Home บทความฟุตบอล 12 สโมสรที่มีขุมกำลังสู้ศึกน่ากลัวที่สุด ตอนจบ

12 สโมสรที่มีขุมกำลังสู้ศึกน่ากลัวที่สุด ตอนจบ

0
12 สโมสรที่มีขุมกำลังสู้ศึกน่ากลัวที่สุด ตอนจบ

ต่อเนื่องจากตอนที่แล้ว ที่ืางทีมงานได้นำเสนอคอนเทนต์เกี่ยวกับ ขุมกำลังของ 12 ทีมในยุโรปที่ยอดเยี่ยมที่สุดกันไปเป็นการเรียกน้ำย่อย โดยเป็นการหยิบยกบทวิจารณ์ของสื่อในต่างประเทศที่น่าเชื่อถือ มาตีแผ่นให้แฟนๆ ได้รับรู้มุมมองของกูรูจากต่างแดน ที่อาจมีความเห็นต่างกันออกไป จากรายชื่อที่คัดมาในอันดับที่ 12-7 คงเห็นกันไปคร่าวๆ แล้วว่า พวกเขาไม่ได้โฟกัสไปที่เรื่องของการเสริมทัพเพียงอย่างเดียว แต่มองถึงต้นทุนของเดิม ที่ทางเทรนเนอร์ของแต่ละทีม อาจใช้วิชาปลุกผี ให้นักเตะที่เคยหลุดฟอร์ม จนกลายเป็นส่วนเกินของทีมกลับมาเกิดใหม่ มีโอกาสแก้ตัวเป็นกำลังสำคัญด้วยเช่นกัน

แน่นอนว่าการจะประสบความสำเร็จได้นั้น สโมสรแต่ละสโมสรไม่ใช่จะมีเพียงวัตถุดิบที่ดีเป็นทุนเพียงอย่างเดียว กุนซือที่เปรียบเสมือนเชฟปรุงอาหารก็ต้องมีของ ไม่เช่นนั้นแล้วละก็ ต่อให้มีสตาร์ล้นทีมมากขนาดไหน แต่ไม่สามารถควบคุมและใช้งานตามที่ถูกที่ควรได้ อาจเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ บารมีไม่พอในการคุมอีโก้ของนักเตะ อันเป็นสาเหตุที่ทำให้หลายทีมทำผลงานได้ต่ำกว่ามาตรฐาน แล้วมีตัวอย่างให้เห็นกันไปแล้วมากมายในซีซั่นก่อน ยกตัวอย่างง่ายก็ไม่พ้น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง โดยสุดท้ายแล้วพวกเขาทั้งคู่ก็เลือกที่จะแก้ไขกันที่การเปลี่ยนหัวเรือ ดึงเอาคนที่บอร์ดบริหารมองว่าคู่ควรกับตำแหน่ง มาเริ่มต้นกันใหม่ในฤดูกาลนี้

บทความนี้ พร้อมนำเสนอคอนเทนต์เดิมเป็นการปิดท้าย ซึ่งจะเป็นสโมสรที่ถูกมองว่ามีขุมกำลังน่ากลัวที่สุดในอันดับที่ 6-1 ไล่เรียงกันไป พร้อมเหตุผลประกอบที่ทางสื่อต่างประเทศ วิจารณ์ตามความเห็นส่วนตัวของพวกเขา เมื่อมองจากรายชื่อที่ติดเข้ามาแต่ละทีมแล้วนั้น บอกได้เลยว่าหากโคจรไปเจอกันในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รับรองดวลกันไฟแล่บแทบทุกคู่ เพราะต่างเป็นตัวท็อปของแต่ละลีก ที่ทุกปีพยายามพัฒนาให้ดีขึ้นแบบไม่ยอมน้อยหน้ากัน แต่สโมสรไหนจะอยู่อันดับใดกันบ้าง? ภาพรวมทีมของพวกเขาเป็นเช่นไร? มาดูไปพร้อมๆ กันได้เลย

เริ่มต้นกันที่อันดับที่ 6 เป็นทีมดังจากศึก ลาลีก้า สเปน ที่ชื่อสโโมสรแทบจะติดพาดหัวทุกสื่ออยู่เป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวของวิกฤติการเงินที่เสี่ยงล้มละลาย พอพ้นมาได้ก็กลายเป็นประเด็นการเสริมทัพที่ใช้เงินแบบมือเติบ จะเป็นทีมใดไปไม่ได้เลยนอกจาก บาร์เซโลน่า ที่ยังคงวางใจให้กับ ชาบี เอร์นานเดซ เทรนเนอรหนุ่มฝีมือดี กุมบังเหียนผู้เล่นต่อไปเช่นเคย เพืยงแต่มีการเสริมตัวที่เป็นอาวุธหนักเข้ามาแล้วต่อเนื่องทุกแดน ไม่ว่าจะเป็น อันเดรียส คริสเตนเซ่น, ฟร้องค์ เคสซี่, ราฟินญ่า และ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ พอรวมเข้ากับตัวหลักเดิมๆ ที่ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว ภาพรวมของ เจ้าบุญทุ่ม ถือว่ามีความพร้อมเป็นอย่างมาก มีลุ้นแชมป์ลีกและแชมป์ยุโรปได้สบายๆ ที่ต้องห่วง คือ เรื่อง กึ๋นของผู้จัดการทีมเท่านั้น

ต่อกันที่อันดับที่ 5 เป็นแชมป์ศึก บุนเดสลีก้า เยอรมัน เมื่อฤดูกาลก่อน ที่ค่อนข้างน่าเป็นห่วงพอสมควรในปีนี้ เพราะมีการเปลี่ยนแปลงมากมายในเรื่องของตัวผู้เเล่นตัวหลัก นั่นก็คือ บาเยิร์น มิวนิค ของทาง ยูเลี่ยน นาเกลส์มันน์ ที่ได้ตัว ซาดิโอ มาเน่, ไรอัน กราเวนเบิร์ช และ นุซแซร์ มาซราอุย มาตั้งแต่ไก่โห่ อย่างไรก็ตามกลับต้องเสียกองหน้าเบอร์หนึ่งอย่าง โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ออกไป แล้วคงส่งผลกระทบเรื่องการเตรียมทีมและแผนการเล่นไม่มากก็น้อย จนถึงตอนนี้ยังไม่มีตัวแทนเข้ามา แต่กลายเป็นว่าเลือกไปปิดดีล มัทไธส์ เดอ ลิกท์ เซนเตอร์แบ็คดาวรุ่งอดีตเจ้าของรางวัล โกลเด้น บอย มาจากสโมสร ยูเวนตุส หากปรับจูนดีๆ บางทีอาจเป็นมิติใหม่ที่น่ากลัวกว่าเดิมก็เป็นได้

มาถึงอันดับที่ 4 สื่อต่างประเทศมองว่าขุมกำลังของเจ้ายุโรปทีมล่าสุดอย่าง เรอัล มาดริด ค่อนข้างน่าจับตามองอย่างมากเลยทีเดียว เพราะที่สำคัญคือพวกเขายังมี คาร์โล อันเชล็อตติ เทรนเนอร์จอมเก๋าชาวอิตาเลียน ที่เพิ่งเสกดับเบิ้ลแชมป์มาให้ทีมได้ในปีก่อน แม้ว่าเป้าหมายหลักเบอร์หนึ่งอย่าง คีเลียน เอ็มบัปเป้ จะพลาดไปอย่างน่าเสียดาย แต่แนวรุกเดิมๆ ของพวกเขายังอยู่กันครบ ไม่ว่าจะเป็น คาริม เบนเซม่า เจ้าของรางวัล บัลลงก์ ดอร์ และ วินิซิอุส จูเนียร์ ปีกฟอร์มร้อนทีมชาติบราซิล การเสริมทัพเบาะๆ ไปสองรายทั้ง อันโตนิโอ รูดิเกอร์ ที่เข้ามาเป็นตัวเลือกแผงหลังแบบฟรีๆ และ ออเรเลียง ชูอาเมนี่ กองกลางตัวรับทีมชาติฝรั่งเศส ที่จะเข้ามาแบกแผงกลางทีมในอนาคต ต่อให้ ราชันชุดขาว ไม่มีการขยับเพิ่มเติมใดๆ เชื่อว่าฝีมือของ อันเช่ คงพอจะพาทีมมีแชมป์ติดมือสักรายการแน่ๆ

ต่อกันที่อันดับที่ 3 เป็นหนึ่งทีมขวัญใจแฟนบอลในประเทศไทย ซึ่งมีแนวทางการทำทีมที่น่าสนใจอยู่เสมอ ระบบการเล่นเป็นเอกลักษณ์ ยากที่จะหาทีมเลียนแบบพวกเขาได้ เพราะทางกุนซืออย่าง เจอร์เก้นน์ คล็อปป์ ได้ถ่ายทอดวิชา เกเก้น เพรสซิ่ง ซึ่งแค่เรื่องฝีเท้าที่ดียังไม่เพียงพอ แต่แพสชั่นต้องสูงและมีความขยันรวมเข้าไปด้วย จึงจะมาสวมเครื่องแบบสีแดงเพลิง ของสโมสรแถบเมอร์ซี่ย์ไซด์อย่าง ลิเวอร์พูล ได้เต็มภาคภูมิ แม้ว่าพวกเขาจะเสีย มาเน่ หนึ่งในแนวรุกตัวแบกออกไปให้กับ เสือใต้ แต่ตัวแทนที่นำเข้ามาอย่าง ดาร์วิน นูนเญซ และ ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ ไม่ได้มีคุณภาพที่ด้อยไปกว่ากันเลย แม้ว่าช่วงแรกอาจมีสะดุด ตะกุกตะกักให้เห็นกันอยู่บ้างในเกมอุ่นเครื่อง แต่พอความฟิตเข้าที่เข้าทาง ผู้เล่นเข้าใจแผนใหม่ๆ ที่มีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดเล็กน้อย ดูเหมือนว่าออร่าความน่าเกรงขามของ หงส์แดง แทบไม่ต่างไปจากปีก่อนๆ แม้แต่น้อย การันตีเลยว่า ตราบใดที่ยังไม่เปลี่ยนผู้จัดการทีม พวกเขาจะยังเป็นทีมหัวแถวของวงการไปอีกหลายปี

เข้าสู่ตำแหน่งรองท็อปกันที่ทีมแชมป์ ลีก เอิง ฝรั่งเศส ปีก่อนอย่าง ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ที่ไม่ได้หวังเพียงแค่ความสำเร็จภายในประเทศเพียงอย่างเดียว แต่ต้องการไปสร้างชื่อเป็นเจ้ายุโรป ทำให้บอร์ดบริหารไม่รอช้า ตัดสินใจกำจัดเนื้อร้ายออกไปจากทีมก่อนจะเริ่มโปรเจ็คท์ใหม่ ไม่ว่าจะเป็นผู้อำนวยการกีฬาอย่าง เลโอนาร์โด้ และ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ เทรนเนอร์หน้าติ๋มชาวอาร์เจนไตน์ ดีลสำคัญที่เป็นหัวใจในตลาดรอบนี้ของ เปแอสเช คงหนีไม่พ้นการรั้ง คีเลียน เอ็มบัปเป้ กองหน้าทีมชาติฝรั่งเศส ที่เป็นว่าที่นักเตะเบอร์หนึ่งของโลกคนต่อไป ให้อยู่กับทีมต่อไปได้ในนาทีสุดท้าย แถมยังไปดึงตัวกุนซือมือดีอย่าง คริสตอฟ กัลติเย่ร์ ที่เคยพา ลีลล์ ไปถึงแชมป์ลีกแดนน้ำหอมด้วยขุมกำลังที่จำกัดมาคุมทัพ ต่อให้ไม่เสริมทัพใดๆ เพิ่มเติม ภาพรวมทีมของพวกเขาก็มีนักเตะดีๆ ให้เลือกใช้จนล้นมือ

ปิดท้ายกันที่อันดับที่หนึ่ง คงไม่มีทีมไหนในยุโรปนาทีนี้ ที่มีขุมกำลังเพียบพร้อมเท่ากับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อีกแล้ว ขนาดฤดูกาลยังไม่เปิดดี เรือใบสีฟ้า ยังขึ้นแท่นเป็นเต็งหนึ่งแชมป์ลีกและแชมป์ยุโรป ตามที่บ่อนพนันถูกกฏหมายออกราคามาให้หลายเจ้า เป็นเพราะว่าพวกเขายังมี เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เทรนเนอร์สมองเพชรคอยเป็นคนวางแผนเช่นเดิม บวกกับการได้เงินสนับสนุนแบบไม่อั้น

จากทีมงานบอร์ดบริหารแสนใจป้ำ ที่พร้อมจ่ายแบบสมเหตุสมผลให้กับผู้เล่นที่ เป๊ป ต้องการนำมาเสริมทีมให้ดีขึ้น ยกตัวอย่างเช่นดีลที่เรียบร้อยไปแล้วอย่าง เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ดาวยิงเท้าระเบิดที่ปาดหน้าหลายทีมยักษ์ใหญ่ ที่ทำได้แค่มองกันตาปริบๆ และ ยูเลี่ยน อัลบาเรซ กองหน้าตัวจี๊ดเจ้าของฉายา อเกวโร่ คนต่อไป บวกกับ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ตัวบั๊คของลีก ต่อให้มีการปล่อย ราฮีม สเตอร์ลิ่ง และ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ ออกไปจากทีม ก็ไม่ได้ทำให้พวกเขาอ่อนกำลังลง สามารถจัดทีมที่ดีเท่าๆ กันได้สองชุด แบบที่ใครเห็นก็อิจฉาไปตามๆ กัน

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวนี้