Home บทความฟุตบอล 25 ดีลที่จ่ายแพงเกินจริงตลอดกาล ในวงการโลกลูกหนัง ตอนสาม

25 ดีลที่จ่ายแพงเกินจริงตลอดกาล ในวงการโลกลูกหนัง ตอนสาม

0
25 ดีลที่จ่ายแพงเกินจริงตลอดกาล ในวงการโลกลูกหนัง ตอนสาม

เทรนด์ของการบริหารสโมสรฟุตบอลทุกวันนี้ เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน จากที่เคยมีคติของเหลายทีมที่เชื่อมั่นว่า เงินไม่สามารถซื้อความสำเร็จได้ เน้นการปลุกปั้นผู้เล่นจากท้องถิ่น พยายามปั้นแกนหลักมาจากทีมอะคาเดมี่ แต่เมื่อผลิตผลโตไม่ทันใช้งาน เมื่อเจอพิษของการทุ่มงบมหาศาล คว้าตัวผู้เล่นฝีเท้าดีแบบสำเร็จรูปของบางทีม เล่นเอาวงการผันเปลี่ยนโฉมหน้าไปชั่วพริบตา กลายเป็นว่า ของแพงแต่ใช้งานได้ทันที กลับเป็นที่นิยมกว่าเมื่อไปถึงความสำเร็จแบบจับต้องได้

การทุ่มซื้อดาวเตะระดับซูเปอร์สตาร์มาร่วมทีม กลายเป็นเครื่องมือในการหาเสียงของบางสโมสร ที่มีการแย่งชิงตำแหน่งประธาน แอบมีเกมการเมืองภายใน ที่ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือการหาเสียงสนับสนุนจากแฟนบอล ที่ยอมหลงเชื่อคารมคมคายของจอมเจ้าเล่ห์ มีความสุขแค่เพียงชั่วครู่ชั่วยาม เเมื่อได้เห็นข่าวของทีมรักที่ได้ตัวผู้เล่นระดับเกรด เอ มาเสริมทัพ แต่ละเลยปัญหาที่ฝังรากลึกเอาไว้ ด้วยจำนวนหนี้ก้อนโตที่ก่อทิ้งไว้ พอหมดวาระก็ไม่ต่างกับการโยนปัญหาทิ้งไว้ให้กับ ประธานคนต่อไปที่ต้องมาสะสางงานในภายหลัง

บทความนี้ 168Kick พร้อมนำเสนอตอนต่อของคอนเทนต์เดิมแบบไม่ให้ขาดตอนในซีรีส์ 25 ดีลที่จ่ายแพงเกินจริงตลอดกาลของโลกฟุตบอล ซึ่งจะเป็นผู้เล่นในอันดับที่ 15-11 ไล่เรียงไปตามลำดับ เมื่อมองจากรายชื่อเผินๆ แล้ว อาจมีดีลที่เหมือนจะแพงตอนซื้อ แต่คุ้มค่าตอนจบงานอยู่บ้าง? แม้ว่าจะจ่ายไปหนักหนา ถ้าแลกมาด้วยถ้วยแชมป์และความสำเร็จตอนบั้นปลาย คงมีหลายสโมสรที่ใช้เงินแบบกระปริบกระปรอยแต่รวมแล้วก้อนใหญ่ไม่ต่างกัน อยากลองเปลี่ยนวิธีการใช้เงินให้แก้ปัญหาให้ตรงจุดเช่นกัน มาลุ้นกันไปพร้อมๆ กันเเลยว่า จะมีดาวเตะที่แฟนๆ คาดเดาไว้ในใจมีชื่อติดโผเข้ามาบ้างหรือไม่?

เปิดหัวกันที่อันดับที่ 15 เป็นผู้เล่นในตำแหน่งศูนย์หน้า ที่ความคมนั้นเป็นจุดขายของเขาตั้งแต่สมัยค้าแข้งอยู่กับ เรอัล มาดริด นั่นก็คือ กอนซาโล่ อิกวาอิน ที่ย้ายมาเล่นให้กับ นาโปลี แล้วระเบิดฟอร์มยอดดาวยิงออกมา ร้อนรนไปถึงทีมดังอย่าง ยูเวนตุส ต้องการตัวไปเติมความเฉียบขาดในแนวรุก ซึ่งทาง อัซซูร่า นั้นขึ้นชื่อความเขี้ยวเรื่องการขายนักเตะอยู่แล้ว จึงตกลงราคากันได้ที่ 81 ล้านปอนด์ แพงกว่าราคาประเมินไปถึง 22.5 ล้านปอนด์ เพราะตลาดกลางตีค่าเขาไว้เพียงแค่ 58.5 ล้านปอนด์เท่านั้น ซึ่งพอทาง อิกวาอิน ย้ายไปอยู่กรุงตูริน ก็ทำผลงานได้เพียงแค่ช่วงสั้นๆ ก่อนจะโรยราไปตามวัย

