Home บทความฟุตบอล ย้อนรอย 10 เหตุการณ์ ปีศาจแดง เสียสตาร์ แต่แก้ไขได้ ตอนแรก

ย้อนรอย 10 เหตุการณ์ ปีศาจแดง เสียสตาร์ แต่แก้ไขได้ ตอนแรก

0
ย้อนรอย 10 เหตุการณ์ ปีศาจแดง เสียสตาร์ แต่แก้ไขได้ ตอนแรก

ช่วงนี้แฟนบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คงหลีกหนีเรื่องความเอียนกับข่าวของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ได้ไม่พ้น เพราะไม่ว่า ซีอาร์เซเว่น จะขยับตัวไปทำอะไร? ที่ไหน? เมื่อไหร่? หากกลุ่มสื่อมวลชนต่างๆ ในต่างประเทศ สามารถหา แกท – แพท เชื่อมโยงกับสถานการณ์ของเขา ที่แสดงความชัดเจนในเรื่องการย้ายสังกัดได้ ประเด็นนั้นจะถูกนำมาใส่สีตีไข่ ให้กลายเป็นข่าวหน้าหนึ่ง พาดหัวตามหน้าสื่ออยู่เป็นประจำ จนกว่าเรื่องนี้จะได้บทสรุป

อย่างไรก็ตามความคิดเห็นของแฟนบอลต่างแตกออกเป็นสองฝ่าย ทั้งพวกที่ต้องการให้ทีมรั้งตัว โรนัลโด้ ให้อยู่กับทีมต่อไปให้ได้ และ กลุ่มที่เห็นว่าดาวเตะรายนี้ขาดความเป็นมืออาชีพ เริ่มทำตัวใหญ่กว่าสโมสร เหมือนกับเนื้อร้ายที่ต้องกำจัดทิ้งออกไปให้เร็วที่สุด ถ้าย้อนกลับไปในยุคเก่าก่อน ปีศาจแดง ซึ่งมีกุนซือเฮี้ยบๆ คอยกุมบังเหียนมาหลายยุคหลายสมัย ไม่มีทางปล่อยให้เหตุการณ์บานปลาย ยอมเสียแขนเสียขาดีกว่าปล่อยตัวตาย พร้อมสละนักเตะคนนั้นทิ้งทันที ไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง ด้วยการไม่สนว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต

บทความนี้ พร้อมย้อนรอยเหตุการณ์ในอดีตที่เคยเกิดขึ้นในถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด 10 ครั้งก่อนหน้านี้ ที่ลงเอยด้วยการเสียสตาร์ออกไปจากทีม แต่สุดท้ายแล้ว ยูไนเต็ด ก็ก้าวผ่านทุกอย่างไปได้ โดยจะขอแบ่งเป็นสองตอน ตอนละ 5 เหตุการณ์ที่น่าสนใจ เพื่อการให้ข้อมูลที่ครบถ้วน มาลุ้นไปพร้อมๆ กันเลยว่า จะมีครั้งไหนที่แฟนๆ จดจำเรื่องราวในตอนนั้นกันได้บ้างหรือไม่? แล้วที่มาที่ไปของการแยกทางในครั้งนั้นๆ มีที่มาจากอะไร?

เริ่มต้นกันที่เหตุการณ์แรกในคลิปนี้ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับตำนานเบอร์ 7 คนสำคัญแห่ง โอลด์ แทรฟฟอร์ด และ ทีมชาติอังกฤษ อย่างที่ไม่มีใครคาดคิด เพราะใครๆ ต่างก็เห็นตรงกันว่า เดวิด เบ็คแฮม ที่เป็นเด็กสร้างจากอะคาเดมี่ของสโมสร แล้วเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ความสำเร็จของทีมในยุคนั้น ต้องอยู่กับทีมจนเลิกเล่นอย่างแน่นอน แต่แล้วความขัดแย้งระหว่าง สุดหล่อ กับ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่ระบายอารมณ์เตะสตั๊ดลอยไปโดนหางคิ้วจนแตก ก็ทำให้ทุกอย่างนำพา เบ็คแฮม ย้ายไปสู่ถิ่น ซานติอาโก้ เบร์นาเบว ของ เรอัล มาดริด ในปี 2003 แต่สุดท้ายแล้ว เฟอร์กี้ ก็ปรับระบบการเล่นจนพาทีมผ่านพ้นมาได้

ต่อกันที่เหตุการณ์ประกาศแขวนสตั๊ดแบบสุดช็อคของ เอริก คันโตน่า เจ้าของฉายา เดอะ คิง หลังจบฤดูกาล 1996/97 ด้วยวัยเพียงแค่ 30 ปีเท่านั้น ไม่มีใครนึกถึงมาก่อนว่า ก็องโต้ จะยอมลงจาก บัลลังก์ หลังจากทีมเพิ่งจะคว้าแชมป์ลีกมาครองได้ แล้วตัวเขาเองกำลังอยู่ในช่วงพีคสุดของการค้าแข้ง แต่ความคิดเห็นที่ตัวนักเตะมองว่า ควรยุติอาชีพตอนที่แฟนบอลยังคงจดจำภาพความสำเร็จของเขา เป็นสิ่งที่ดีกว่าเลิกตอนแก่แล้วสภาพไม่ไหว จึงไม่มีใครกล้าแย้ง สุดท้ายแล้วการส่งปลอกแขนสำคัญให้กับรุ่นน้องอย่าง รอย คีน ก็พาสโมสรเข้าสู่ยุคใหม่แบบเต็มตัว ที่มีแกนหลักเป็นรุ่นน้องจาก คลาส ออฟ ไนน์ตี้ ทู ที่คว้าแชมป์เป็นว่าเล่น

ถัดมาที่เหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในปี 2005 แล้วเป็นสิ่งที่กลายเป็นจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น เรียกแพสชั่นกลับมาให้เหล่าผู้เล่นที่อิ่มตัวกับความสำเร็จ เป็นการระเบิดอารมณ์ของ รอย คีน กัปตันพันธุ์ดุชาวไอริช ที่ให้สมัภาษณ์ผ่านทางสื่อของสโมสรอย่าง เอ็มยูทีวี หลังเกมที่ทีมพ่าย มิดเดิ้ลสโบรซ์ 1-4 แบบหมดท่า แม้ว่าเทปดังกล่าวจะไม่มีการออกอากศให้แฟนบอลได้รับชม แต่เนื้อหาบางส่วนที่หลุดออกมา ล้วนเป็นการตำหนิเพื่อนร่วมทีมแบบไม่มีไว้หน้ากันสักนิด โดนตั้งแต่เหล่าดาวรุ่ง ไปถึงสตาร์ตัวชูโรง เพราะ คีน ไม่ได้ลงเล่นในเกมดังกล่าว เรื่องนี้ เฟอร์กี้ ตัดสินใจลงดาบกัปตันทีมรายนี้ ด้วยการตกลงยกเลิกสัญญา แล้วปล่อยให้เขาไปเล่นกับ เซลติก เพื่อเรียกบรรยากาศดีๆ ในห้องแต่งตัวกลับคืนมา ลดภาวะตึงเครียดและกดดันของเหล่าผู้เล่นในทีม ซึ่งก็ผ่านไปได้ด้วยดีอีกครั้ง

ต่อกันที่เหตุการณ์รองสุดท้าย ต้องย้อนกลับไปในยุคโบราณ ที่ทาง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังมีหัวเรือเป็น เซอร์ แม็ตต์ บัสบี้ คุมทีมอยู่ช่วงปลายยุค 1940 ซึ่งหนึ่งในสตาร์ของทีมอย่าง จอห์นนี่ มอร์ริส ที่เล่นในตำแหน่งกองหน้า แล้วทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในนัดชิงศึก เอฟเอ คัพ ปี 1948 ที่เอาชนะ แบล็คพูล ไปได้ 4-2 คว้าแชมป์มาครองได้อย่างยิ่งใหญ่ ปรากฏว่า มอร์ริส ที่รับหน้าที่เป็นกองหน้าตัวหลักให้กับทีมในเวลานั้น ดันไปมีปากเสียงเถียงกับ บัสบี้ จนสายสัมพันธ์ทั้งคู่ขาดสะบั้น อย่างไรก็ตามนั้นเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ ผู้จัดการทีมรายนี้ ฉายแววยอดโค้ชออกมา ด้วยการพาทีมประสบความสำเร็จมากมาย แม้ว่าจะตัดใจขาย มอร์ริส ยอดดาวรุ่งที่กระด้างกระเดื่องกับเขาออกไปจากทีมก็ตาม

ปิดท้ายกันที่กรณีของยอดดาวยิงชาวดัตช์อย่าง รุด ฟาน นิสเตลรอย ที่ถูกขายออกไปให้กับ เรอัล มาดริด ในช่วงปี 2005 ขณะที่อยู่ในวัยพีคของการค้าแข้งตอานอายุ 30 ปีเท่านั้น จุดเริ่มต้นนั้นมาจากเหตุการณ์ในระหว่างการซ้อม ที่ทาง รุด ดันไปมีปากเสียงกับ โรนัลโด้ เนื่องจากมองว่าดาวเตะโปรตุกีส เล่นฟุตบอลแบบเห็นแก่ตัวเกินไป ไม่ยอมจ่ายบอลให้ เลยลามปามด่าทอ ยาวไปจนถึงยั่วยวนด้วยประโยคว่า “แล้วยังไง จะไปฟ้องพ่อนายมั้ยล่ะ” กลายเป็นว่า คาร์ลอส กีรอซ ผู้ช่วยผู้จัดการทีมที่เห็นเหตุการณ์ออกโรงรายงานไปยัง เฟอร์กี้

ทำให้ รุด ถูกดร็อปเป็นตัวสำรองในเกมลีกหลายเกม รวมไปถึงนัดชิงชนะเลิศถ้วยลีก คัพ ที่พบกับ วีแกน แอธเลติกส์ แม้ว่ากองหน้ารายนี้จะออกมาขอโทขอโพยกับการกระทำดังกล่าว แต่นั่นดูเหมือนว่า คำขอโทษ ไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้น เพราะ พ่อ ของ โรนัลโด้ เพิ่งจะเสียชีวิตไปเมื่อ 8 เดือนก่อนหน้านี้ เฟอร์กูสัน เลยยอมเดิมพันกับแนวรุกยุคใหม่อย่าง เวย์น รูนี่ย์ และ ซีอาร์เซเว่น แล้วปรากฏว่า ผลลัพท์ออกมาดียิ่งกว่าเดิมเสียอีก

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวนี้