Home บทความฟุตบอล 10 นักเตะวัยขึ้นเลขสาม ที่มีมูลค่าการย้ายทีมสูงสุด ตอนจบ

10 นักเตะวัยขึ้นเลขสาม ที่มีมูลค่าการย้ายทีมสูงสุด ตอนจบ

0
10 นักเตะวัยขึ้นเลขสาม ที่มีมูลค่าการย้ายทีมสูงสุด ตอนจบ

ต่อเนื่องจากตอนที่แล้ว ซึ่งทางทีมงาน ได้นำเสนอเกี่ยวกับหัวข้อ นักเตะอายุ 30 ปีขึ้นไป ที่มีมูลค่าการย้ายทีมสูงสุด ที่เกริ่นนำกันไปแล้วในอันดับที่ 10-6 ซึ่งแฟนๆ คงได้เห็นกันไปแล้วว่า อายุอาจไม่ใช่ปัญหาสำหรับหลายสโมสร ที่มองว่า เรื่องของฝีเท้าและประสบการณ์ก็สำคัญไม่แพ้กัน ต่อให้ใช้เงินลงทุนไปมากมาย แต่ถ้าแลกมาด้วยผลงานที่ต้องการตามเป้า ถึงแม้จะเป็นแค่ช่วงระยะเวลาสั้นๆ บอร์ดบริหารอาจมองว่าเป็นดีลที่คุ้มค่า เพราะสามารถแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้แบบตรงจุด

อย่างที่แฟนบอลต่างทราบกันดีว่า ผู้เล่นในตำแหน่งเอาท์ฟิลด์ทั้ง 10 คน ยกเว้นผู้รักษาประตู ที่มีอายุการใช้งานที่จำกัด ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการค้าแข้งจะเฉลี่ยอยู่ที่วัย 28-32 ปี ดังนั้นการซื้อนักเตะที่อายุขึ้นเลขสามไปแล้ว สโมสรต้องแบกรับความเสี่ยงที่มากกว่าดีลอื่นๆ เรื่องของระยะเวลาการใช้งานที่สั้นลง น้อยคนนักที่จะมีวินัยการรักษาสภาพร่างกายที่ดี จนสามารถเล่นในระดับสูงสุดได้ด้วยศักยภาพเต็มร้อย หากเลยจุดพีคมาแล้ว ดังนั้นเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ต่อให้เป็นแกนหลักกับทีมที่สำคัญมากแค่ไหน พอเข้าสู่ช่วงถ่ายเลือดใหม่ หลายทีมก็กล้าที่จะขายผู้เล่นวัยเลยเลขสามด้วยกันทั้งนั้น

บทความนี้ จะเป็นตอนปืดท้าย เกี่ยวกับหัวข้อเดิมแบบต่อเนื่อง ซึ่งจะมีความเข้มข้นเรื่องของค่าตัวมากขึ้นกว่าตอนแรก เพราะเข้าสู่ตำแหน่งท็อปไฟว์ มีหลายดีลที่เกิดขึ้นในอดีตเมื่อประมาณสอง-สามปีก่อน ปะปนกับดีลที่เพิ่งเกิดขึ้นในตลาดรอบนี้แบบสดๆ ร้อนๆ ตำแหน่งการเล่นก็แตกต่างกันออกไป แต่การันตีได้เลยว่า เกือบทุกคนล้วนเป็นผู้เล่นที่มีโโปรไฟล์ไม่ธรรมดา กวาดแชมป์และรางวัลส่วนตัวประดับเกียรติประวัติมาแล้วนับไม่ถ้วน มาลุ้นไปพร้อมๆ กันเลยว่า จะมีดาวเตะคนไหนติดโผเข้ามาบ้าง? แล้วเป็นการย้ายจากสโมสรไหนไปที่ใด? ด้วยค่าตัวเท่าไหร่?

เปิดหัวกันที่อันดับที่ 5 เป็นดีลการย้ายที่เกิดขึ้นแบบงงๆ แต่พอพิจารณาเฉพาะมุมของการทำธุรกิจแล้ว แฟนบอลก็เข้าใจได้อย่างสมบูรณ์ นั่นก็คือ การที่ บาร์เซโลน่า ยอมปล่อยตัว เปาลินโญ่ มิดฟิลด์ดีกรีทีมชาติบราซิล ให้ย้ายไปเล่นกับ กว่างโจว เอเวอร์แกรนด์ ในฤดูกาล 2018/19 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ ไชนีส ซูเปอร์ลีก ของประเทศจีน กำลังหาทางเจาะตลาดฟุตบอล ด้วยการใช้เงินดึงดดูดสตาร์ดังจากลีกชั้นนำทั่วโลกเข้ามา มูลค่าการย้ายทีมคั้งนั้นสูงถึง 42 ล้านยูโร แต่ตัวนักเตะกลับไม่ได้สร้างผลงานอะไรเป็นที่น่าจดจำมากนัก ทั้งที่เพิ่งจะอายุเพียงแค่ 30 ปีเท่านั้น แต่สภาพร่างกายของ เปาลินโญ่ กลับดูแย่กว่านักเตะวัยเดียวกันเอามากๆ ปัจจุบันนี้เขาเพิ่งจะเซ็นสัญญาไปอยู่กับ โครินเธียนส์ ในลีกบ้านเกิดแบบไม่มีค่าตัว

ต่อกันที่ดีลที่เกิดขึ้นได้ยากเอามากๆ ในวงการฟุตบอล แต่ในเมื่อตัวนักเตะมีความตั้งใจการย้ายทีมอย่างแรงกล้า ต้นสังกัดก็คงไม่อาจรั้งเอาไว้ได้ นั่นก็คือการย้ายทีมของ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ กองหน้าทีมชาติโปแลนด์วัย 34 ปี ที่ประสบควาสำเร็จเป็นแชมป์ทุกรายการกับ บาเยิร์น มิวนิค จนนักเตะรู้ตัวว่าหมดดความท้าทายกับทีมแล้ว จึงขอทำเรื่องย้ายทีมเพื่อไปอยู่กับ บาร์เซโลน่า ที่ต้องยอมจ่ายค่าตัวเป็นเงินถึง 45 ล้านยูโรเลยทีเดียว ด้วยคุณภาพฝีเท้าของ เลวานดี้ แฟนบอลคงไม่มีข้อสงสัยใดๆ อีกแล้ว เพราะเขาคือหนึ่งในกองหน้าตัวจบสกอร์ ที่ว่ากันว่าคมที่สุดดคนหนึ่งในเวลานี้ แต่การย้ายมาเล่นในสภาพแวดล้อมใหม่ๆ การปรับตัวเข้ากับแทคติกส์ของ เจ้าบุญทุ่ม คงต้องใช้เวลาปรับจูนกันไม่น้อย กว่าจะระเบิดฟอร์มได้ใกล้เคียงกับสมัยก่อน

ถัดมาที่อันดับที่ 3 เป็นดีลการย้ายทีมที่ออกจะลึกลับซับซ้อนอยู่ไม่น้อย ซึ่งเป็นดีลที่เกิดขึ้นในซีซั่น 2020/21 ระหว่าง ยูเวนตุส และ บาร์เซโลน่า ซึ่งทางฝั่ง เจ้าบุญทุ่ม ต้องการดดึงตัว มิราเล็ม ปานิช กองกลางทีมชาติบอสเนียแอนด์เฮอร์เซโกวีน่า เข้ามาคุมแดนกลางในถิ่น คัมป์ นู ทำให้ต้องยอมจ่ายเงินถึง 60 ล้านยูโรแลกกับลายเซ็นต์ของดาวเตะรายนี้ แต่เพียงไม่นานก็ถอนทุนคืนได้จากการขาย อาตูร์ เมโล่ สลับขั้วไปยังตูริน ปานิช ในวัย 30 ปี ถูกตั้งความหวังเอาไว้สูงมาก ว่าจะเข้ามาช่วยให้แดนกลางของทีมเล่นได้แน่นขึ้น แต่ผลที่ออกมากลับไม่เป็นแบบนั้นเลย มิดฟิลด์เชิงสูงใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการนั่งเป็นตัวสำรอง กลายเป็นส่วนเกินของทีม แทบไม่มีโอกาสลงสนามเพราะไม่เข้ากับแทคติกส์ แล้วอยู่ในรายชื่อของผู้เล่นที่พร้อมโดนโละออกจากทีมได้ทุกเมื่อ

เข้าสู่ตำแหน่งรองท็อปกันที่ดีลที่ช็อคตลาดรอบนี้สุดๆ ดีลหนึ่ง เพราะเป็นการที่ เรอัล มาดริด ยอมปล่อยแกนหลักในแดนกลางของทีมชุดแชมป์ยุโรป ให้ย้ายมาอยู๋กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งดีลนั้นก็คือ คาเซมิโร่ ยอดกองกลางตัวรับทีมชาติบราซิลวัย 30 ปี ที่สนนราคาค่าตัวแพงถึง 70.6 ล้านยูโร แน่นอนว่า ราชันชุดขาว มองว่า การขายนักเตะรายนี้ออกไปก่อนที่จะหมดสภาพ แล้วได้ราคางามขนาดนี้ นับเป็นดีลที่คุ้มค่าแล้วในการดำเนินธุรกิจ แต่ไม่มีใครการันตีได้เลยว่า สมดุลย์แดนกลางของพวกเขา จะยังคงเล่นได้ในระดับเดิมหรือไม่? แต่ในเมื่อตัวนักเตะยืนยันว่า ต้องการย้ายไปหาความท้าทายใหม่ๆ หากรั้งเอาไว้อาจไม่เป็นผลดีกับทีมในระยะยาว ซึ่งแฟนบอลของ ยูไนเต็ด ก็ได้แต่หวังว่า ทีมรักของพวกเขาจะใช้เงินได้อย่างคุ้มค่าสักที หลังเสียค่าโง่ไปหลายร้อยล้านในช่วงหลัง

ปิดท้ายกันที่ดีลสุดช็อค ที่เป็นการย้ายตัวของหนึ่งนักเตะที่เก่งที่สุดในโลกอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เจ้าของตำแหน่งดาวซัลโวตลอดกาลของสโมสร เรอัล มาดริด ที่คุยกับ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ประธานสโมสรจอมเขี้ยว แล้วเกิดผิดใจกันเรื่องค่าเหนื่อย เลยกลายเป็นช่องว่างให้ ยูเวนตุส ทีมดังจากแดนมักกะโรนีสบช่องในการเจรจา ยอมยื่นข้อเสนอราว 117 ล้านยูโรให้กับ ราชันชุดขาว ในปี 2018 แลกกับการดึงตัว ซีอาร์เซเว่น ในวัย 33 ปี ไปล่าตาข่ายที่เมืองตูริน ซึ่งแน่นอนว่าเป็นตัวเลขที่เหลือเชื่อกับผู้เล่นอายุระดับนี้ อย่างไรก็ตามการคว้าตัว โรนัลโด้ ไม่ได้สร้างประโยชน์เฉพาะเรื่องของผลงาน แต่เป็นการเพิ่มฐานแฟนบอลให้กับ ม้าลาย ที่ดึงเอาแฟนบอยของ โรนัลโด้ มาติดตามทีมเพิ่มได้ ฟอร์มส่วนตัวของนักเตะยังคงมีมาตรฐานที่เชื่อใจได้เสมอ การันตีด้วยรางวัล เอล ปิชิชี่ ยิงมากที่สุดในลีก ภาพรวมทั้งหมดที่ผ่านมาถือว่าเป็นการลงทุนที่สมน้ำสมเนื้อแล้ว