Home บทความฟุตบอล จัดทีม 11 ดาวเตะ พรีเมียร์ลีก ที่เคยมีประเด็นงอแงขอย้ายทีม ตอนจบ

จัดทีม 11 ดาวเตะ พรีเมียร์ลีก ที่เคยมีประเด็นงอแงขอย้ายทีม ตอนจบ

0
จัดทีม 11 ดาวเตะ พรีเมียร์ลีก ที่เคยมีประเด็นงอแงขอย้ายทีม ตอนจบ

เข้าสู่ตอนปิดท้ายกับคอนเทนต์จัด 11 สตาร์ พรีเมียร์ลีก ตามตำแหน่งที่งอแง้ขอย้ายทีม ตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งแฟนๆ คงได้เห็นกันไปแล้วว่า แต่ละเคสที่เกิดขึ้นนั้น ล้วนเป็นกรณีที่แสวนน่าปวดหัวทั้งสิ้น โดยนำเสนอในตำแหน่งแนวรับอย่าง ผู้รักษาประตู และ กองหลังไปแล้ว มาถึงคิวของผู้เล่นในตำแหน่งกองกลางและกองหน้ากันบ้าง โดยแต่ละรายล้วนมีประเด็นที่ลึกลับซับซ้อน บทสรุปที่ลงเอยแตกต่างกันออกไป แต่หากทำความเข้าใจทั้งสองฝ่ายแบบไม่เข้าข้างใดเป็นพิเศษ แฟนบอลย่อมเข้าใจกันได้ว่า เหตุการณ์จำพวกนี้เกิดขึ้นได้กับนักเตะทุกคน

ทุกวันนี้ตลาดซื้อ-ขายผู้เล่น บ้าคลั่งกว่าในสมัยก่อนเอามากๆ ด้วยภาวะเงินเฟ้อ ที่ทำให้มูลค่าสินค้าทุกอย่างสูงขึ้นเป็นเท่าตัว หากนับผู้เล่นของแต่ละทีมในโลกฟุตบอลในมุมมองของเศรษฐกิจ พวกเขามีค่าไม่ต่างกับสินทรัพย์ของสโมสร ที่สามารถแปรเปลี่ยนเป็นเงินได้ การต่อสัญญาเพิ่มเงินเดือนให้ ไม่ใช่ทุกคนจะยอมตอบรับข้อเสนอ แล้วมีความจงรักภักดีกับทีม พร้อมจะร่วมหัวจมท้ายกันตลอดไป ถ้ามีข้อเสนออันแสนเย้ายวน ที่เทียบกันแล้วเป็นหนทางที่ดีกว่า หลายต่อหลายรายเลือกที่จะออกไปพิสูจน์ตัวเองกับต้นสังกัดใหม่ทั้งสิ้น

ยิ่งเป็นผู้เล่นที่เป็นตำแหน่งที่ความต้องการในตลาดสูงอย่าง มิดฟิลด์ และ กองหน้า หากสโมสรใหญ่ๆ มองแล้วว่า ฝีเท้าอยู่ในระดับที่ไปถึงซูเปอร์สตาร์ได้ พร้อมที่จะทุ่มเงินซื้ออนาคตและแบกรับความเสี่ยงกันไว้แต่เนิ่นๆ เพราะถ้าปล่อยให้ทีมระดับกลาง ยืนซื้อตัดหน้าไปปลุกปั้นจนดังขึ้นมา รับรองเลยว่ามูลค่าที่ต้องจ่ายในภายหลัง อาจจะมากกว่าที่กะเกณฑ์ไว้ช่วงแรกเป็นเท่าตัว มาดูกันไปพร้อมๆ กันเลยว่า เคสที่นักเตะงอแงในอีพีนี้ จะมีใครติดโผเข้ามาบ้าง?กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นกับสโมสรใด? บทสรุปนั้นลงเอยกันแบบไหน?

เริ่มต้นกันที่เคสแรก เกิดขึ้นในช่วงต้นฤดูกาล 2015/16 โดยทาง ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ออกลูกงอแงกับ ลิเวอร์พูล ต้นสังกัดในยุคนั้นที่ยังไม่สุดยอดเหมือนตอนนี้ ด้วยการไปยอมเดินทางไป ปรีซีซั่น กับทีมที่ประเทศออสเตรเลีย เพราะต้องการย้ายออกจากทีมโดยด่วน เพราะเล็งเห็นว่า ทนอยู่ต่อไปคงไปถึงแชมป์ได้ยาก แน่นอนว่าบอร์ดบริหารของ หงส์แดง ต้องการกำจัดตัวปัญหาออกจากทีมแบบเร่งด่วน แต่ไม่มีทางขายสตาร์รายนี้ออกไปแบบถูกๆ เลยดึงเชงเจรจากับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อยู่นานพอควร จนได้ค่าตัวราว 50 ล้านปอนด์แบบสมน้ำสมเนื้อเข้ากระเป๋า ส่วนตัว ราฮีม ก็ได้ไปกวาดแชมป์สมใจเป็นเวลากว่า 7 ปี แล้วเพิ่งจะย้ายไปอยู่กับ เชลซี หมาดๆ เมื่อไม่นานมานี้

มาต่อกันที่เคสของ มอร์แกน ชไนเดอร์ลิน กองกลางตัวรับสัญชาติฝรั่งเศสในปี 2014 ที่ตกเป็นข่าวในการย้ายไปรียูเนี่ยนกับ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ นายเก่าที่ย้ายไปคุม ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ขณะนั้น เซาแธมป์ตัน ต้นสังกัด นั้นเป็นทีมที่คุ้นเคยกับการขายทุกอย่างเพื่อทำกำไร รวมไปถึงการเทคโอเวอร์สโมสร ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในช่วงสองทศวรรษ แต่ในเคสนี้ นักบุญ เพิ่งจะขาย คาลัม แชมเเบอร์ ผู้เล่นในตำแหน่งเดียวกันออกไปให้ อาร์เซน่อล แบบสดๆ ร้อนๆ ส่งผลให้แฟนบอลไม่ต้องการเสียผู้เล่นคนสำคัญออกไปอีก ถึงขนาดมีการขู่เผาสนาม ส่วนตัวของนักเตะนั้นออกลูกงอแง ต้องการย้ายไปอยู่กับ ไก่เดือยทอง ที่อาศัยสถานการณ์ที่ได้เปรียบ ยื่นข้อเสนอมาเพียงแค่ 10 ล้านปอนด์เท่านั้น แล้วปฏิเสธการซ้อมและลงเล่น แต่แล้ว เดอะ เซนต์ เลือกใช้วิธีประนีประนอม ไม่ประกาศเรื่องนี้ออกสื่อ อ้างว่า ชไนเดอร์ลิน ไม่พร้อมในเรื่องของร่างกายและจิตใจในการลงสนามได้ ก่อนจะแก้ปัญหานั้นได้ด้วยดี ไม่มีการย้ายทีมเกิดขึ้นในตลาดดรอบดังกล่าว แต่พออีก 12 เดือนต่อมา ชไนเดอร์ลิน ก็ได้ย้ายทีมสมใจอยาก แต่ไปอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แทนด้วยราคาที่แพงกว่า

ต่อกันที่เคสของ ดิมิทรี ปาเย่ต์ เพลย์เมคเกอร์พรสวรรค์สูงชาวฝรั่งเศสในปี 2016 ที่เพิ่งจะเซ็นต์สัญญายาวกับ เวสต์แฮม เป็นเวลา 5 ปีด้วยกัน แต่ผ่านไปเพียงไม่ถึงปี ปาเย่ต์ รู้สึกว่าการใช้ชีวิตในกรุง ลอนดอน นั้นไม่ตอบโจทย์ของเขาเลย จึงพยายามหาทางย้ายทีมระหว่างการเจรจาเพิ่มค่าเหนื่อยในสัญญาเก่า เมื่อสองฝ่ายเห็นต่างกัน ปาเย่ต์ ปฏิเสธที่จะลงเล่นให้กับ ขุนค้อน ซึ่งทางกุนซือของทีมอย่าง สลาเวน บิลิช ก็ใช้ไม้แข็งตัดชื่อเขาออกจากทีม เพื่อเป็นกรณีตัวอย่างให้คนอื่นได้เห็น แถมยังบอกปัดข้อเสนอจาก โอลิมปิก มาร์กเซย ที่ยื่นเข้ามาแบบฉวยโอกาสอีกด้วย สุดท้ายแล้ว ปาเย่ต์ ต้องรอจนถึงปี 2017 ถึงได้ย้ายไป โอแอ็ม สมใจอยาก

มาถึงเคสสดๆ ร้อนๆ ที่เพิ่งจะได้บทสรุปของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่มีจุดเริ่มต้นมาจาก โรนัลโด้ แจ้งความต้องการผ่านทางเอเย่นต์ของเขาอย่าง ฮอร์เก้ เมนเดส ว่าต้องการย้ายออกจากถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด แล้วมอบอำนาจให้วิ่งโโร่หาต้นสังกัดใหม่ตั้งแต่ซัมเมอร์ ระหว่างที่เจ้าตัวไม่ยอมเดินทางไปปรีซีซั่นกับทีม แต่ดันโพสต์ภาพโชว์ของว่ายังมีดี เพื่อเรียกร้องความสนใจจากทีมต่างๆ พอจบช่วงเวลาทัวร์ดังกล่าว ทั้งสองฝ่ายเดินทางมาพบกันที่ แคร์ริงตัน เพื่อหาข้อตกลงร่วมกัน แต่ก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไป แม้ว่าทาง เอริก เทน ฮาก เทรนเนอร์คนใหม่ จะเปิดกว้างในการร่วมงานกับ ซีอาร์เซเว่น ก็ตาม สุดท้ายแล้วเมื่อความบาดหมางลามไปไกล เลยจำต้องยกเลิกสัญญากันไปตามความต้องการของสองฝ่าย

เข้าสู่เคสปัญหาของ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ ในปี 2008 ที่ทาง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ไม่มีความต้องการที่จะปล่อยตัวนักเตะออกไป แต่ตัวนักเตะนั้นเห็นต่าง ตอนแรก ไก่เดือยทอง ยอมรับข้อเสนอจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เหมือนเลือกกำขี้ดีกว่ากำตด แต่เป็นทาง ปีศาจแดง ของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่เข้ามาแทรกแซงระหว่างที่นักเตะ กำลังจะเดินทางไปตรวจร่างกาย แล้วอาศัยคารณ์กล่อม เบอร์บาตอฟ จนอยู่หมัด จนนักเตะเปลี่ยนใจอยากมาเล่นในถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด มากกว่า อย่างไรก็ตาม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยอมจ่ายค่าตัวให้แพงก็จริง แต่น้อยกว่าทาง ซิตี้ อยู่พอสมควร แดเนี่ยล เลวี่ ประธานของ สเปอร์ส ไม่ต้องการขายนักเตะในราคานั้น แต่ตัวของ เบอร์บาตอฟ ดันยื่นคำขาดมาว่า หากไม่ปล่อยเขาย้ายไปโรงละครแห่งความฝัน จะไม่มีวันลงเล่นให้กับทีมอีก กลายเป็นว่า ต้นสังกัดไม่มีทางเลือกจึงต้องยอมปล่อยไป

ต่อกันที่เคสรองสุดท้าย เกิดดขึ้นในปี 2011 เป็นปัญาระหว่าง คาร์ลอส เตเบซ กองหน้าชาวอาร์เจนไตน์ ขวัญใจแฟนบอล เรือใบสีฟ้า ที่ดันไปมีปัญหาส่วนตัวกับ โรแบร์โต้ มันชินี่ เทรนเนอร์ของทีมในขณะนั้น แล้วตัวของนักเตะเลือกที่จะเดินทางกลับไปยังบ้านเกิดเป็นการประท้วง ไม่ยอมเผชิญหน้ากับบอสของเขาตรงๆ ระหว่างที่ เตเบซ กำลังอยู่ในช่วงพักร้อน เขาเลือกที่จะเดินเกมให้เอเย่นต์ติดต่อสโมสรต่างๆ เพื่อหาทีมมารับเซ้งเขาไปอยู่ด้วย หนึ่งในนั้นคือ เอซี มิลาน ที่จนเหลือเกินในยุคนั้น ปรากฏว่า การเจรจาดังกล่าวไม่เกิดขึ้น เตเบซ ต้องจำใจเดินทางกลับมายัง แมนเชสเตอร์ พร้อมกับโดนตราหน้าว่า แอบแทงข้างหลังต้นสังกัดด้วยความเจ้าเล่ห์ไม่ต่างกับ จิ้งจอก

ปิดท้ายกันที่ประเด็นสุดคลาสสิคของ แฮร์รี่ เคน กองหน้าเบอร์หนึ่งทีมชาติอังกฤษจากสโมสร ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ที่ต้องการย้ายออกไปจากทีม เพื่อไปถึงแชมป์ให้ได้สักรายการ เพราะกำลังเข้าสู่ช่วงพีคของการค้าแข้ง แล้วก็เป็นทาง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่กำลังขาดศูนย์หน้าตัวจบสกอร์แบบพอดิบพอดีในช่วงซัมเมอร์ปีก่อน

อย่างไรก็ตาม เคน เหลือสัญญากับ ไก่เดือยทอง อีกถึง 3 ปี ต้นสังกัดเลยตั้งราคาไว้สูงถึง 150 ล้านปอนด์ อันเป็นมูลค่าที่แพงเกินจริง ซิตี้ พยายามยื่นข้อเสนอเข้าไปให้พิจารณาถึง 4 รอบ แต่ตัวเลขทุกครั้งที่ยื่นไปไม่ถึงจำนวนดังกล่าว สเปอร์ส จึงเลือกที่จะบอกปัดแบบไร้เยื่อใย กลายเป็นว่าตัวของ เคน ฝันสลายไปในชั่วพริบตา เลยมารายงานตัวซ้อมกับทีมช้า สภาพความฟิตไม่ถึงเกณฑ์ มีรายงานข่าวว่าเขาเมาหนักซัดเบียร์ไปหลายวันติด แต่สุดท้ายก็จำใจอยู่กับทีมต่อไป แล้วทำผลงานอันสุดยอดยิงไป 17 ประตูเมื่อฤดูกาลก่อน

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวนี้