Home บทความฟุตบอล โฉมหน้าผู้เล่นของ แรนส์ หากไม่ขายนักเตะออกไปจากทีม ตอนจบ

โฉมหน้าผู้เล่นของ แรนส์ หากไม่ขายนักเตะออกไปจากทีม ตอนจบ

0
โฉมหน้าผู้เล่นของ แรนส์ หากไม่ขายนักเตะออกไปจากทีม ตอนจบ

ความเดิมจากตอนที่แล้วที่ทางทีมงาน ได้นำเสนอคอนเทนต์เกี่ยวกับสโมสร แรนส์ ทีมในศึก ลีก เอิง ฝรั่งเศส ที่ทำผลงานได้อย่างสุดเซอร์ไพรส์ในซีซั่นก่อน ด้วยการจบในอันดับที่ 4 ของตาราง ทั้งที่สภาพทีมของพวกเขานั้น มีการขายนักเตะตัวหลักออกไปจากทีมอยู่แทบทุกซีซั่น อันเป็นแนวทางของบอร์ดบริหารที่เลือกทำกำไรมากกว่าความสำเร็จพอมีผู้เล่นที่โดดเด่นขึ้่นมาสักหนึ่งคนในตำแหน่งต่างๆ ก็ยากที่จะรั้งตัวให้อยู่กับทีมต่อไปได้ เมื่อมีสโมสรที่ใหญ่กว่าให้ความสนใจ

เมื่อมองในมุมกลับกันหาก แรนส์ มีกมหาเศรษฐีจากชาติใดชาติใด เลือกเข้ามาทำการเทคโอเวอร์เหมือนทีมดังต่างลีก ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจจะไปไกลกว่าจุดที่เป็นอยู่นี้ เนื่องจากเมื่อย้อนไปดูรายชื่อผู้เล่นของพวกเขาในอดีตแล้วนั้น นับว่ารวบรวมเอาดาวเตะระดับหัวกะทิเอาไว้หลากหลายราย น่าเสียดายเป็นอย่างมากที่ไม่อาจรั้งเอาไว้ได้ตามวัฏจักรของฟุตบอล ที่เมื่อผู้เล่นมีโอกาสย้ายไปอยู่กับทีมที่ดีกว่า ได้รับเงินเดือนสูงกว่า มีอนาคตที่สดใสรออยู่มากกว่าเดิม ย่อมไม่มีใครที่จะปฏิเสธทั้งนั้น

บทความนี้ จะเป็นการปิดท้ายโฉมหน้าของทีม แรนส์ ในเหตุการณ์สมมติ ถ้าพวกเขาเก็บเหล่าสตาร์เอาไว้อยู่กับทีมได้ครบ ซึ่งจะเข้าสู่ตำแหน่งกองกลางและกองหน้า อีก 6 รายด้วยกัน เพื่อให้ครบตามตำแหน่งผู้เล่นทั้ง 11 คน เมื่อรวมกับอีพีก่อน การันตีได้เลยว่า ผู้เล่นแต่ละรายในคลิปนี้ เผลอๆ อาจมีอนาคตที่สดใสกว่ากลุ่มที่ติดโผเข้ามาในคลิปแรกเสียอีก เนื่องจากปลายทางของแต่ละคนที่ย้ายออกไป ล้วนแต่เป็นสโมสรที่เป็นบิ๊กเนมแทบทั้งสิ้น มาดูไปพร้อมๆ กันเลยว่า จะมีใครติดโผเข้ามาบ้าง? แล้วปัจจุบันเส้นทางอาชีพของพวกเขาเป็นอย่างไร?

เริ่มต้นกันที่ตำแหน่งกองกลางตัวรับ ด้วยวัยเพียงแค่ 19 ปี เป็นเรื่องยากเอามากๆ ที่นักเตะสักหนึ่งคน จะก้าวขึ้นไปเล่นให้กับยักษ์ใหญ่อย่าง เรอัล มาดริด สโมสรชื่อดังจากแดนกระทิงดุ ที่เพิ่งจะคว้าดับเบิ้ลแชมป์ได้ในซีซั่นก่อน ซึ่งดาวเตะที่ไปถึงจุดนั้นได้ก็คือ เอดูอาร์โด้ กามาแว็งก้า กองกลางอนาคตไกลทีมชาติฝรั่งเศส ที่ได้ลงเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ของ แรนส์ ตั้งแต่อายุ 16 ย่าง 17 ปี มีพรสวรรคืทั้งเรื่องของการผ่านบอล การอ่านเกม ตัดบอล และสร้างสรรค์เกมแดนกลางแบบครบเครื่อง การได้เก็บประสบการณ์ทำงานร่วมกับยอดโค้ชอย่าง คาร์โล อันเชล็อตติ คงช่วยพัฒนาฝีเท้าของเขาแบบก้าวกระโดด ราคาค่าตัวที่ ราชันชุดขาว จ่ายไปแค่ 27.9 ล้านปอนด์ คงออกดอกออกผลในเร็ววัน

ต่อเนื่องกันที่ตำแหน่งกองกลางตัวรับอีกหนึ่งราย เป็นมิดฟิลด์ผิวสีที่ย้ายออกไปจาก แรนส์ ตั้งแต่ปี 2016 ด้วยค่าตัว 9.54 ล้านปอนด์ แล้วไปสร้างผลงานที่น่าประทับใจกับ วัตฟอร์ด นั่นก็คือ อับดูลาย ดูกูเร่ กองกลางจอมขยัน ที่ทาง เอฟเวอร์ตัน ยอมจ่ายเงินถึง 20 ล้านปอนด์ คว้าตัวดาวเตะรายนี้มาจาก แตนอาละวาด แล้วยกตำแหน่งคีย์แมนแดนกลางให้ลงเล่นอย่างต่อเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้ ต่อให้จะเปลี่ยนกุนซือไปกี่คนแล้วก็ตาม แม้ว่าช่วงหลังสภาพร่างกายจะดูไม่สมบูรณ์เต็มร้อย แต่มาตรฐานการเล่นของ ดูกูเร่ ยังคงไว้ใจได้เสมอ หากทาง ท็อฟฟี่สีน้ำเงิน ขาดเขาไปนัดไหน รับรองได้เจองานใหญ่รออยู่แน่ๆ

ถัดมาที่ตำแหน่งแนวรุกแดนบนตรงริมเส้นฝั่งซ้าย ค่าตัวราว 31.5 ล้านปอนด์ ที่ทาง แรนส์ เลือกขายดาวรุ่งฟอร์มแรงอย่าง อุสมานน์ เด็มเบเล่ ออกไปให้กับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในปี 2016 เหมือนว่าจะเป็นตัวเลขที่น่าเหลือเชื่อแล้ว แต่เพียงแค่ 12 เดือนผ่านไปแค่นั้น มูลค่าของปีกรายนี้ พุ่งทะยานขึ้นไปแตะหลักร้อยล้านแบบไม่มีใครคาดคิด เมื่อทีมยักษ์ใหญ่จากแดนกระทิงดุแบบ บาร์เซโลน่า ต้องการตัวแทนของ เนย์มาร์ แบบเร่งด่วน แล้วใช้เงินแก้ปัญหาด้วยการยอมจ่ายให้กับ เสือเหลือง ด้วยเงินก้อนโตราว 126 ล้านปอนด์ เด็มเบเล่ ไปถึงถ้วยแชมป์สูงสุดอย่าง ฟุตบอลโลก ที่นักเตะทุกคนใฝ่ฝันแล้ว เรื่องของฝีเท้าและพรสวรรค์ในการเล่นฟุตบอลไม่มีใครกังขา น่ากังวลเพียงแค่สภาพร่างกายของเขาเท่านั้น ที่ไม่รู้จะเจ็บออดๆ แอดๆ อีกเมื่อไหร่

ต่อเนื่องกันที่ตำแหน่งปีกขวา คงไม่มีใครเหมาะสมจะยืนตรงตำแหน่งนี้มากกว่า ราฟินญ่า ดาวเตะชาวแซมบ้า ที่เพิ่งย้ายจาก ลีดส์ ยูไนเต็ด ไปอยู่กับ บาร์เซโลน่า แบบหมาดๆ ด้วยค่าตัวแพงระยับ ทั้งที่เพิ่งจะย้ายจาก แรนส์ ไปสร้างชื่อในแดนผู้ดีเมื่อปี 2020 ที่ผ่านมานี้เอง ซึ่งก่อนหน้านั้นเพียงปีเดียว ราฟินญ่า เป็นนักเตะโนเนมที่ย้ายมาจากลีกโปรตุเกส แรนส์ ปลุกปั้นจนได้รับความสนใจจาก ยูงทอง แล้วขายออกไปในราคา 16.74 ล้านปอนด์ กราฟชีวิตของดาวเตะวัย 25 ปี เหมือนมีแต่พุ่งขึ้นแบบไร้ขาลง ต้องมารอลุ้นกันว่า ซีซั่นนี้เขาจะได้รับเลือกให้เป็นตัวหลักของ เจ้าบุญทุ่ม หรือไม่? หลังจากเป็นคีย์แมนให้กับต้นสังกัดเก่ามาตลอด

ถัดมาที่ตำแหน่งกองกลางตัวรุก เพิ่งจะย้ายมาร่วมทีม แรนส์ หมาดๆ เมื่อฤดูกาลก่อนจากสโมสร ดินาโม ซาเกร็บ แต่เพียงแค่ซีซั่นเดียว ลอฟโร่ เมเยอร์ กองกลางทีมชาติโครเอเชียวัย 24 ปี ก็ได้รับความสนใจจากทีมยักษ์ใหญ่ทั่วยุโรป ที่ต้องการดึงตัวเขาไปร่วมทีม จากผลงานอันร้อนแรงที่ยิงไป 6 ประตู กับทำอีก 8 แอสซิสต์ให้กับต้นสังกัด จากการลงเล่นเกมลีกไปทั้งหมด 29 นัด การลงทุนของ แรนส์ ที่จ่ายไป 12 ล้านยูโร ดูเหมือนว่าจะคุ้มค่าตั้งแต่แรกเริ่ม หลังจากนี้เหลือเพียงแค่ลุ้นว่า เมเยอร์ จะยังคงรักษามาตรฐานการเล่นของตัวเองเอาไว้ได้ดีแค่ไหน สุดท้ายคงไม่พ้นขายทำกำไรในอีกไม่กี่ปีเหมือนเดิม

ปิดท้ายกันที่ตำแหน่งกองหน้า เป็นเด็กสร้างจากอะคาเดมี่ ที่ยังไม่มีโอกาสลงเล่นให้กับทีมชุดใหญ่แม้แต่เกมเดียว แต่ผลงานกับทีมระดับเยาวชนของ มาไทส์ เทล ก็ไปเตะตายักษ์ใหญ่แห่งศึก บุนเดสลีก้า เยอรมัน อย่าง บาเยิร์น มิวนิค เข้าอย่างจัง เพราะมีการเล่นที่ครบเครื่องเกินกว่าที่เด็กวัยแค่ 17 ปีจะทำแบบนี้ได้ ดาวรุ่งรายนี้เป็นนักเตะผิวสี ที่มีความได้เปรียบเรื่องพละกำลังของกล้ามเนื้อ มีความแข็งแกร่ง ความเร็ว ทักษะฟุตบอลที่เต็มไปด้วยลีลาอันน่าตื่นตาตื่นใจ กล้าเล่นเกินอายุ จังหวะการจบสกอร์ถือว่าไว้ใจได้ รวมๆ แล้วเหมือนเพชรที่ยังไม่ผ่านการเจียระไน แต่เกรดนั้นถูกประเมินไว้ว่าสูงค่าแน่นอน เสือใต้ เลยยอมจ่ายเพื่อซื้ออนาคตไปที่ราคา 16.74 ล้านปอนด์ ดูเหมือนเป็นตัวเลขที่ดูสูงกับการซื้อนักเตะเยาวชนสักราย อย่างไรก็ตามการันตีเลยว่า อีกไม่เกิน 3-4 ปี ค่าตัวของ เทล จะพุ่งทะยานมากกว่านี้อีกหลายเท่า