แม้ฟุตบอลจะพักแข่งกันเกือบหมดแล้ว แต่ข่าวลือการซื้อขายยังคงมีอยู่เรื่อย ซึ่งหนึ่งคนที่คงถูกฉายสปอร์ตไลท์ไปมากที่สุดคนนึงก็คือ ติโม แวร์เนอร์ กองหน้าจาก แอร์เบ ไลป์ซิก ที่มีข่าวหลุดออกมาแล้วว่าตกลงปลงใจ ว่าจะย้ายมาอยู่กับ ลิเวอร์พูล ในฤดูกาลหน้า เราจะมาหาเหตุผลกันว่าทำไม ติโม แวร์เนอร์ คือคู่แท้แต่ชาติปางก่อนของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล
1. เล่นได้ทุกตำแหน่งในแนวรุก
ถึงแม้ทางลิเวอร์พูลจะมีผู้เล่นตัวจริงที่แกร่งที่สุดทีมนึงในปัจจุบัน แต่ต้องยอมรับว่า หากมองไปที่ม้านั่งสำรอง ชั้นของผู้เล่นยังบาง ถ้าเทียบกับคู่แข่งลุ้นแชมป์ ซึ่งหากทางหงส์แดง คว้าตัวแวร์เนอร์มาได้ จะสามารถลงสลับกับ 3 กองหน้าขาประจำที่หาคนสอดแทรกในปัจจุบันได้ยากเหลือเกิน
2. แอฟริกัน คัพ ออฟ เนชั่น 2021
นับว่าเป็นข่าวร้ายของทางลิเวอร์พูลอย่างแท้จริง ที่การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์ทวีปแอฟริกา กลับมาแข่งในช่วงต้นปีอีกครั้ง และทางหงส์แดงจะต้องเสีย 2 แนวรุกคนสำคัญอย่าง ซาดิโอ มาเน่ กับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ไปร่วมเดือน ดังนั้นหากแวร์เนอร์ คงจะหายห่วงได้เลยว่าจะไม่ได้ลงเล่นอย่างเพียงพอ หากย้ายมาอยู่กับทางลิเวอร์พูล
3. อายุ
แนวทางการบริหารทีมของลิเวอร์พูลยุค FSG ชัดเจนมาก การที่จะซื้อผู้เล่นจะเน้นไปที่นักเตะที่อายุยังน้อย เพื่อโอกาสในการเพิ่มมูลค่าในอนาคต จะมีข้อแม้สำหรับผู้เล่นที่อายุเกินข้อห้าม จะต้องเป็นผู้เล่นในตำแหน่งเซนเตอร์แบ็คและผู้รักษาประตูเท่านั้น และด้วยแวร์เนอร์ที่มีอายุเพียง 24 ปี ทำให้น่าจะเข้าแก็บสำหรับหงส์แดงเวลานี้จริงๆ
4. ราคา
เรื่องเงินก็เป็นสิ่งสำคัญ แม้ลิเวอร์พูลจะมีงบให้เจอร์เก้น คล็อปป์อยู่มากพอสมควร ถ้าเทียบกับผู้เล่นที่เป็นข่าวกับลิเวอร์พูลอย่าง ไค ฮาเวิร์ตซ์ กับ จาดอน ซานโช่ ที่ข่าวว่าค่าตัวจะทะลุหลัก 100 ล้าน แต่ทางแวร์เนอร์มีข่าวหลุดมาว่า มีค่าฉีกสัญญาอยู่เพียงราวๆ 30-40 ล้านยูโรเท่านั้น ซึ่งถูกมากหากเทียบกับฝีเท้า ทำให้ความเป็นไปได้ที่หวยจะมาออกที่กองหน้าทีมชาติเยอรมัน ต้องบอกว่าดูมีความเป็นไปได้มากกว่าเยอะ เพราะหากจะจ่ายเม็ดเงินมหาศาลขนาดนั้น ต้องเป็นผู้เล่นที่เข้ามาแล้วยึดตัวจริงแล้วยกระดับทีมได้ทันที อย่างเช่นในรายของ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค กับ อลิสซอน เบ็คเกอร์ ที่ทำให้ลิเวอร์พูลกลายเป็นหนึ่งในทีมที่มีเกมรับดีที่สุดในโลกทีมนึงไปแล้ว
5. ประสบการณ์
แม้ปัจจุบันแวร์เนอร์จะมีอายุเพียง 24 ปี แต่ผ่านการเล่นในทีมชุดใหญ่มาแล้วเกิน 250 นัด จาก 7 ฤดูกาล แถมตำแหน่งในทีมชาติเยอรมัน กลายเป็นผู้เล่นตัวหลักไปแล้ว ด้วยจำนวน 29 นัด 11 ประตู จากระยะเวลาเพียง 3 ปี ไม่ต้องมานั่งลุ้นว่าฟอร์มการเล่นนั้น เหมือนกับการซื้อผู้เล่นดาวรุ่งที่พิสูจน์ตัวเองมาไม่กี่ฤดูกาล
6. ความกระหายแชมป์
แม้ว่าจะกลายเป็นตัวหลักของทีมชุดใหญ่ตั้งแต่อายุเพียง 17-18 ปี แต่ 7 ฤดูกาลที่ผ่านมา เจ้าตัวไม่เคยคว้าแชมป์ใดๆเลยในระดับสโมสร ทำให้แวร์เนอร์น่าจะมุ่งมั่นกับการไล่ล่าความสำเร็จแบบสุดกำลัง ไม่เป็นเหมือนกับการซื้อผู้เล่นที่ประสบความสำเร็จมาหมดแล้ว ซึ่งพอย้ายทีมก็ทำตัวเหมือนมาพักร้อน ให้ทีมต้องมาเสียดายเงินทีหลัง
7. เยอรมัน
ต้องยอมรับว่า เจอร์เก้น คล็อปป์ คือผู้จัดการทีมชาติเยอรมันในอนาคต อยู่แค่ว่าจะช้าหรือเร็ว ดังนั้นการย้ายมาอยู่ลิเวอร์พูลในเวลานี้ เท่ากับจะมีความคุ้นเคยกับทั้งตัวเจอร์เก้น คล็อปป์เอง และแท็คติกในทีมของคล็อปป์ ทำให้ในอนาคต ตำแหน่งในทีมชาติเยอรมันของแวร์เนอร์ จะดูมีความมั่นคงมากกว่าคนอื่นๆ และน่าจะโชว์ฟอร์มได้ดีมากกว่าเพื่อนๆอีกด้วย
8. การเล่นเพลสซิ่ง
ทางตัวของคล็อปป์เอง ชื่นชอบนักเตะที่เล่นเพลสซิ่งเป็นอยู่แล้ว ดังนั้นที่ผ่านมา เลยชอบใช้นักเตะที่ผ่านมือผู้จัดการทีมที่มีสไตล์การทำทีมแบบเพลสซิ่ง ตัวอย่างเช่นนักเตะในทีมเซาแธมป์ตันที่ผ่านมือ เมาริซิโอ ปอเช็ตติโน่ อย่าง อดัม ลัลลาน่า ที่คล็อปป์เองเคยบอกว่า เข้าใจแท็คติกของเค้าได้เร็วที่สุด สมัยที่ย้ายมาคุมลิเวอร์พูลใหม่ๆ ซึ่งแวร์เนอร์เอง ก็เป็นนักเตะอีกคนนึงที่คุ้นเคยกับการเล่นเพลสซิ่งอยู่แล้ว และก็ทำได้ดีมากพอสมควร ทำให้ไม่น่าจะมีปัญหากับการปรับตัวกับแผนการเล่นของทีมลิเวอร์พูลชุดนี้ และน่าจะถูกอกถูกใจกุนซือยิ่งนัก
9. เป้าหมายระยะยาวของลิเวอร์พูล
แม้ปัจจุบัน ทางลิเวอร์พูลจะยกระดับฟอร์มการเล่นขึ้นมาได้จนกลายเป็นหนึ่งในแคนดิเดทลุ้นแชมป์ไปแล้ว แต่เป้าหมายของทีมไม่ใช่เพียงแค่ฟอร์มการเล่นเท่านั้น แต่เป็นการพยายามยกระดับทีมให้เทียบเคียงกับทีมอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้, ยูเวนตุส, บาเยิร์น มิวนิค, เรอัล มาดริด และ บาร์เซโลน่า ในระยะยาว ดังนั้นการเป็นส่วนหนึ่งในโปรเจ็คใหญ่ ย่อมมีความหมายและท้าทายสำหรับอาชีพนักฟุตบอลอยู่เหมือนกัน ถ้าพูดเรื่องของคุณภาพในตัวแวร์เนอร์เอง นาทีนี้คงไม่มีใครสงสัยอีกแล้ว ซึ่งคงไม่ใช่เรื่องน่าแแปลกใจ หาก ติโม แวร์เนอร์ จะเป็นอีกคนที่หลงคารม เจอร์เก้น คล็อปป์ มาร่วมหัวจมท้ายกันที่ แอนฟิลด์ ในอนาคต เหมือนกับรายอื่นๆที่ผ่านมา
10. ความเป็นลิเวอร์พูล
ต้องยอมรับว่าเสน่ห์ของลิเวอร์พูลไม่เคยจางหายไปไหน แม้ในช่วงเวลาที่ย่ำแย่และพบกับอุปสรรคต่างๆมากมาย แต่ทีมก็ยังสามารถฟันฟ่าปัญหา รวมถึงดึงดูดผู้เล่นและผู้จัดการทีมชื่อดังได้อยู่ตลอด อีกทั้งมนต์ขลังในสนามแข่ง และแฟนบอลที่แสนวิเศษคอยหนุนหลังพวกเค้าเสมอมา ไม่ว่าจะดีหรือร้าย สถานการณ์ของทีมในเวลานั้นจะเป็นอย่างไร ก็จะยังได้ยินกำลังใจมาแบบไม่ขาดสายจากทุกทั่วมุมโลก ทำให้ลิเวอร์พูล กลายเป็นทีมที่มีเสน่ห์ที่พิเศษ มีความหมายมากกว่าทีมฟุตบอลทีมนึง และไม่ว่าสถานะของทีมจะเป็นแบบไหน สโมสรลิเวอร์พูล ก็ยังเป็นสิ่งที่พิเศษสำหรับโลกฟุตบอลเสมอ…