Home บทความฟุตบอล ดาวยิงเลือดนักสู้ ตีมู ปุ๊กกี้

ดาวยิงเลือดนักสู้ ตีมู ปุ๊กกี้

0
ดาวยิงเลือดนักสู้ ตีมู ปุ๊กกี้

ตีมู ปุ๊กกี้ กองหน้าทีมชาติฟินแลนด์ของ “นกขมิ้นเหลืองอ่อน” นอริช ซิตี้ ทีมแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ อธิบายว่า การเปลี่ยนความคิดในช่วงเวลาที่ค้าแข้งอยู่ในเดนมาร์กกับ บรอนด์บี้ ทีมดังแห่งลีกโคนม ช่วยให้เขาได้ย้ายมาเล่นฟุตบอลที่ดีที่สุดในอาชีพของตัวเองที่ถิ่นแคร์โรว โร้ด อย่างที่เป็นทุกวันนี้

ชีวิตที่บ้านของ ปุ๊กกี้ นั้น เป็นสิ่งที่แตกต่างจากในสนามอย่างสิ้นเชิง เขามีคุณแม่คอยดูแลอย่างใกล้ชิด และติดตามไปด้วยทุกที่ไม่ว่าจะเป็นที่ เซบีญ่า ในสเปน, ชาลเก้ 04 ในเยอรมัน, กลาวส์โกว เซลติก ในสก็อตแลนด์ และล่าสุดกับ นอริช ในอังกฤษ

หัวหอกทีมชาติฟินแลนด์ เริ่มเล่าด้วยรอยยิ้มว่า “ผมคุ้นเคยกับการทำสิ่งต่าง ๆด้วยตัวเองมากขึ้นแล้วในตอนนี้ และผมมีภรรยาแล้ว ผมแก่กว่าเธอนิดหน่อย”

ตอนนี้ ปุ๊กกี้ ก็เป็นคุณพ่อแล้วเช่นกัน โดยปกติแล้วชีวิตเขาจะวนเวียนอยู่กับสนามฝึกซ้อม และแข่งขันฟุตบอล ซึ่งก่อนที่จะกลับมาฝึกซ้อมกับ นอริช หลังได้รับอนุญาตจากรัฐบาลอังกฤษในการผ่อนปรนกิจกรรมต่างๆในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นั้น ดาวเตะวัย 30 ปี ต้องกักตัวอยู่ในบ้าน และเตะบอลกับสุนัขที่เขาเลี้ยงไว้

ปุ๊กกี้ เล่าว่า “นั่นเป็นเพียงการสัมผัสบอลที่ผมทำได้ในช่วงกักตัว ผมเล่นฟุตบอลกับสุนัขของผมในสวนหลังบ้าน ผมต้องการที่จะสัมผัสบอลบ้างในช่วงพักเบรค”

อย่างไรก็ตาม แฟนบอล นอริช ก็ไม่ต้องกังวลกับการร้างสนามชั่วคราวของ ปุ๊กกี้ ซึ่งเป็นกองหน้าคนสำคัญของพวกเขา เนื่องจาก ดาวยิงชาวฟินแลนด์ กำลังอยู่ในช่วงพีคของอาชีพ และยกระดับการเล่นของตัวเองเป็นอย่างมากในสนาม

photo : yle.fi

อดีตดาวรุ่งฝีเท้าดี

ปุ๊กกี้ เป็นนักเตะมากพรสวรรค์ตั้งแต่อายุยังน้อย เขาเปิดตัวกับทีมชาติฟินแลนด์ชุดใหญ่ด้วยวัยเพียง  18 ปี เท่านั้น ด้วยการถูกเปลี่ยนลงเป็นตัวสำรองแทนที่ของ ยารี่ ลิตมาเน่น ตำนานเพลย์เมคเกอร์รุ่นพี่ ซึ่งเป็นไอดอลของตัวเอง

ปุ๊กกี้ เริ่มค้าแข้งกับ เคทีพี ค็อตก้า ในบ้านเกิด เมื่อปี 2006 ก่อนจะย้ายไปเล่นกับ เซบีญ่า ในปี 2008 แต่ไม่ประสบความสำเร็จนัก จากนั้น เขาจึงเลือกย้ายกลับมาเล่นในฟินแลนด์อีกครั้งกับ เอชเจเค เฮลซิงกิ เป็นเวลา 1 ปี และเซ็นสัญญากับ ชาลเก้ เมื่อปี 2011

ตลอดระยเวลา 2 ปี กับ ชาลเก้ นั้น ปุ๊กกี้ ก็แทบไม่มีโอกาสลงสนามมากนัก นั่นทำให้เขาต้องชีพจรลงเท้าอีกครั้งด้วยการย้ายไปยัง เซลติก แต่เจ้าตัวก็แทบสอดแทรกในทีมตัวจริงของ “ม้าลายเขียวขาว” ไม่ได้เลย จึงต้องย้ายไปยัง บรอนด์บี้ ในเดนมาร์ก ด้วยสัญญายืมตัวปี 2014 ก่อนจะเซ็นสัญญาเป็นการถาวรในปีต่อมา และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาเปลี่ยนแนวคิดเกี่ยวกับฟุตบอล

อดีตเด็กปั้น เคทีพี ค็อตก้า กล่าวต่อว่า “เราได้โค้ชคนใหม่หลังจากผมไปเล่นที่ บรอนด์บี้ เป็นเวลา 2 ซีซั่น เขาเป็นชาวเยอรมัน เขาทำให้ทีมเราแข็งแกร่ง และเฉียบขาด รวมถึงเปลี่ยนความคิดของเราเกี่ยวกับฟุตบอล นั่นช่วยผมได้มากจริงๆ”

photo : yle.fi

เปลี่ยนทัศนคติ

อเล็กซานเดอร์ ซอร์นิเกอร์ คือ กุนซือชาวเยอรมันที่ ปุ๊กกี้ กล่าวถึง โดยโค้ชวัย 52 ปี เป็นคนเปลี่ยนแนวคิดให้ กองหน้าฟินแลนด์ มีความรับผิดชอบหน้าที่ตัวเองมากขึ้นในสนามไม่ว่าจะเป็นเกรุก-เกมรับ พร้อมกับให้โอกาสลงเล่นอย่างสม่ำเสมอตามที่ต้องการ

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เปลี่ยนความคิดของ ปุ๊กกี้ ไม่ใช่มีแต่เรื่องในสนามเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพราะหลังจากที่เขาได้แต่งานกับภรรยา และมีลูกตัวน้อยด้วยกัน ทัศนคิตของ ศูนย์หน้า “นกขมิ้นเหลืองอ่อน” ก็เปลี่ยนไป

ปุ๊กกี้ อธิบ่ายว่า “ผมได้พบกับภรรยาของผมในช่วงเวลาที่ผมอยู่ที่ บรอนด์บี้ และเราก็มีลูกด้วย สิ่งเหล่านั้นช่วยให้ผมเติบโตขึ้นในฐานะคนๆหนึ่ง และในฐานะนักฟุตบอล เพราะมันกลายเป็นเรื่องง่ายสำหรับผมที่จะมุ่งมั่นกับฟุตบอลเมื่อฟุตบอลไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุดอีกต่อไป”

“เมื่อคุณมีลูกตัวน้อย คุณก็เห็นได้ชัดว่า ลูกเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ ซึ่งนั่นช่วยลดความกดดันจากฟุตบอลได้มาก ผมคิดว่าสำหรับคนอื่น ๆ พวกเขาอาจต้องมีฟุตบอลเป็นแรงจูงใจอันดับแรก แต่สำหรับผมมันเป็นวิธีคิดที่แตกต่างออกไป ผมคิดว่ามันเหมาะกับผมอย่างมากเมื่อฟุตบอลไม่ได้เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของผม ซึ่งนั่นคือสิ่งที่ทำให้ผมเป็นผู้เล่นที่ดีขึ้น”

“ดังนั้น มันจึงเป็นการเปลี่ยนแปลงทางจิตใจเป็นส่วนใหญ่ ผมมี 4 ปีที่ดีกับ บรอนด์บี้ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง 2 ปี สุดท้ายนั้นยอดเยี่ยมมาก และจากนั้นผมก็เตรียมพร้อมจะเล่นในระดับที่สูงขึ้น มันช่วยให้ผมมีความมั่นใจมากขึ้นหลังจากช่วงเวลาที่ยากลำบาก และผมก็พร้อมที่จะมาเล่นอังกฤษ และแสดงให้เห็นว่าผมเป็นอย่างไรกับการเล่นในระดับที่สูงขึ้น”

Photo : skysports.com

ย้ายมาเล่นในอังกฤษ

ปุ๊กกี้ ซัดไปถึง 29 ประตูให้กับ นอริช ในปีแรกที่ย้ายมาร่วมทีม พร้อมกับพาทีมเลื่อนชั้นจากศึกเดอะ แชมเปี้ยนชิพ ขึ้นมาเล่นในพรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ อย่างไรก็ตาม หลายคนก็ยังสงสัยว่า อดีตศูนย์หน้า เซลติก จะปรับตัวกับการเล่นในลีกสูงสุดเมืองผู้ดีได้หรือไม่

“มันยากที่จะรู้ว่า มันจะไปอย่างไรเมื่อคุณดูฟุตบอลพรีเมียร์ลีกแต่ในทีวีเท่านั้น แต่เมื่อคุณสัมผัสกับมันคุณจะรู้สึกเลยว่า มันเป็นการแข่งขันที่ยากลำบากจริงๆ มีคนที่บอกผมว่า มันจะยากขึ้น และมันก็ยากขึ้นอย่างที่พวเขาพูดจริงๆ” ปุ๊กกี้ เปิดใจ

อย่างไรก็ตาม ปุ๊กกี้ พิสูจน์ตัวเองได้อย่างรวดเร็ว เขายิงประตูแรกในพรีเมียร์ลีกให้กับ นอริช ได้ในเกมนัดเปิดฤดูกาลกับ ลิเวอร์พูล ที่สนามแอนฟิลด์ จากนั้น เขาซัดไปอีก 1 ประตู ใส่ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ของเกมนัดแรกในถิ่นแคร์โรว โร้ด

หัวหอกชาวฟินแลนด์ ยังคงสร้างความประทับใจได้อย่างต่อเนื่องด้วยการซัดประตูใส่ทีมยักษ์ใหญ่อย่าง เชลซี พร้อมกับทะลวงตาข่าย แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมแชมป์เก่า และพา “นกขมิ้นเหลืองอ่อน” เปิดบ้านเอาชนะ “เรือใบสีฟ้า” 3-2 ในเกมลีกเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว    

“มันบ้ามาก ผมไม่เชื่อว่า ผลงานของตัวเองมันจะไปได้ด้วยดี มันเพิ่มความมั่นใจให้กับผมว่า ผมทำได้ในการเล่นฟุตบอลระดับนี้ และนั่นช่วยผมได้มาก ซึ่งมันเป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับผม แต่ผมก็มีช่วงเวลาที่ยากลำบากเช่นกันในฤดูกาลนี้ และนั่นคือ สิ่งที่ผมต้องปรับปรุง ผมต้องทำให้ระดับการเล่นของผมดีขึ้น”

“เมื่อปีที่แล้วในการแข่งขันศึกเดอะ แชมเปี้ยนชิพ ผมจะรู้ว่า ตัวเองจะมีโอกาสลุ้นประตูอยู่เสมอ ดังนั้น มันจึงง่าย แต่ในพรีเมียร์ลีกมันมีโอกาสเพียง 1-2 ครั้งต่อเกม ดังนั้น คุณต้องทำให้ได้ นั่นคือสิ่งที่ผมต้องการ ผมต้องปรับปรุงตัวเองให้ดียิ่งขึ้น” ดาวยิง นอริช กล่าว

ขณะเดียวกัน ปุ๊กกี้ แสดงความคิดเห็นว่า เวอร์จิล ฟาน ไดจค์ กองหลังทีมชาติฮอลแลนด์ของ ลิเวอร์พูล เป็นแนวรับที่แข็งแกร่งที่สุดในพรีเมียร์ลีกที่ตัวเองเคยเผชิญหน้าในสนาม ซึ่งทั้งคู่เคยเป็นอดีตเพื่อนร่วมทีมกับที่ เซลติก

ปุ๊กกี้ กล่าวว่า “ผมรู้จักเขาที่ เซลติก และเขาเริ่มดีขึ้นทุกๆวัน แต่พรีเมียร์ลีกมันเต็มไปด้วยคุณภาพ มันเป็นระดับที่แตกต่างออกไป เราได้เห็นทีมต่างๆแปรเปลี่ยนโอกาสเล็กน้อยให้เป็นประตูในฤดูกาลนี้ แม้มันจะมีจังหวะเพียงนิดเดียวก็ตาม สำหรับ ลิเวอร์พูล พวกเขาทำประตูได้มากกว่าที่เคยทำในปีที่แล้ว มันไม่น่าแปลกใจเลย เพราะพวกเขามีผู้เล่นที่ดีที่สุดในโลกอยู่ในทีม”

นอกจากนี้ ปุ๊กกี้ ยังแสดงความคิดเห็นถึงสถานการณ์ของ นอริช ซึ่งอยู่ห่างโซนปลอดภัย 6 คะแนน และเหลือการแข่งขันในฤดูกาลนี้อีกเพียง 9 เกมว่า “แผนของคือ เราจะใส่เต็มที่ 100 เปอร์เซ็นต์ เมื่อกลับมาแข่งขันอีกครั้ง นั่นคือสิ่งที่เรามุ่งเน้น และนั่นคือทั้งหมดที่เราทำได้”

“ผมคิดว่า ราสามารถทำได้ เราต้องเริ่มเก็บคะแนนจากเกมแรกเพื่อลดช่องว่าง และในที่สุดก็จะไต่อันดับขึ้นมาได้ ผมคิดว่า การหยุดพักอาจจะดีสำหรับผม ผมเล่นมาหลายเกมโดยที่ไม่ได้พัก ดังนั้น ผมจึงต้องการหยุดพักบ้าง ผมรู้สึกดีใจมากที่ได้กลับมาฝึกซ้อมกับลูกบอลในตอนนี้”

Photo : skysports.com

ประสบความสำเร็จกับฟินแลนด์

สำหรับ ปุ๊กกี้ นี่น่าจะเป็นฤดูร้อนที่เขาต้องจดจำไว้ เนื่องจาก ฟินแลนด์ ได้สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้ายศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปได้สำเร็จเป็นครั้งแรกของประเทศ และมันจะเป็นการเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่

หัวหอก นอริช กล่าว่า “คนฟินแลนด์ต้องการตั๋วไปดูฟุตบอลยูโรมาก ดังนั้น จะมีคนฟินแลนด์จำนวนมากเดินทางไปที่นั่นเพื่อสัมผัสบรรยากาศของฟุตบอลยูโร เพราะในที่สุดเราก็ได้ไปเล่นที่นั่นแล้ว และหลายคนต้องเปลี่ยนแผนการของครอบครัว ซึ่งรวมผมด้วย”

“ มันเป็นความฝันอันยิ่งใหญ่สำหรับชาวฟินแลนด์ทุกคนที่จะได้มีส่วนร่วมกับฟุตบอลยูโร ตอนนี้เราทำได้แล้ว แต่การแข่งขันต้องถูกเลื่อนออกไป แน่นอนว่า มันสำคัญมากที่เราจะกลับมาด้วยการมีสมาธิ และแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม รวมทั้งพัฒนาการเล่นของเรา”

“มันเป็นเวลาที่เหมาะสำหรับผมที่จะได้เล่นศึกยูโร ผมเชื่อว่าผมจะยังคงทำได้ดีขึ้นในปีนี้ ผมต้องโชว์ฟอร์มให้สม่ำเสมอมากขึ้น และใช้โอกาสของผมให้ดีขึ้นกว่าเดิม ผมต้องการใช้เวลานี้สำหรับเตรียมความพร้อมของตัวเอง ก่อนที่ฟุตบอลยูโรกลับมาแข่งขัน” ปุ๊กกี้ กล่าวทิ้งท้ายด้วยความมุ่งมั่น

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวนี้