หลังจากที่ บาร์เซโลน่า แก้ไขปัญหาการเงินผ่านพ้่นวิกฤติไปได้แบบฉิวเฉียด พวกเขาก็ไม่หยุดพัฒนาทีมทันที ตัดสินใจเดินหน้าเสริมทัพ ด้วยการดึงตัวหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดในโลกอย่าง โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ เข้ามาค้ำแดนหน้า ร่วมประสานงานกับขุมกำลังที่มีอยู่เดิม ซึ่งทีมงานเคยได้ทำสกู๊ปเกี่ยวกับการิเคราะห์ศักยภาพทีม เจ้าบุญทุ่ม ไปก่อนหน้านี้แล้ว คงได้เห็นกันไปแล้วว่า อาวุธในมือของพวกเขานั้นพร้อมขนาดไหน เหลือเพียงแค่การวางแทคติกส์ของตัวกุนซือเท่านั้น ที่ต้องนำทีมไปให้ถูกทาง

สถานการณ์ของ เลวานดอฟสกี้ นั้นแสดงท่าทีอย่างชัดเจนมาเป็นเดือนๆ แล้วว่า ต้องการย้ายออกจากถิ่น อลิอันซ์ อารีน่า ด้วยการให้เหตุผลว่า เขาอิ่มตัวกับความสำเร็จในถ้ำ เสือใต้ หลังกวาดแชมป์มาแบบมากมายนับไม่ถ้วน จนถึงจุดที่ไร้ความท้าทาย ความต้องการของเขาจึงมุ่งไปในแนวทางที่ต้องการพิสูจน์ตัวเอง ย้ายออกมาต่างลีก ต่างสภาพแวดล้อม เพื่อให้แฟนบอลได้เห็นกันชัดๆ ว่า ต่อให้ไม่ได้อยู่ในทีมที่เหนือกว่าคู่แข่งร่วมลีกแบบเทียบกันไม่ได้ ตัวเขาก็ยังคงจะทำผลงานในระดับเดียวกันได้ แม้ว่าจะเข้าช่วงท้ายของการค้าแข้งก็ตาม

อย่างไรก็ตามเป็นที่ทราบกันดีว่า บาร์ซ่า นั้นมีปัญหาเรื่องหนี้ตัวแดง ทำให้ตัวของ เลวานดอฟสกี้ จำเป็นต้องยอมเสียสละลดค่าเหนื่อยของตัวเองลงมา เพื่อให้การย้ายสังกัดครั้งนี้ลุล่วงไปด้วยดีแบบไม่มีปัญหา เมื่อเทียบกับสตาร์รายอื่นๆ แล้วนั้น ค่าเหนื่อยต่อปีเดิมของเขานั้นระดับ 23 ล้านยูโร ลดลงมาเหลือแค่ 9 ล้านยูโรเท่านั้น ทำให้ไม่ติดทำเนียบ 10 อันดับแรกของลีกแดนกระทิงดุด้วยซ้ำ

บทความนี้ พร้อมอัพเดตข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับค่าจ้างในลีกนี้ โดยจะขอแบ่งเป็นสองตอน เพื่อการให้ข้อมูลที่ครบถ้วนเช่นเคย มาดูกันไปพร้อมๆ กันเลยว่า ตอนเปิดหัวจะมีใครติดโผเข้ามาบ้าง? ในอันดับที่ 6 ร่วมจำนวน 4 ราย พวกเขารับค่าเหนื่อยอยู่ที่เท่าไหร่ต่อปี

เริ่มต้นกันที่รายแรก เป็นกองกลางเจ้าของรางวัล บัลลงก์ ดอร์ 1 สมัยอย่าง ลูก้า โมดริช ที่เพิ่งจะถูกทาง เรอัล มาดริด มอบสัญญาฉบับใหม่ให้ไม่นานมานี้ ยืดระยะเวลาในการอยู่ค้าแข้งในถิ่น ซานติอาโก้ เบร์นาเบว ออกไปอีก 1 ปี แม้ว่าอายุอานามจะเกินวัย 35 ปี เข้าให้แล้ว แต่คุณภาพในการคุมเกมของเขา ยังไม่มีมาตรฐานที่ดดร็อปลงเลยสักนิดเดียว พละกำลังของ โมดริช ยังวิ่งได้ตลอด 90 นาทีแบบเหลือๆ เน้นเคลื่อนที่ในจังหวะสำคัญๆ เพื่อเซฟแรง พอควบรวมเข้ากับวิชั่นการจ่ายบอลที่เหนือชั้น ทำให้ค่าเหนื่อยของเขาที่รับอยู่ระดับ 20 ล้านยูโรต่อปี นั้นดูถูกไปเลยกับผลงานที่ได้เห็นในสนาม

ต่อกันที่อีกหนึ่งนักเตะจาก ราชันชุดขาว เป็นของฟรีและดีที่ได้มาจาก บาเยิร์น มิวนิค เพียงแค่ปีแรกของเขากับต้นสังกัดใหม่ ก็กวาดไปแล้วสองแชมป์ แถมตัวของ ดาวิด อลาบา ยังรับตำแหน่งคีย์แมนในแนวรับ เสริมใยเหล็กให้กับแดนหลังของ มาดริด ได้อย่างยอดเยี่ยม เล่นได้อย่างแข็งแกร่งและคงเส้นคงวา ด้วยพื้นฐานที่เป็นนักเตะที่มีทักษะฟุตบอลดีอยู่แล้ว ทำให้เขาเล่นได้หลากหลายตำแหน่งด้วยฟอร์มที่ใกล้เคียงกัน ไม่ว่าจะเป็น เซนเตอร์แบ็ค, แบ็คซ้าย และ กองกลาง การมี อลาบา อยู่ในทีมทำให้ คาร์โล อันเชล็อตติ เบาใจเรื่องอาการบาดเจ็บของผู้เล่นไปได้มาก ค่าจ้าง 20 ล้านยูโร กับตัวหลักที่เป็นอะไหล่ได้ในตัว แค่นี้ก็คุ้มค่าเกินบรรยายแล้ว

เข้าสู่รายรองสุดท้าย เป็นหนึ่งในผู้รักษาประตู ที่ว่ากันว่าฝีมือของเขานั้น เหนียวหนึบมากที่สุดคนหนึ่งในโลกฟุตบอล น่าเสียดายเพียงอย่างเดียวที่ ยาน โอบลัค ต้องเล่นให้กับทีมชาติสโลวีเนีย ที่ศักยภาพไม่สามารถสู้กับคู่แข่งชั้นนำในทวีปยุโรปได้ ส่งผลให้แฟนบอลได้เห็นฟอร์มของเขาบนเวทีระดับชาติแค่บางรายการเท่านั้น สำคัญถึงขนาดได้รับตำแหน่งให้สวมปลอกแขนเป็นกัปตันทีมเลยทีเดียว ส่วนผลงานของเขากับ แอตเลติโก มาดริด นั้นก็รักษาระดับการเล่นได้แบบฟอร์มดีไม่มีตกเสมอมา การจ่ายค่าจ้างให้นายทวารแพงระยับถึง 20 ล้านยูโรต่อปี แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่า ตราหมี มองว่า โอบลัค คือ สมบัติของทีมที่ไม่อาจเสียออกไปได้

ปิดท้ายสกู๊ปนี้กันที่แบ็คซ้ายดดีกรีทีมชาติสเปน ที่ครองตำแหน่งมาอย่างยาวนาน แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนถ่ายตัวกุนซือไปกี่ยุคกี่สมัย เทรนเนอร์รายใหม่ก็ยังไว้วางใจ เลือกใช้งาน จอร์ดี้ อัลบา ให้ยืนเป็นตัวหลักอยู่เสมอ แม้ว่าทุกวันนี้สภาพร่างกายของเขาจะลดศักยภาพลงไปมากกว่าเดิม จังหวะเติมเกมบุกอาจไม่เมามันเร้าใจ เหมือนสมัยตอนรุ่นๆ แต่สิ่งที่เพิ่มเข้ามา คือ การเเล่นเกมรับ ที่เก็บประสบการณ์บนเวทีระดับสูงมามากมาย สปีดต้นยังพอไปวัดไปวาได้ สามารถวิ่งไล่กวดปีกตัวจี๊ดได้สบายๆ ในหลายจังหวะ การรับค่าจ้างที่ระดับ 20 ล้านยูโร ซึ่งถูกระบุไว้ในสัญญาของ อัลบา ยังไม่นับรวมการพูดคุยลดค่าเหนื่อยช่วยต้นสังกัด เทียบกับผลงานที่ผ่านมาแล้วถือว่าเป็นการตอบแทนความภักดีแบบสมน้ำสมเนื้อ