Home บทความฟุตบอล 5 ดีลการเซ็นต์สัญญาแรก สุดน่าผิดหวังในโลกลูกหนัง

5 ดีลการเซ็นต์สัญญาแรก สุดน่าผิดหวังในโลกลูกหนัง

0
5 ดีลการเซ็นต์สัญญาแรก สุดน่าผิดหวังในโลกลูกหนัง

ความเดิมจากบทความที่แล้ว ทีทางทีมงาน ได้หยิบยกเอาคอนเทนต์เกี่ยวกับการเซ็นต์สัญญารายแรกของ กุนซือฝีมือเยี่ยม ที่เข้าข่ายประสบความสำเร็จ กันไป ให้แฟนๆ ได้รับชมกันไปแล้ว เหรียญต่างๆ คงไม่ได้มีเเพียงด้านเดียวเป็นแน่ มีเยี่ยมก็ต้องมีแย่ควบคู่กันไป ซึ่งทางสื่อเเจ้าเดิมอย่าง ดิ แอธเลติกส์ ก็มีการให้ข้อมูลเกี่ยวกับประเด็นนี้เช่นเดียวกัน จึงขอเลือกที่จะหยิบยกมาถ่ายทอดให้เข้าใจได้ง่าย ในการย้อนรอยกลับไปในตลาดยุคก่อนหน้า ที่ยังไม่บ้าดีเดือดขนาดเท่าทุกวันนี้ว่า เทรนเนอร์มือทองแต่ละรายเลือกใครมาเป็นหัวหอกนำทัพกันบ้าง?

แน่นอนว่าการย้ายมายังสโมสรใหม่ เรื่องของงบประมาณเสริมทัพย่อมต้องแตกต่างจากงานเก่าแทบทั้งสิ้น หากเลือกไปทีมใหญ่ขึ้น จำนวนเงินทุนในคงคลังก็มากขึ้น แต่ใช่ว่าจะเล็งเป้าดาวเตะรายใดก็ได้ แล้วจะสามารถกระชากตัวด้วยการทุ่มเงินไม่อั้นมาได้ทันที เพราะบอร์ดบริหารและทีมงานซื้อ-ขาย ย่อมต้องพยายามกล่อมให้ผู้จัดการทีม พยายามใช้ของเดิมที่มีอยู่ในทีมเป็นแกนหลักไปก่อน เพื่อพยายามเซฟงบประมาณ เผื่อเหลือเผื่อขาดเอาไว้ในตลาดหลายๆ รอบ หากจัดของหนักของใหญ่ตั้งแต่แรก แฟนบอลต้องมีอาการอยากได้เป้าที่เหนือกว่าเดิมในอนาคต

บทความนี้ พร้อมนำเสนอคอนเทนตืขั้วตรงข้ามกับบทความก่อน เพื่อเป็นสีสันแบบต่อเนื่้อง ย้อนรอยให้เห็นกันว่า ผู้จัดการทีมมือทองหลายรายตอนนี้ ก็เคยจั่วนักเตะพลาดในตลาดมาแล้ว ก่อนจะเปิดอัลติซื้อตัวตรงความต้องการแล้วทำผลงานได้ดีแบบที่เห็นกันในปัจจุบัน มองจากรายชื่อแต่ละรายแล้ว ค่อนข้างเซอร์ไพรส์ไม่น้อยที่พวกเขาเลือกผู้เล่นรายแรกมาร่วมงานแบบพลิกโผ บางคนประหยัดงบซื้อตัวตามทุน บางคนเลือกเซ็นต์ฟรีเอามาทดลองไปก่อน มาลุ้นกันไปพร้อมๆ กันเลยว่า มีกุนซือคนไหนที่เลือกนักเตะคนใดมาเป็นการเซ็นต์สัญญาแรกแล้ว “แป้ก” กันบ้าง?

เริ่มต้นกันที่รายแรกเป็นเทรนเนอร์ชาวเยอรมัน ขวัญใจของกองทัพ เดอะ ค็อปส์ ที่ทุกวันนี้ขึ้นหิ้งบูชาไปเรียบร้อยแล้ว หลังพาทัพ ลิเวอร์พูล กลับมาทวงความยิ่งใหญ่สำเร็จ นั่นก็คือ เจอร์เก้นน์ คล็อปป์ ที่เข้ามารับงานในถิ่น แอนฟิลด์ ในปี 2016 แล้วผู้เล่นคนแรกที่เขาเลือกมาร่วมงานด้วย เป็นกองกลางดาวรุ่งชาวเซอร์เบียอย่าง มาร์โก กรูยิช ที่กว่าจะได้ตัวมาต้องแย่งชิงกับ เชลซี และ อินเตอร์ มิลาน แต่ทาง หงส์แดง รีบปิดดีลได้ก่อนที่ราคา 5.1 ล้านปอนด์ อย่างไรก็ตามมิดฟิลด์รายนี้กลับไปไม่ได้รับโอกาสให้ลงสนามมากนักเวลากว่า 5 ปีครึ่งของเขากับต้นสังกัดได้ลงตัวจริงไปแค่ 5 นัดเท่านั้น เมื่อเทียบพัฒนาการกับดดาวเตะรายอื่นๆ ที่ คล็อปป์ คว้าตัวมาภายหลัง กรูยิช นั้นอยู่ในเกณฑ์ที่ย่ำแย่แบบไม่ต้องคิดมาก

ถัดมาที่รายที่สอง เป็นเคสของหนึ่งในผู้จัดการทีมที่ดีที่สุดในโลกฟุตบอลยุคนี้อย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่พอเขาอิ่มตัวกับการคุมทัพ บาร์เซโลน่า ก็เลือกท่จะย้ายไปทำงานที่ประเทศเยอรมัน ปลายทางของเขาไม่ใช่ทีมไก่กาที่ไหน ต้องเป็นตัวท็อปอย่าง บาเยิร์น มิวนิค อยู่แล้ว อย่างไรก็ตามการเซ็นต์สัญญารายแรกของ เป๊ป กลับไม่ปังดังที่หลายคนคาดไว้ ทั้งที่ได้ วันเดอร์ คิดส์ แห่งยุคของทัพอินทรีเหล็กแบบ มาริโอ เกิตเซ่ มาจาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ด้วยสนนราคาราว 31.5 ล้านปอนด์ แบบที่ไม่มีทีมใดร่วมวงแจมด้วย แต่แล้วอาการบาดเจ็บเริ้อรัง ความมั่นใจที่หดหายไปเรื่อยๆ ทำให้ผลงานของ เกิตเซ่ ไม่ถึงเป้าตามที่ทีมและโค้ชตั้งไว้ สุดท้ายแล้วทำได้แค่เลหลังขายคืนกลับรังเก่าไปในปี 2016

ต่อเนื่องกันที่เคสที่สาม เป็นคิวของเทรนเนอร์ที่ถูกดูถูกเรื่องฝีมือมากที่สุด หลังจากเข้ามารับงานคมทีมที่ความคาดหวังสูงอย่าง บาร์เซโลน่า แล้วผลงานไปถูกใจแฟนบอล แทคติกส์ของ เออร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ เมื่อถูกนำไปเปรียบเทียบกันนายเก่าคนอื่นๆ ก่อนหน้านี้่ ต้องยอมรับว่าสู้กันไม่ได้โดยสิ้นเชิง กลายเป็นถูกตีตราว่าเป็นโค้ชไร้กึ๋น ยิ่งการเซ็นต์สัญญาแรกของเขา ดันเป็นการไปดึงเด็กเก่าของ ลา มาเซีย อย่าง เกราร์ด เดโลเฟว จากสโมสร เอฟวอร์ตัน มาร่วมทีมหลังโดนโละไปไม่นาน ยิ่งกลายเป็นจุดโจมตีที่หนักหน่วงไปใหญ่ ค่าตัวราว 10.6 ล้านปอนด์ อาจดูไม่มากมายนัก แต่การซื้อผู้เล่นกลับมานั่งรอโอกาสตามหลังสตาร์อย่าง อุสมานน์ เด็มเบเล่ และ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ที่ราคาระดับร้อยล้านยูโร ไม่ต่างกับการเอาเงินไปเผาทิ้งเปล่าๆ

เข้าสู่เคสรองสุดท้าย เป็นรายของผู้จัดการทีมมือเก๋า ที่ไม่ยอมวางมือจากวงการสักที ดีกรีของเขานั้นผ่านงานกับทีมระดับท็อปทั้งระดับสโมสรและทีมชาติมาอย่างโชกโชน แต่เรื่องของแทคติกส์ที่โบราณจำเจ อาจทำให้แฟนบอลไม่ค่อยชอบใจการทำทีมของ รอย ฮ็อดจ์สัน เท่าไหร่นัก การเน้นไปที่เกมรับขอไม่แพ้เอาไว้ก่อน ไม่เหมาะกับทีมอย่าง ลิเวอร์พูล โดยสิ้นเชิง ยิ่งไปกว่านั้นการเล็งเป้าในการเสริมทัพของ ปู่รอย รายแรกที่นำมาเติมแกร่ง หงส์แดง ก็ดันไปเลือกผู้เล่นสุดอินดี้ ฟรี เอเย่นต์ แบบ มิลาน โยวาโนวิช ปีกรูปร่างสูงโปร่งมาเสียอีก อย่างไรก็ตามพอเวลาผ่านไป โยวานวิช กลับกลายเป็นตัวเลือกที่ทีมไม่ได้ต้องการ ถึงแม้ ฮ็อดจ์สัน จะสานดีลให้สำเร็จต่อจาก ราฟาเอล เบนิเตซ ทุกอย่างที่ทำไปก็เป็นการเสียเวลาไปเปล่าๆ

ปิดท้ายกันที่กุนซือที่เพิ่งว่างงานแบบสดๆ ร้อนๆ หลังถูกทาง ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ไล่ออกจากตำแหน่งแบบไม่ให้ตั้งเนื้อตั้งตัว นั่นก็คือ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ที่ดูท่าดดวงจะไม่ถูกโโฉลกกับการคุมทีมใหญ่ เพราะนับตั้งแต่สร้างชื่อกับ เอสปันญ่อล กราฟชีวิตของเขาก็ขึ้นๆ ลงๆ เอาแน่เอานอนไม่ได้ ย้อนกลับไปในสมัยที่ พอช มารับงานคุมทีม เซาแธมป์ตัน โปรไฟล์ของเขาอยู่ในเกณฑ์ที่พอใช้

แฟนบอล นักบุญแดนใต้ ต่างจับตามองว่าการเสริมทัพของเขาจะเลือกใครมาเติมเต็มทีมบ้าง กลายเป็นว่าหวยไปออกที่ เวการ์ด ฟอร์เรน แนวรับชาวนอร์เวย์ ที่ย้ายมาด้วยราคาแค่ 3.5 ล้านปอนด์ แถมตัวนักเตะยังใจใหญ่ กล้าปฏิเสธการทดสอบฝีเท้ากับ ลิเวอร์พูล เสียด้วย อย่างไรก็ตามดาวเตะรายนี้ลงเอยไม่สวยนัก เพราะฝีเท้าของเขานั้นเทียบไม่ได้กับนักเตะในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ แบบชั้นไม่ถึง เลยได้อยู่กับต้นสังกัดใหม่เพียงแค่ราว 6 เดือน ก่อนจะย้ายกลับไปเย็บแผลใจกับ โมลด์ ทีมชื่อดังในบ้านเกิด ที่มีกุนซืออย่าง โอเล่ กุนนาร์ โซลชา คุมทัพอยู่ในตอนนั้น

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวนี้