ความเดิมจากตอนที่แล้วที่ทางทีมงาน ได้ทำคอนเทนต์ย้อนรอยเกี่ยวกับ 10 นักเตะดาวรุ่งในปี 2015 ซึ่งได้รับเลือกให้ร่วมแคสเปญโปรโมทรองเท้าของทาง อาดิดาส รุ่น เมสซี่ฟิฟทีน โดยให้ซูเปอร์สตาร์อย่าง ลิโอเนล เมสซี่ ที่รับบทบาทเป็นพรีเซนเตอร์ เลือกเฟ้นดาวรุ่งที่คิดว่ามีการเล่นและฝีเท้าที่เข้าตาเขา มีโอกาสก้าวขึ้นไปมีชื่อเสียงโด่งดังในอนาคต มาเป็นผู้สวมใส่รองเท้ารุ่นเดียวกัน ผ่านไปแล้วในตอนเปิดหัวจำนวน 5 คนด้วยกัน แฟนๆ คงได้เห็นไปแล้วว่า ต่างคนต่างมีเส้นทางการค้าแข้งที่ต่างกันออกไป

แม้ว่าเหล่า วันเดอร์ คิดส์ ที่ได้รับการยกย่องว่ามีศักยภาพฝีเท้าสูงตั้งแต่อายุยังน้อย ดูเหมือนจะมีข้อได้เปรียบดาวรุ่งทั่วๆ ไปมากพอควร เพราะแทบไม่ต้องโปรโมทหรือพยายามก็เกิดมาพร้อมพรรสวรรค์ที่อยู่กับตัว แล้วทำให้สโมสรชื่อดังทั่วโลก ต่างจ่อคิวต้องการตัวพวกเขาไปปลุกปั้น อย่างไรก็ตามใช่ว่าทุกรายจะประสบความสำเร็จเสมอไป เนื่องจากฟุตบอลนั้นไม่ได้วัดกันที่เรื่องของฝีเท้าเพียงอย่างเดียว ความเป็นมืออาชีพ สภาพจิตใจที่แข็งแกร่ง กล้าเผชิญหน้ากับอุปสรรคที่ถาโถมเข้ามา ล้วนเป็นบททดสอบสำคัญที่เหล่าดาวรุ่งต้องผ่านมันไปให้ได้ ซึ่งนักเตะที่มีแค่พรแสวงอาจทำได้ดีกว่าด้วยซ้ำ

บทความนี้ จะเป็นการปิดท้ายคอนเทนต์เดิมแบบต่อเนื่องไม่ให้ขาดตอน ซึ่งจะเหลือนักเตะดาวรุ่งในปี 2015 ที่ได้รับการเลือกจาก เมสซี่ อีกจำนวน 5 รายด้วยกัน แน่นอนว่าผู้เล่นส่วนใหญ่จะเล่นอยู่ในแนวรุก อาจมีข้อจำกัดในการเลือกจากสปอนเซอร์ ที่ต้องการบังคับขายสินค้าอยู่กลายๆ กระจายความนิยมไปหลากหลายทวีปดังนั้นในอีพีนี้แฟนๆ จะได้เห็นผู้เล่นที่ไม่ค่อยคุ้นหูคุ้นชื่อติดเข้ามาอยู่บ้าง? อันเป็นเรื่องปกติของการโฆษณา แต่ถ้าพวกเขาเหล่านั้นฝีเท้าดีจริง ยังไงก็ต้องไปเตะตาแมวมองทีมใหญ่แน่ๆ เพราะทุกวันนี้เครือข่ายฟุตบอลนั้นกว้างไกลไปทั่วโลก มาดูไปพร้อมๆ กันเลยว่า จะมีใครอยู่ในลิสต์ที่เหลือกันบ้าง? อนาคตของพวกเขาเป็นอย่างไร?

เริ่มต้นกันที่รายแรก เป็นผู้เล่นในตำแหน่งกองหน้า หนึ่งในดาวรุ่งพรสวรรค์สูงของวงการฟุตบอลเยอรมันในปี 2015 นั่นก็คือ ติโม แวร์เนอร์ ที่ค้าแข้งอยู่กับ สตุ๊ทการ์ต เป็นอีกหนึ่งรายที่ เมสซี่ อ่านขาดว่าจะก้าวขึ้นไปเป็นสตาร์ได้สำเร็จ เพราะหลังจากที่ แวร์เนอร์ ย้ายมาอยู่กับ แอร์เบ ไลป์ซิก ก็กลายร่างเป็นยอดดาวยิง ลงเล่นให้กับ เดอะ เร้ดบูลล์ ไปทั้งหมด 158 เกม กดไป 93 ประตู กับอีก 40 แอสซิสต์ มีการเล่นที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นความเร็วและสัญชาติญาณในการจบสกอร์ อย่างไรก็ตามการย้ายมาเล่นในอังกฤษกับ เชลซี เป็นรอยด่างในเส้นทางการค้าแข้งของเขาสุดๆ เพราะฟอร์มตกแบบไม่ต้องสืบ แล้วเพิ่งจะย้ายกลับไปตายรังหมาดๆ ในตลาดรอบนี้

ถัดมาที่รายต่อมาเป็นดาวรุ่งจากอะคาเดมี่ของ เบนฟิก้า ที่ทาง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แอบไปฉกตัวมาตั้งแต่เป็นเยาวชน โปรไฟล์น่าสนใจเพราะเป็นลูกครึ่งโปรตุเกส-บราซิล เรื่องทักษะฟุตบอล และ เทคนิคการเล่นของ รอนนี่ โลเปซ แทบไม่มีใครสงสัยในศักยภาพ แต่กลับไม่สามารถแทรกขึ้นไปเล่นในทีมชุดใหญ่ได้เต็มตัว เรือใบสีฟ้า ขายต่อไปให้กับ โมนาโก ไปด้วยราคาแสนกำไรราว 12 ล้านยูโร ผลงานขึ้นๆ ลงๆ มีการเล่นที่วูบวาบตามวัย แต่ขาดเรื่องความเฉียบขาดในจังหวะสุดท้าย เลยชีพจรลงเท้าย้ายทีมไปเรื่อย ค่าตัวแพงสุดของ โลเปซ คือ การย้ายไปอยู่กับ เซบีญ่า ด้วยสนนราคา 25 ล้านยูโร แต่กลับโชว์ฟอร์มไม่เป็นชิ้นเป็นอัน โดนปล่อยยืมตัวไปแบบต้นสังกัดแทบไม่ได้ให้ความสนใจ

ต่อกันที่อดีตกองหน้าดาวรุ่งจากสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เปิดตัวกับทีมชุดใหญ่ได้อย่างร้อนแรง ยิงประตูได้ตั้งแต่เกมเปิดตัว มีเท้าซ้ายที่จบสกอร์ได้อย่างสุดเฉียบคม นั่นก็คือ เจมส์ วิลสัน ที่เหล่ากองเชียร์ ปีศาจแดง ตั้งความหวังเอาไว้อย่างสูงว่าจะก้าวขึ้นมาช่วยรุ่นพี่ สานต่อความสำเร็จในถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด ได้ในอนาคตอันใกล้ แต่แล้วด้วยสภาพร่างกายที่บอบบาง เจ็บออดๆ แอดๆ การพัฒนาฝีเท้าเลยขาดความต่อเนื่อง ต้นสังกัดพยายามปล่อยตัวออกไปเล่นแบบยืมตัวกับทีมลีกล่างๆ เพื่อเรียกความมั่นใจ สุดท้ายก็เข็นไม่ไหวต้องปล่อยฟรีออกไปจากทีมในปี 2019 ปัจจุบัน วิลสัน เพิ่งจะย้ายไปอยู่กับ ปอร์ทเวล ทีมในศึกลีกทู ในวัย 25 ปี ที่ไม่น่ามีโอกาสกลับมาบนเล่นบนลีกระดับสูงได้อีกแล้ว

เข้าสู่รายรองสุดท้ายกันที่ผู้เล่นสัญชาติอเมริกัน ซึ่งได้รับการจับตามองเป็นอย่างมากจากผลงานในศึก เมเจอร์ลีก ซอคเกอร์ ในสมัยที่เป็นดาวรุ่งอยู่กับ แอลเอ กาแล็กซี่ นั่นก็คือ กยาซี่ ซาร์เดส กองหน้าผิวสี ที่แจ้งเกิดจากการยิงประตูในบอลถ้วยปี 2014 ไปถึง 16 ประตูให้กับต้นสังกัด แล้วเป็นผู้เล่นอเมริกันคนแรกที่ยิงได้ในนัดชิงบอล เอ็มแอลเอส คัพ อย่างไรก็ตามด้วยการใช้ร่างกายที่หนักหน่วงเกินวัย แบกอายุแข่งขันกับผู้เล่นระดับซีเนียร์แทบทุกสัปดาห์ ซาร์เดส สะสมอาการบาดเจ็บมากขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นเจ็บเรื้อรัง ท้ายที่สุดแล้วก็ย้ายไปอยู่กับ โคลัมบัส ครูว์ ในปี 2018 ก่อนจะวนเวียนค้าแข้งอยู่แค่ในลีกบ้านเกิด ไม่ได้อยู่ในเรดาห์การเสริมทัพจากยุโรป โดยต้นสังกัดปัจจุบันของเขา คือ โคโลราโด้ ราปิดส์

ปิดท้ายกันที่ผู้เล่นในตำแหน่งตัวริมเส้นจากศึก เมเจอร์ลีก ซอคเกอร์ ที่ถูกจัดให้เป็นตัวท็อปของการดราฟท์เข้าทีมในปี 2015 นั่นก็คือ คีรี่ เชลตัน ที่เป็นปีกแนวใหม่ มีรูปร่างสูงใหญ่ แต่มีจังหวะการครอบครองบอลที่เหนียวแน่น ทักษะฟุตบอลในการเลี้ยงที่คล่องแคล่วต่างกับรูปร่าง หาจังหวะการสอดเข้าทำประตูได้ดี ซึ่งถูกทาง เจสัน ไครส์ เทรนเนอร์ของ สปอร์ติ้ง แคนซัส ซิตี้ เลือกเข้าทีมเป็นอันดับที่สองในการดราฟท์ แต่พอได้ลงเล่นในเกมลีกจริงไม่ใช่ระดับเยาวชน กลับไม่สามารถทำผลงานได้ปังแบบที่คาด เชลตัน เคยได้รับโอกาสให้ไปเล่นในยุโรปกับ พาเดอร์บอร์น ในปี 2019 แล้วก็ไม่ประสบความสำเร็จอีกเช่นเคย สุดท้ายกลับมาตายรังกับ แคนซัส เหมือนเดิม แล้วยังไม่เคยติดทีมชาติชุดใหญ่แม้แต่นัดเดียว