Home บทความฟุตบอล จอห์น โอบี มิเกล เบื้องหลังปัด “ผี” ซบ เชลซี

จอห์น โอบี มิเกล เบื้องหลังปัด “ผี” ซบ เชลซี

0
จอห์น โอบี มิเกล เบื้องหลังปัด “ผี” ซบ เชลซี
mikel

จอห์น มิเกล โอบี อดีตกองกลางกัปตันทีมชาติไนจีเรีย เปิดเผยหลังแขวนสตั๊ดว่า การบอกปฏิเสธข้อเสนอของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และย้ายไปยัง เชลซี ในซัมเมอร์ปี 2006 นั้น เป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดในอาชีพค้าแข้งของเขาเลยก็ว่าได้

ปัจจุบันในวัย 35 ปี ประกาศอำลาสนามอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว โดยในช่วงปี 2005 เจ้าตัวเคยกลายเป็นพาดหัวข่าวใหญ่ในหน้าหนังสือพิมพ์มาแล้วในกรณีที่เลือกย้ายไปยัง เชลซี ในปีถัดมาทั้งที่ก่อนหน้านั้นเซ็นสัญญากับ แมนฯ ยูไนเต็ด ไปแล้ว

ห้วงเวลาดังกล่าว มิเกล ยังค้าแข้งกับ ลิน ออสโล สโมสรในลีก นอร์เวย์ และหลังจากย้ายไปยังถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ อดีตแข้งทัพ “อินทรีมรกต” ก็ประสบความสำเร็จมากมายด้วยการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2 สมัย, ลีก คัพ 2 สมัย, เอฟเอ คัพ 4 สมัย, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 1 สมัย และ ยูโรป้า ลีก 1 สมัย ก่อนจะอำลาทีมเมื่อปี 2017

mikel

การตัดสินใจที่ดีที่สุดในชีวิต

มิเกล เริ่มเล่าว่า “ผมไม่เสียใจกับการตัดสินใจใดๆ ที่ผมทำไปเลย เพราะผมสนุกกับทุกอย่างที่ทำสำเร็จที่ เชลซี มันเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดในชีวิตของผม ผมเซ็นสัญญาล่วงหน้ากับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อผมอายุ 17 ปี ถ้าคุณยังเด็ก และคุณเห็น เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อยู่ตรงหน้า คุณก็พร้อมสัญญากับพวกเขาทันที แน่นอนว่า คุณเหมือนกับอยู่ในความฝัน”

ย้อยกลับไปในปี 2006 มิเกล กำลังทำเรื่องการย้ายสังกัดจาก ลิน ไปเล่นกับ แมนฯ ยูไนเต็ด แต่กลายเป็น เชลซี ที่เร่งปาดหน้าเจรจากับ จอห์น ชิตตู เอเย่นต์ของ มิเกล และผลสรุปก็พานักเตะเดินทางไปยังลอนดอนทันทีเพื่อเซ็นสัญญา

ขณะเดียวกัน ลิน ก็แจ้งว่า ไม่ทราบว่า มิเกล ไปอยู่ที่ใดกันแน่ ซึ่งข่าวดังกล่าว แพร่กระจายไปทั่วโทรทัศน์ของนอร์เวย์อย่างรวดเร็ว โดยมีรายงานที่ผิดพลาดว่า อดีตกองกลางทีมชาติไนจีเรีย ถูกลักพาตัวไประหว่างย้ายสโมสร

มิเกล เล่าต่อว่า “ตอนนั้นผมยังเด็ก และทันทีที่ เชลซี ได้ยินข่าว พวกเขาก็เข้ามาหาผม และพาผมออกจากนอร์เวย์ นั่นคือตอนที่ผู้คนเริ่มพูดว่าผมถูกลักพาตัว มันไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีสำหรับผมในตอนนั้น ผมแค่อยากเล่นฟุตบอลเพราะผมยังเด็กมาก”

มิเกล เริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลด้วยการเล่นในบทบาทมิดฟิลด์ตัวรุกหมายเลข 10 และเป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดในตำแหน่งดังกล่าวในฐานะนักเตะดาวรุ่ง นอกจากนี้ ยังเคยติดทีมชาติไนจีเรียมาแล้วทุกชุด รวมถึงพาทัพ “อินทรีมรกต” เข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกรุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี เมื่อปี 2005 อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม แม้จะโดดเด่นในฐานะเพลย์เมคเกอร์ดาวรุ่งมากพรสวรรค์กับไนจีเรีย แต่หลังย้ายมายัง สแตมฟอร์ด บริดจ์ มิเกล ต้องปรับเปลี่ยนตำแหน่งการเล่นเป็นกองกลางตัวรับตามที่ โชเซ่ มูรินโญ่ อดีตกุนซือ เชลซี มอบหมายให้

ในช่วงแรกที่ เชลซี มิเกล ก็ยังได้ทำหน้าที่จอมทัพอยู่บ้าง โดยแฟนบอล เชลซี ต่างก็วิพากษ์วิจารณ์การตัดสินใจของ มูรินโญ่ ที่ปรับบทบาทใหม่ให้กับ มิเกล แต่เขาก็ยืนยันว่า ไม่มีปัญหากับการเปลี่ยนไปเป็นผู้เล่นเกมรับ

“มูรินโญ่ ตัดสินใจว่า เขาต้องการให้ผมเล่นตำแหน่งกองกลางตัวรับ เพราะสุดท้ายแล้วเขาเป็นโค้ช และเป็นคนตัดสินใจทั้งหมด เราคุยกันแล้ว และเขารู้สึกว่า ด้วยจำนวนมิดฟิลด์ที่เขามีในทีม ผมจึงควรเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับ”

“ในตอนนั้น โคล้ด มาเกเลเล่ เพิ่งอำลา เชลซี ดังนั้น มูรินโญ่ จึงต้องการให้ผมรับช่วงต่อจาก มาเกเลเล่” มิเกล กล่าว

นักเตะที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งของไนจีเรีย

มิเกล เคยติดทีมชาติไนจีเรีย ไปมากถึง 89 นัด ลงเล่นในฟุตบอลโลก 2 ครั้ง และช่วยให้บ้านเกิดคว้าแชมป์ แอฟริกัน เนชันส์ คัพ ในปี 2013 ก่อนจะประกาศอำลาทีมชาติเมื่อ 3 ปีก่อน และในนามสโมสรเจ้าตัวก็ประสบความสำเร็จอย่างนับไม่ถ้วน

อดีตกองกลาง เชลซี กล่าวว่า “ผมอยากคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มาโดยตลอด เพราะมันเป็นทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลที่ดีที่สุดในโลก ยกเว้นฟุตบอลโลก และการได้แชมป์กับทีมชาติก็เยี่ยมมากเช่นกัน ตอนเด็กๆ ผมเคยดู เจย์ เจย์ โอโคชา และ เอ็นวานโก้ คานู ลงเล่นอยู่เสมอ”

“ผมบอกกับตัวเองเลยว่า ผมอยากคว้าแชมป์ร่วมกับทีมชาติ ผมมีความสุขมากที่ได้ทำมันสำเร็จ ผมจะจัดอันดับให้ทั้งถ้วยยุโรป และถ้วย แอฟริกัน เนชันส์ คัพ เป็น 2 รายการที่ผมชื่นชอบมากที่สุด”

นอกจากนี้ มิเกล ยังเป็นหนึ่งในผู้เล่นอายุเกินเกณฑ์ 3 รายของทีมชาติไนจีเรียที่ได้รับเหรียญทองแดงจากการแข่งขันกีฬา โอลิมปิก เมื่อปี 2016 ที่ ริโอ เด จาเนโร ประเทศบราซิล อีกด้วย และอีก 1 ปีต่อมา เขาก็โยกไปเล่นกับ เทียนจิน เทนด้า ในศึกไชนีส ซุเปอร์ลีก

หลังอำลา เทียนจิน ในปี 2018 มิเกล ก็หวนกลับไปเล่นในอังกฤษกับ มิดเดิลสโบรห์ จากนั้น ก็ไปเล่นกับ แทรปซอนสปอร์, สโต๊ค ซิตี้ และ คูเวต เอสซี ก่อนจะประกาศแขวนสตั๊ดอย่างเป็นทางการ

หลังอำลาสนาม อดีตกองกลาง เชลซี ก็ได้กลับไปยังบ้านเกิดเพื่อสร้างอคาเดมี่ฟุตบอลพัฒนาเยาวชนชาวไนเรียให้เดินตามความฝันเหมือนกับที่ตัวเองทำมา และผลักดันนักเตะอายุน้อยที่มีความสามารถให้ก้าวไปสู่เวทีใหญ่ในอนาคตต่อไป

 “มันเป็นช่วงเวลาที่ที่ผมอยากจะกลับไปสู่จุดเดิม ซึ่งผมเริ่มต้นจากการเล่นฟุตบอลบนทรายสีแดง รอบๆเต็มไปด้วยหิน และทราย ผมต้องการเห็นพรสวรรค์ที่ดิบๆ เหล่านี้ เด็กเหล่านี้ที่เรารู้จักสามารถกลายเป็นนักเตะที่ดีได้”

“หากนักเตะคนใดมีพรสวรรค์ และเป็นสไตล์ที่เรากำลังมองหา เราจะให้โอกาสพวกเขาได้ไปเล่นในต่างประเทศอย่างแน่นอน ผมออกจากไนจีเรียมาหลายปีแล้ว แต่ผมยังมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับคนที่นั่นอยู่เสมอ เราต้องทำให้เด็กๆเหล่านั้นปรับตัวให้ได้ก่อน แล้วเราจะมาดูกันว่าใครพร้อมที่จะก้าวต่อไป” มิเกล กล่าวทิ้งท้าย

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวนี้