Home บทความฟุตบอล ย้อนรอย 6 นักเตะของ ลิเวอร์พูล ที่ย้ายมาร่วมทีมตลาดเดียวกับ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน

ย้อนรอย 6 นักเตะของ ลิเวอร์พูล ที่ย้ายมาร่วมทีมตลาดเดียวกับ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน

0
ย้อนรอย 6 นักเตะของ ลิเวอร์พูล ที่ย้ายมาร่วมทีมตลาดเดียวกับ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน

แฟนบอล หงส์แดง กว่าที่จะได้เชิดหน้าชูตาแบบทุกวันนี้ ต้องยอมรับว่า เดอะ ค็อปส์ ต้องผ่านวิกฤติกันมาแบบอดทน เจอช่วงเวลาที่ยากลำบาก เพื่อตามหาผู้จัดการทีมคนที่ใช่เข้ามาสู่ทีม ซึ่งพลาดเป้าไปหลายต่อหลายรายจนท้อใจ ก่อนที่จะมาได้ตัว เจอร์เก้นน์ คล็อปป์ นายใหญ่ชาวเยอรมันที่เข้ามาปฏิวัติระบบต่างๆ ภายในสโมสร จนประสบความสำเร็จแบบทุกวันนี้ มีขุมกำลังที่แข็งแกร่งเป็นขุนพลทั่วทุกแดน กวาดแชมป์มากมายไม่ว่าจะเป็นภายในประเทศหรือระดับทวีป

หนึ่งในคีย์แมนคนสำคัญของ ลิเวอร์พูล ที่แฟนบอลยังคงเสียงแตกว่าเก่งจริงหรือไม่? ทั้งที่อยู่กับทีมมานับสิบปี คงหนีไม่พ้นกัปตันทีมชะตารันทดอย่าง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ที่รับบทบาทแตกต่างกันไปในแต่ละยุค แต่ไม่เคยได้รับบทนำแบบเท่ห์เด่นๆ กับเขาเลย ส่วนใหญ่แล้วจะลงเอยที่ตัดปัดกวาด หรือ ลูกหาบของเพลย์เมคเกอร์ ที่ไม่มีช่วงเวลาที่น่าจดจำเป็นไฮไลท์เท่าไหร่ อย่างไรก็ตามปฏิเสธไม่ได้ว่า เฮนโด้ ทุ่มเทเกินร้อยเพื่อทีมมาโดยตลอด แล้วรางวัลตอบแทนที่เขาได้ก็คุ้มค่า เมื่อมองจากถ้วยแชมป์ประดับเกียรติประวัติที่รอคอยมานาน

บทความนี้ พร้อมย้อนรอยไปที่จุดเริ่มต้นของ เฮนเดอร์สัน ที่ย้ายมาร่วมทัพ หงส์แดง ในปี 2011 พร้อมกับผู้เล่นหน้าใหม่ 6 ราย ซึ่งในตอนนั้นเป้นยุคที่กำลังสร้างทีมใหม่ ภายใต้การทำทีมของ เคนนี่ ดัลกลิช อดีตตำนานในถิ่น แอนฟิลด์ ที่เข้ามากอบกู้สถานการณ์แบบชั่วคราว มาดูไปพร้อมๆ กันเลยว่า เพื่อนๆ ของ เฮนเดอร์สัน ที่ย้ายมาเป็นนักเตะป้ายแดงในฤดูกาลเดียวกันมีใครบ้าง? พวกเขาเหล่านั้นทำผลงานออกมาได้ดีขนาดไหน? บทสรุปสุดท้ายของแต่ละรายเป็นเช่นไร?

เริ่มต้นกันที่มิดฟิลด์เชิงสูงจาก แบล็คพูล ที่ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในแดนกลาง พาทีมต่อกรกับยักษ์ใหญ่ใน พรีเมียร์ลีก ได้แบบไม่มีเกรงกลัว จะเป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจาก ชาลี อดัม กองกลางเลือดสก็อต ที่มีเท้าซ้ายอันแสนฉมัง ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายบอลสั้น-ยาว การยิงไกลที่แสนแม่นยำ การคุมจังหวะเกมประหนึ่งดั่งเพลย์เมคเกอร์ชั้นเซียน สนนราคาราว 6.7 ล้านปอนด์ที่จ่ายไป ใครก็มองตรงกันว่าคุ้มแสนคุ้ม แต่ผลงานที่ออกมาเมื่อมาเล่นทีมใหญ่ขึ้นกับตรงกันข้าม ความกดดันทำให้เขาฟอร์มหลุดแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ตอกย้ำด้วยการพลาดจุดโทษในนัดชิง ลีกคัพ นั่นคือฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้เขาต้องย้ายไปอยู่กับ สโต๊ค ซิตี้ ในเวลาต่อมา

ต่อเนื่องกันที่รายที่สองเป็นผู้เล่นในตำแหน่งผู้รักษาประตู ชื่อของนายทวารอย่าง โดนี่ โดดเด่นเป็นสง่าและกลายเป็นที่จดจำของแฟนบอลในอังกฤษ ในเกมที่แสนน่าอับอาย วึ่งทางต้นสังกัดของเขาอย่าง โรม่า บุกมาพ่าย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปแบบขาดลอย 1-7 เรียกว่าโดนยิงพรุนจนเซ็ง ซีซั่น 2011/12 โดนี่ ไดด้ลงเฝ้าเสาไปให้กับ หงส์แดง เพียงแค่ 4 เกมเท่านั้น แถมยังโดนใบแดงไล่ออกไปอีกหนึ่งครั้ง ยิ่งไปกว่านั้นจุดจบของเขาช่างน่าเศร้า เพราะทีมตกลงให้เขายกเลิกสัญญาทันที หลังต้นปี 2012 ตรวจพบว่ามีปัญหาโรคหัวใจระหว่างตรวจเช็คร่างกาย หมดสติไปราว 25 นาที ผ่านความตายมาแบบน่าทึ่ง หลังจากนั้น โดนี่ ก็ไม่ได้กลับมาเล่นฟุตบอลอาชีพอีกเลย แล้วชื่อของเขาก็ถูกลบเลือนไปจากความทรงจำของแฟนบอลทีละน้อยตามเวลาที่ผ่านไป

ถัดมาที่ผู้เล่นในตำแหน่งตัวริมเส้น ที่ช่วงเวลานั้นตกเป็นเป้าหมายในการเสริมทัพของยักษ์ใหญ่หลายต่อหลายทีม จะเป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจาก สจ๊วต ดาวนิ่ง ปีกฟอร์มร้อน ที่ย้ายมาจาก แอสตัน วิลล่า ด้วยราคาแพงถึง 20 ล้านปอนด์ เอาชนะทีมยักษ์ใหญ่ปาดหน้ามาได้สำเร็จแบบเหลือเชื่อ ผลงานของ ดาวนิ่ง นั้นดูท่าจะไปได้สวยตั้งแต่เกมแรก เพราะมีช็อตลากเลื้อยราวกับ ลิโอเนล เมสซี่ แต่ยิงบอลไปชนคาน แต่แล้วหลังจากนั้นฟอร์มของเขาก็ดิ่งลงแบบน่าเหลือเชื่อ กลายเป้นปีกดาดๆ ที่มีแนวทางการเล่นที่แนวรับจับทางได้ง่าย ฟอร์มค่อยๆ ออกทะเลไปเรื่อยๆ ตลอดสองฤดูกาลเขายิงไปได้ทั้งหมด 7 ประตู ก่อนจะถูกเลหลังขายไปให้กับ เวสต์แฮม ด้วยค่าตัวแค่ 5 ล้านปอนด์

ต่อกันที่รายที่ 4 เป็นผู้เล่นในตำแหน่งแบ็คซ้ายสัญชาติสเปน ที่ย้ายมาเล่นกับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด แล้วทำผลงานได้เข้าตาเกินคาด เลยตกเป็นเป้าการเสริมทัพของ หงส์แดง นั่นก็คือ โฆเซ่ เอ็นริเก้ ที่ไปดึงตัวมาเสริมทัพตั้งแต่ตลาดรอบเดือนสิงหาคมปี 2011 แล้วพอย้ายมาก็ได้เล่นเกมแรกแบบทันทีทันใด ฟอร์มของดาวเตะรายนี้อาจไม่โดดเด่น แต่ภาพรวมสามารถเอาชนะใจแฟนบอลได้ดีกว่า พอล คอนเชสสกี้ มีการเล่นเกมรับที่ไว้ใจได้การเล่นเกมบุกที่มีมีจังหวะลุ้นเปิดให้ได้เสียวกันบ้าง น่าเสียดายที่สภาพร่างกายของเขา มีปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวนอยู่ตลอด ทำให้มาตรฐานการเล่นขาดความต่อเนื่อง ภาพจำสุดท้ายของเขา คือ การลงเล่นในฐานะกัปตันทีมในยุคของ คล็อปป์ ในเกม เอฟเอ คัพ

เข้าสู่รายที่ 5 กันที่ผู้เล่นในตำแหน่งกองหลังดีกรีทีมชาติอุรุกวัยอย่าง เซบาสเตียน โคอาเตส ที่ย้ายมาร่วมทีมตั้งแต่สมัยเป็นดาวรุ่งจาก นาซิอองนาล ก่อนตลาดรอบแรกปิด ด้วยสนนราคาราว 8 ล้านยูโร องค์ประกอบรวมๆ ของ โคอาเตส ดูมีทรงว่าจะเป็นเซนเตอร์แบ็คอนาคตไกล รูปร่างสูงใหญ่ เล่นลูกกลางอากาศได้ดี ความเร็วพอใช้ เหลือเพียงแค่เก็บประสบการณ์ให้เก๋าเกมมากขึ้นตามวัยแค่นั้น ภาพจำที่ดีที่สุดในการลงเล่นให้กับ ลิเวอร์พูล คือ การลงมายิงประตูได้ในเกมกับ ควีนสปาร์ค เรนเจอร์ส แต่แล้วอาการบาดเจ็บก็มาขัดขวางการเป็นดาวโรจน์ของเขา ปล่อยยืมตัวไปเรียกความมั่นใจ ฟอร์มก็ไม่ดีขึ้น สุดท้ายต้องขายแบบราคาโละไปให้กับ ซันเดอร์แลนด์ ในราคาไม่ถึงครึ่ง

ปิดท้ายกันที่ผู้เล่นในตำแหน่งกองหน้า ที่ได้ย้ายมาสวมเสื้อ หงส์แดง ถึงสองรอบทั้งในปี 2006 และ 2011 ซึ่งผลงานของ เคร็ก เบลลามี่ กองหน้าทีมชาติเวลส์รอบแรกนั้นน่าจดจำมากกว่า ด้วยการเป็นผู้ยิงประตูชัยที่สนาม คัมป์ นู ในปี 2007 ก่อนจะถูกขายแบบทำกำไรไปให้กับ เวสต์แฮม ในเวลาต่อมาหลังอยู่กับทีมได้ปีเดียว แล้วพเนจรไปเล่นกับอีกหลายสโมสร ช่วงท้ายของอาชีพในวัย 32 ปี เบลลามี่ ทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจระหว่างถูกยืมตัวไปเล่นให้กับ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ เลยเป็นที่มาให้ ดัลกลิช ตัดสินใจดึงตัวกลับมาช่วยทีมอีกครั้ง การเล่นของดาวยิงรายนี้ยังเต็มไปด้วยความทุ่มเท มีบทบาทสำคัญในการพาทีมแข่งขันบอลถ้วยรายการต่างๆ ยกตัวอย่างเช่น ประตูชัยในเกมลีกคัพกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ การแอสซิสต์เปิดทางให้กับ แอนดี้ แคร์โรล ยิงได้ในเกมเอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศกับ เอฟเวอร์ตัน แต่ฟอร์มของเขาก็ตกลงไป หลังจากได้ทราบข่าวการเสียชีวิตของเพื่อนร่วมชาติอย่าง แกรี่ สปีด สุดท้ายเมื่อจบภารกิจ เบลลามี่ ก็แยกทางหลังหมดสัญญาไปอยู่กับ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ แล้วแขวนสตั๊ดไปในปี 2014