ถัดมาที่อันดับที่ 14 เป็นผู้เล่นในตำแหน่งศูนย์หน้าอีกเช่นเคย เป็นดีลที่มีความซับซ้อนที่ทาง เรอัล มาดริด ใช้ออฟชั่นซื้อตัว อัลบาโร่ โมราต้า กลับมาจาก ยูเวนตุส ก่อนที่จะขายต่อให้กับ เชลซี ด้วยราคาสูงถึง 59.4 ล้านปอนด์ แพงเกินจริงไปถึง 23.4 ล้านปอนด์ เมื่ออ้างอิงข้อมูลจากตลาดกลาง ที่ประเมินราคาไว้แค่ 36 ล้านปอนด์เท่านั้น สาเหตุที่ทาง สิงโตน้ำเงินคราม จำเป็นต้องควักกระเป๋าจ่ายหนัก เป็นเพราะว่าต้องเอาชนะคู่แข่งอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่พร้อมร่วมประมูลลายเซ็นต์ของดาวยิงทีมชาติสเปนอยู่เช่นกัน แต่กลายเป็นว่าผลงานของ โมราต้า ในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ นั้นถือว่า ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง เล่นเหมือนคนไม่มีแรง แข้งขาอ่อนเปลี้ย ยิงประตูได้แค่นัดสำคัญๆ เท่านั้น

ต่อกันที่อันดับที่ 13 เป็นผู้เล่นในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้า ที่เคยก้าวไปติดทีมชาติเบลเยี่ยมชุดดใหญ่มาแล้ว หลังทำผลงานได้อย่างร้อนแรงกับ แอสตัน วิลล่า จนในที่สุดสโมสรยักษ์ใหญ่อย่าง ลิเวอร์พูล ที่ต้องการเสริมทัพครั้งใหญ่ในแนวรุก ตัดสินใจทุ่มเงินคว้าตัว คริสติย็อง เบนเตเก้ ดาวยิงผิวสีไปร่วมทีม ด้วยการยอมทุ่มเงินถึง 41.85 ล้านปอนด์ ซึ่งใครๆ ก็รู้ว่าเป็นราคาที่แพงเกินจริง แต่ไม่คิดว่าจะต้องจ่ายเกินเบอร์ไปมากถึง 23.85 ล้านปอนด์ ทั้งที่ราคาประเมินของ เบนเตเก้ อยู่แค่ราว 18 ล้านปอนด์เท่านั้น เนื่องจากฟอร์มแรงแค่ช่วงเวลาสั้นๆ ยังไม่มีอะไรการันตีเรื่องการยืนระยะ แล้วบทสรุปก็ไม่ต่างกับการได้ตัว เอมิล เฮสกีย๋ ไปค้ำแดนหน้า

เข้าสู่อันดับที่ 12 เป็นผู้เล่นในตำแหน่งศูนย์หน้าอีกเช่นเคย แต่ดีลนี้ดูเหมือนว่าราคาที่ทาง บาร์เซโลน่า ยอมจ่ายไปให้กับ ลิเวอร์พูล เพื่อแลกกับการได้ตัว หลุยส์ ซัวเรซ เข้าไปเติมเต็มเป็นสามประสาน เอ็มเอสเอ็น ด้วยราคา 73.55 ล้านปอนด์ เป็นอะไรที่คุ้มแสนคุ้ม ทำให้คู่แข่งร่วมประมูลอย่าง อาร์เซน่อล ทำได้แค่มองตาปริบๆ เพราะไม่กล้าจ่ายแพงในราคาเดียวกับ เจ้าบุญทุ่ม ที่บวกข้อเสนอเกินจริงไปกว่า 26.75 ล้านปอนด์ จากราคาตลาดกลางที่ประเมินค่า ซัวเรซ ไว้ที่ 46.8 ล้านปอนด์เท่านั้น อย่างไรก็ตามดาวยิงชาวอุรุกวัย ก็ตอบแทนต้นสังกัดใหม่ด้วยผลงานระดับมาสเตอร์พีซ คว้าแชมป์เข้าสู่สโมสรหลายถ้วย ก่อนจะลาจากกันไปแบบไม่สวยงามนัก

ปิดท้ายกันที่ดีลของหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดในโลก ณ ปัจจุบัน ที่ตัดสินใจย้ายออกจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปตามฝันกับ เรอัล มาดริด พร้อมรางวัล บัลลงก์ ดอร์ สมัยแรก เป็นการการันตีคุณภาพว่า คริสเตียโน่ โรนัลโด้ คู่ควรแล้วกับเจ้าของตำแหน่งผู้เล่นค่าตัวแพงที่สุดในโลกในเวลานั้น ด้วยมูลค่าการย้ายสังกัดที่สูงถึง 84.6 ล้านปอนด์ แพงกว่าราคาประเมินราว 30.6 ล้านปอนด์ เพราะตลาดกลางตีค่าตัวของ ซีอาร์เซเว่น ไว้เพียงแค่ 54 ล้านปอนด์เท่านั้น ไม่ต้องถามถึงความคุ้มค่าของดดีลนี้ให้เสียเวลา เพราะนี่คือการซื้อผู้เล่นของ ราชันชุดขาว ที่น่าจะดีที่สุดดตลอดกาลของสโมสร เห็นได้อย่างชัดเจนจากตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดดตลอดกาลของทีม ที่มีชื่อของเขาอยู่ที่อันดับหนึ่ง

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวนี้