร์สโมสรบนลีกสูงสุดแดนผู้ดี เป็นสิ่งที่นักธุรกิจจากหลายทวีป ที่ต้องการเข้ามาหาผลประโยชน์จากวงการกีฬาฮิตกัน ไม่ว่าจะเป็น โซนเอเชีย อเมริกา และ ตะวันออกกลาง ต่างพร้อมขนทุนมาลงทุนในกวงการลูกหนังแบบไม่ขาดสาย ขึ้นอยู่กับว่าสถานการณ์ของสโมสรใด จะเข้าทางให้พูดคุยได้ง่าย จบการเจรจาได้เร็ว อย่างไรก็ตามสุดท้ายแล้วขั้นตอนสำคัญ คือ การรับรองจากรัฐบาลอังกฤษ และ พรีเมียร์ลีก ที่ต้องทำการตรวจสอบที่มาของเงินทุนที่จะนำมาซื้อสโมสรว่า มีความใสสะอาดเพียงพอจริงรึเปล่า? ไม่เช่นนั้นอาจเข้าข่ายการฟอกเงิน โดยทีมที่เจอด่านสุดท้ายนี้ดดึงเชงกันจนเบื่อ คงหนีไม่พ้น เชลซี และ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ที่กว่าดีลต่างๆ จะลุล่วงไปด้วยดี แฟนบอลก็รอกันแทบเหงือกแห้ง

บทความนี้ทีมงาน 168Kick พร้อมนำเสนอตอนปิดท้ายในคอนเทนต์เดิมแบบต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นเจ้าของทีมในลีกสูงสุดประเทศอังกฤษ ที่มีทรัพย์สินติดอันดับท็อปไฟว์ ไล่เรียงกันไปตั้งแต่ลำดับที่ 5-1 แน่นอนว่าถ้าไล่รายชื่อสโมสรที่ผ่านมา แฟนๆ คงรู้กันแล้วว่า เหลือเจ้าของจากทีมใดบ้าง? แต่เรื่องของมูลค่าทรัพย์สินต้องมาลุ้นกันว่า ใครจะรวยติดอันดับใดกันบ้าง? มาดูกันไปพร้อมๆ กันเลยว่า มหาเศรษฐีแต่ละราย มีเงินทุนที่เก็บไว้ในคงคลังเท่าไหร่กันบ้าง? ที่ผ่านมาพวกเขาควักกระเป๋าช่วยทีมได้สมฐานะหรือไม่? ธุรกิจเบื้องหลังที่ทำเงินให้กับพวกเขาคืออะไร? ทุกคำตอบรวบรวมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว

เปิดหัวกันที่อันดับที่ 5 เป็นเจ้าของสโมสรทีมน้องใหม่จากกรุงลอนดอน ที่มีฉายาว่า เจ้าสัวน้อย อย่าง ฟูแล่ม ซึ่งมีนักธุรกิจลูกครึ่งเชื้อสาย ปากีสถาน-อเมริกัน เป็นผู้กุมงบทำทีมนั่นก็คือ ชาฮิด ข่าน ที่เคยขึ้นปกนิตยสาร ฟอร์บส มาแล้วในปี 2012 โดยมีข้อความกำกับที่ถอดความออกมาได้ว่า โฉมหน้าของ อเมริกัน ดรีม ธุรกิจที่อยู่เบื้องหลังความร่ำรวยของเขา เป็นวงการยานยนต์ รวมไปถึงการทำทีมอเมริกันฟุตบอล แจ็คสัน วิลล์ จากัวร์ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีหุ้นของ เออีดับเบิ้ลยู ที่จัดการแข่งขันประเภทมวยปล้ำอีกด้วย ฤดูกาลหน้าแฟนบอล ฟูแล่ม คงคาดหวังงบประมาณเสริมทัพจากเขาไม่น้อย เเนื่องจากมูลค่าทรัพย์สินที่เขาถือครองอยู่นั้นสูงถึง 5.8 พันล้านปอนด์เลยทีเดียว

ต่อกันที่อันดับที่ 4 เป็นเจ้าของสโมสร อาร์เซน่อล ที่เหล่าแฟนบอล เดอะ กันเนอร์ส ต่างรู้กันดีอยู่แล้วว่า สแตน โครเอนเก้ นักธุรกิจชาวสหรัฐอเมริกานั้นร่ำรวยแค่ไหน เพียงแต่ไม่เคยนำเงินในคงคลังมาใช้ให้สมฐานะเลยแม้แต่น้อย มีแต่ตักตวงหาเอาแต่ผลกำไรออกไปจากสโมสร ซึ่งเป็นปัญาที่ยาวนานมาตั้งแต่ยุคของ อาร์เซน เวนเกอร์ อดีตผู้จัดการทีมระดับตำนาน ที่มีเงินให้ใช้แต่ละซีซั่นแบบจำกัดจำเขี่ย ขายสตาร์ของทีมออกไปได้กำไร ก็ไม่เอาทุนตรงจุดนั้นมาต่อยอด เพิ่งจะหันมาทุ่มเต็มตัวก็ปีก่อนนี้เอง เพราะมองว่าทีมกีฬาอื่นๆ อย่าง อเมริกันฟุตบอล นั้น สามารถไปถึงเป้าหมายที่เขาต้องการได้เร็วกว่า หากทาง โครเอนเก้ ยอมเจียดทรัพย์สินที่เขามีอยู่ทั้งหมดราว 6.35 พันล้านปอนด์ มาวัดใจกับทัพ ไอ้ปืนใหญ่ แบบต่อเนื่องบ้าง แฟนบอลคงไม่ต้องอดทนรอความสำเร็จกันจนเหนื่อยหน่ายเหมือนปัจจุบัน

ถัดมาที่อันดับที่ 3 เป็นเจ้าของสโมสรคนใหม่ป้ายแดงสดๆ ร้อนๆ ของ เชลซี นั่นก็คือ ท็อดด์ โบห์ลี่ย์ และกลุ่ม เคลียร์เลค แคปปิตอล ที่เพิ่งผ่านการอนุมัติจากรัฐบอลอังกฤษ และ พรีเมียร์ลีก หลังชนะการประมูลเป็นตัวเต็งมาเป็นเดือน โบห์ลี่ย์ ทำเงินรายได้มหาศาลจากธุรกิจหลายแขนง ไล่เรียงมาตั้งแต่ อสังหาริมทรัพย์, สื่อบันเทิง และวงการกีฬาในถิ่นฐานบ้านเกิดประเทศสหรัฐอเมริกา มีการแบ่งเงินทุนบางส่วนไปให้องค์การการกุศลอยู่เป็นประจำ นับเป็นนักลงทุนแถวหน้าของวงการ ที่ได้รับการยอมรับอย่างสูงในแวดวงธุรกิจ ทำให้แฟนบอล สิงโตน้ำเงินคราม ต่างจับตามองแบบใจจดใจจ่อว่า ยุคใหม่ภายใต้เจ้าของใหม่ แนวทางการทำทีมจะอัดฉีดแบบแน้นๆ เหมือนอากู๋เจ้าเดิมหรือไม่? เนื่องจากทรัพย์สินที่ โบห์ลี่ ถือครองอยู่นั้นมีมากถึง 10.96 พันล้านปอนด์

เข้าสู่ตำแหน่งรองท็อปกันที่ทีมที่เคยมีเจ้าของรวยที่สุดอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่มีท่าน ชีค มันซูร์ ผู้ทรงอิทธิพลจากประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์หนุนหลัง จนพาทีมบินสูงแบบที่เห็นในตอนนี้ ครอบครัวของเขาเปรียบเสมือนผู้คมุกฏประจำ อาบูดาบี มีน้องชายเป็นประธานาธิบดีคนปัจจุบัน รายได้หลักของเขามาจากธุรกิจภายในประเทศบ้านเกิดที่ทำเงินให้เขาอย่างมหาศาล โดยเฉพาะน้ำมัน ยังไม่นับรวมองค์กรที่ดูแล้านการลงทุนให้กับบริษัทในเครือต่างๆ อีกมากมาย การเข้ามาทำทีมฟุตบอลของเขาไม่ใช่งานอิเรกเล่นๆ แต่หวังพาทีมไปถึงเป้าหมายที่ตั้งเป้าเอาไว้จริง นอกจาก เรือใบสีฟ้า ยังมีทีม นิวยอร์ค ซิตี้ เอฟซี ในศึก เมเจอร์ลีก ซอคเกอร์ อยู่ในการครอบครองอีกหนึ่งทีม มูลค่าทรัพย์สินของเขาถูกตีออกมาที่ราว 22.9 พันล้านปอนด์

มาถึงสโมสรที่หลายทีมร่วมลีกต่างอิจฉาตาร้อนกันเป็นทิวแถว หลังการเทคโอเวอร์เพิ่งจะได้รับการอนุมัติเมื่อช่วงกลางฤดูกาลที่แล้ว ทำให้ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ผ่านพ้นยุคมืดจากเจ้าของเดิมอย่าง ไมค์ แอชลี่ย์ ที่แสวงหาแต่ผลประโยชน์จากทีมเพียงอย่างเดียว เข้ามาสู่ยุคใหม่ของ กลุ่มทุนจากประเทศซาอุดิอาระเบีย แน่นอนอยู่แล้วว่า แหล่งเงินทุนของพวกเขา คือ น้ำมัน ที่เป็นทรัพยากรที่ใช้กันทั่วโลก แล้วการที่พวกเขามีแหล่งขุดเจาะแบบไม่อั้น สามารถกำหนดราคาให้เหมาะสมตามปัจจัยของตลาด ราวกับเป็นผู้คุมทุกอย่างดั่งใจ หากคนยังจำเป็นต้องใช้ผลิตภัณฑ์นี้ ยังไงเงินก็มีแต่งอกเงยขึ้นเรื่อยๆ ทรัพย์สินรวมของพวกเขา คาดกันว่ามีมูลค่าสูงถึง 320 พันล้านปอนด์ ทิ้งห่างคนอื่นๆ กว่าสิบเท่า แถมรายงานข่าวล่าสุดยังเเชื่อกันว่า ฤดูกาลกาลต่อๆ ไปเตรียมงบให้ สาลิกาดง เอาไว้ช็อปนักเตะใหม่หลักหลายร้อยล้านปอนด์

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวนี้