Home บทความฟุตบอล ขุนพล เลสเตอร์ ชุดแชมป์พรีเมียร์ลีก ปัจจุบันพวกเขาอยู่ไหนกันบ้าง ?

ขุนพล เลสเตอร์ ชุดแชมป์พรีเมียร์ลีก ปัจจุบันพวกเขาอยู่ไหนกันบ้าง ?

0
ขุนพล เลสเตอร์ ชุดแชมป์พรีเมียร์ลีก ปัจจุบันพวกเขาอยู่ไหนกันบ้าง ?

การคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2015-16 ของ เลสเตอร์ ซิตี้ ถือเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อที่สุดในประวัติศาสตร์ของวงการลูกหนังเมืองผู้ดีเลยก็ว่าได้ โดยลูกทีมของ เคลาดิโอ รานิเอรี่ โค้ชชาวอิตาเลี่ยน เริ่มต้นซีซั่นด้วยอัตราต่อรอง 5,000/1 สำหรับการคว้าแชมป์ในปีดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม เลสเตอร์ หักปากกาเซียนด้วยการคว้าแชมป์ได้อย่างน่าอัศจรรย์ พร้อมกับทำแต้มทิ้งห่างทีมอันดับ 2 อย่าง อาร์เซน่อล มากถึง 10 คะแนน และทำแต้มเหนือทีมระดับมหาเศรษฐีอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่จบอันดับ 4 ในปีนั้น มากถึง 15 คะแนนเลยทีเดียว

ขณะเดียวกัน รานิเอรี่ ทำให้บรรดาแฟนบอลได้รู้จักนักเตะอย่าง ริยาด มาห์เรซ และ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ในขณะที่ เจมี่ วาร์ดี้ สร้างชื่อด้วยการกระหน่ำไปถึง 24 ประตู ในฤดูกาลดังกล่าว และตอนนี้บรรดาแข้ง “สุนัขจิ้งจอก” ชุดสร้างปาฏิหาริย์ไปอยู่ที่ไหนกันบ้าง

Photo : skysports.com

ผู้รักษาประตู

แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล : ปัจจุบัน ชไมเคิ่ล ยังคงเป็นนายทวารมือ 1 ของ เลสเตอร์ และเป็นรองกัปตันทีมอีกด้วย โกล์วัย 33 ปี ซึ่งเป็นบุตรชายของ ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล ตำนานมือกาว แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั้น ลงเฝ้าเสาให้กับ “สุนัขจิ้งจอก” ในพรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้ไปแล้ว 29 เกม ก่อนฤดูกาลจะพักเบรคชั่วคราวจากการระบาดของโคโรน่าไวรัส

มาร์ค ชวาร์เซอร์ : ผู้รักษาประตูจอมเก๋าชาวออสเตรเลียประกาศแขวนถุงมือทันทีหลังคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกร่วมกับ เลสเตอร์ โดย ชวาร์เซอร์ ลงเล่นตลอดอาชีพของเขาไปมากกว่า 600 เกม และในตอนนี้เจ้าตัวกำลังทำงานเป็นนักวิจารณ์ฟุตบอล

เบน ฮาเมอร์ : ในฤดูกาลที่ เลสเตอร์ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ฮาเมอร์ ไม่ได้มีส่วนร่วมกับทีมเลยแม้แต่เกมเดียว เขาถูกส่งตัวให้กับ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ และ บริสตอล ซิตี้ ยืมตัวไปใช้งาน ก่อนจะถูกปล่อยให้กับ ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ แบบไร้ค่าตัวในปี 2018 โดยปัจจุบัน โกล์วัย 32 ปี กำลังเล่นกับ ดาร์บี้ เคาน์ตี้ ด้วยสัญญายืมตัว และทำผลงานเก็บ 4 คลีนชีต จาก 20 เกมที่ลงสนาม

Photo : zimbio.com

กองหลัง

เวสต์ มอร์แกน : เซ็นเตอร์ฮาล์ฟวัย 36 ปี ยังคงเป็นกัปตันทีมเบอร์ 1 ของ เลสเตอร์ และเจ้าตัวพึ่งเซ็นสัญญาฉบับใหม่กับพลพรรค “สุนัขจิ้งจอก” ออกไปอีก 1 ปี ซึ่งจะทำให้ มอร์แกน อยู่กับทีมไปอีกอย่างน้อยจนถึงซัมเมอร์ปีหน้า

โรเบิร์ต ฮูธ : ฮูธ อำลา เลสเตอร์หลังหมดสัญญากับทีมเมื่อซัมเมอร์ปี 2018 หลังจากที่ฤดูกาล 2017-2018 เขาไม่ได้ลงสนามให้กับ “สุนัขจิ้งจอก” เลยแม้แต่เกมเดียวเนื่องจากได้รับบาดเจ็บหนักที่ข้อเท้า แม้จะตกเป็นข่าวกับทั้ง ดาร์บี้ เคาน์ตี้ และสโต๊ค ซิตี้ แต่เมื่อ 11 มกราคม ปี 2019 ดาวเตะชาวเยอรมัน ก็ประกาศแขวนสตั๊ด และตอนนี้เขากำลังศึกษาเพื่อปริญญาโทด้านการบริหาร

คริสเตียน ฟุคส์ : แบ็กซ้ายชาวออสเตรียยังคงเป็นผู้เล่นสำคัญของ เลสเตอร์ โดยลงเล่นในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ไปแล้ว 8 เกม อย่างไรก็ตาม สัญญาของเขาจะหมดลงหลังจบฤดูกาลนี้ และในวัย 34 ปี เจ้าตัวก็ยังไม่มีทีท่าจะอำลงวงการฟุตบอลแต่อย่างใด

แดนนี่ ซิมป์สัน : ซิมป์สันเป็นแบ็คขาวตัวจริงของ เลสเตอร์ ชุดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ก่อนจะถูกปล่อยตัวออกจากถิ่นคิง พาวเวอร์ สเตเดี้ยม แบบไร้ค่าตัวในซัมเมอร์ปี 2019 จากนั้น เขาจึงตัดสินใจเซ็นสัญญากับ ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ ในเดือนกันยายนปีที่แล้ว

ริทชี่ เดอ ลาเอต์ : แบ็คขวาชาวเบลเยียมเริ่มต้นซีซั่น 2015-2016 ด้วยการเป็นตัวจริงก่อนจะถูก แดนนี่ ซิมป์สัน แย่งตำแหน่งในเวลาต่อมา ซึ่งทำให้ เดอ ลาเอต์ ต้องย้ายไปเล่นกับ มิดเดิ้ลสโบรช์ ด้วยสัญญายืมตัว พร้อมกับพา “เดอะ โบโร่” เลื่อนชั้นมาเล่นในพรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ จากนั้น เขาก็กลับมาฉลองแชมป์พรีเมียร์ลีกกับ “สุนัขจิ้งจอก” ในฤดูกาลเดียวกันนั้น โดยเวลานี้ ดาวเตะวัย 31 ปี ย้ายกลับไปเล่นในบ้านเกิดกับ รอยัล อันท์เวิร์ป

มาร์ซิน วาซิเลฟสกี้ : วาซิเลฟสกี้ ย้ายจาก เลสเตอร์ กลับไปเล่นในโปแลนด์บ้านเกิดกับ วิสล่า คราคอฟ ในปี 2017 จนถึงปัจจุบัน และในวัย 40 ปี เจ้าตัวก็ยังคงโลดแล่นอยู่ในวงการฟุตบอลซึ่งยังไม่มีวี่แววจะแขวนสตั๊ดแต่อย่างใด

โยฮัน เบอนาลูอาน : กองหลังชาวตูนิเซีย ถูก เลสเตอร์ ปล่อยให้กับ ฟิออเรนติน่า ยืมตัวไปใช้งานในช่วงครึ่งฤดูกาล 2015-2016 แต่น่าเสียดายที่เขาเจอปัญหาบาดเจ็บรบกวนทำให้ไม่ได้ลงเล่นกับ “ม่วงมหากาฬ” เลยแม้แต่เกมเดียว และในเดือนมกราคมปี 2019 เบอนาลูอาน ก็ถูกปล่อยตัวให้กับ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ซึ่งเขายังคงค้าแข้งกับ “เจ้าป่า” จนถึง ณ เวลานี้

เบน ชิลเวลล์ : หนึ่งในแบ็คซ้ายที่ดีที่สุดของอังกฤษ ชิลเวลล์ พัฒนาตัวเองขึ้นมาจนกลายเป็นผู้เล่นคนสำคัญของ เลสเตอร์ ไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งในปีที่ “สุนัขจิ้งจอก” คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก เขามีอายุเพียง 20 ปีเท่านั้น และจากฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมทำให้บรรดาทีมยักษ์ใหญ่อย่าง เชลซี และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กำลังจับตามองเขาอย่างใกล้ชิด

เลียม มัวร์ : มัวร์ ใช้เวลาในช่วงครึ่งหลังของซีซั่น 2015-2016 ด้วยการย้ายไปเล่นกับ บริสตอล ซิตี้ ด้วยสัญญายืมตัว ก่อนจะย้ายออกจาก เลสเตอร์ ไปเล่นกับ เรดดิ้ง ในช่วงซัมเมอร์ปีดังกล่าว และในเวลานี้ กองหลังวัย 27 ปี ก้าวขึ้นมาเป็นกัปตันทีม เรดดิ้ง ไปเรียบร้อยแล้ว

Photo : fullmatchesandshows.com

กองกลาง

ดาเนียล อมาร์ตีย์ : กองกลางตัวรับชาวกาน่า ยังคงอยู่กับ เลสเตอร์ หลังย้ายมาร่วมทีมในช่วงกลางซีซั่น 2015-2016 แต่เขาโชคร้ายอย่างหนักเนื่องจากข้อเท้าหักในเกมกับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด เมื่อเดือนตุลาคม 2018 และต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ในการพักรักษาตัว ซึ่งล่าสุด เอเย่นต์ของ อมาร์ตีย์ ระบุว่า ลูกค้าของเขาอาจต้องมองหาโอกาสใหม่ ๆ ในช่วงฤดูร้อนนี้

แม็ตตี้ เจมส์ : อดีตเด็กปั้น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ได้ลงสนามให้กับ เลสเตอร์ เลยแม้แต่เกมเดียวในฤดูกาล 2015-2016 เนื่องจากได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก เจมส์ ถูกปล่อยให้กับ บาร์นสลีย์ ยืมตัวไปใช้งานเมื่อเดือนมกราคมปี 2017 ก่อนจะกลับมาลงสนามให้กับ “สุนัขจิ้งจอก” ได้เป็นเกมแรกในรอบ 2 ปี เมื่อดือนสิงหาคมปีเดียวกัน ซึ่งปัจจุบัน ดาวเตะวัย 30 ปี ยังคงอยู่ในถิ่นคิง พาวเวอร์ สเตเดี้ยม แต่แทบไม่มีบทบาทมากนัก

แดนนี่ ดริงค์วอเตอร์ : หนึ่งในแดนกลางคนสำคัญของ เลสเตอร์ ชุดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ดริงค์วอเตอร์ ย้ายไปเล่นกับ เชลซี ด้วยค่าตัวถึง 34 ล้านปอนด์ ในช่วงซัมเมอร์ปี 2017 แต่เขาล้มเหลวอย่างไม่น่าเชื่อ กองกลางวัย 30 ปี ถูก “สิงห์บลู” ปล่อยให้ เบิร์นลีย์ ยืมตัว ในเดือนสิงหาคม 2019 และตอนนี้ เขากำลังเล่นกับ แอสตัน วิลล่า ด้วยสัญญายืมตัวจนกระทั่งจบฤดูกาลนี้

เอ็นโกโล่ ก็องเต้ : ก็องเต้ ได้รับการยกย่องว่า เป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ที่เก่งที่สุดในโลก โดยหลังคว้าแชมป์ร่วมกับ เลสเตอร์ เขาย้ายไปยัง เชลซี ด้วยค่าตัว 32 ล้านปอนด์ และยังคงเป็นกำลังหลักของ “สิงโตน้ำเงินคราม” จนถึงเวลานี้

โกคาน อินเลอร์ : กองกลางชาวสวิตเซอร์แลนด์ ลงเล่นให้กับ เลสเตอร์ ในฤดูกาลที่คว้าแชมป์ไปเพียง 5 เกมเท่านั้น หลังย้ายมาจาก นาโปลี ในช่วงซัมเมอร์ด้วยค่าตัว 6.3 ล้านปอนด์ อินเลอร์ ตัดสินใจอำลา “สุนัขจิ้งจอก” ไปเล่นกับเบซิคตัส ในตุรกี เมื่อปี 2016 และย้ายไปยัง อิสตันบูล บาซัคเซเฮียร์ แบบไร้ค่าตัวในปีต่อมา

ดีน แฮมมอนด์ : แฮมมอนด์ ใช้เวลาส่วนใหญ่ของฤดูกาล 2015-16 ในการยืมตัวกับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ก่อนจะย้ายไปยัง “ดาบคู่” เป็นการถาวรในช่วงซัมเมอร์ โดยปัจจุบัน มิดฟิลด์วัย 37 ปี ค้าแข้งกับ สโมสรเวิร์ธติง เอฟซี ทีมระดับนอกลีกของอังกฤษ แต่ยังไม่ได้ลงเล่นเลยแม้แต่เกมเดียว

ทอม ลอว์เรนซ์ : ลอว์เรนซ์ ถูกปล่อยยืมตัวที่ แบล็กเบิร์น โรเวอร์ส และคาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ ในฤดูกาล 2015-2016 ก่อนจะเข้าร่วมทัพ “แกะเขาเหล็ก” แบบถาวรในซัมเมอร์ปี 2017 และเมื่อเดือนกันยายนปี 2019 ดาวเตะวัย 26 ปี ถูกตำรวจจับข้อหามาแล้วขับก่อนจะถูกศาลสั่งให้บำเพ็ญประโยชน์ 1 ปี และห้ามขับรถอีก 2 ปี

แอนดี้ คิง : กองกลางวัย 31 ปี จะหมดสัญญากับ เลสเตอร์ หลังจบฤดูกาลนี้ แต่เขาถือเป็นผู้เล่นประวัติศาสตร์ของสโมสรเป็นที่เรียบร้อยแล้วหลังทำสถิติอยู่กับทีมยาวนานสุดมาตั้งแต่ปี 2006 และในปัจจุบัน คิง ย้ายมาเล่นกับ ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ ด้วยสัญญายืมตัว

Photo : independent.ie

ตัวรุก

มาร์ค อัลไบรท์ตัน : หลังย้ายจาก แอสตัน วิลล่า มาเล่นกับ เลสเตอร์ แบบไร้ค่าตัวเมื่อปี 2014 อัลไบรท์ตัน กลายเป็นกำลังสำคัญในแนวรุกของทีมมาจนถึงปัจจุบัน โดยฤดูกาลนี้ ดาวเตะวัย 30 ปี ลงเล่นให้กับ “สุนัขจิ้งจอก” ไปรวมทุกรายการถึง 21 เกม และเขาถือเป็นหนึ่งในการทำธุรกิจที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกเลยก็ว่าได้

ริยาด มาห์เรซ : หลังจากคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกกับ เลสเตอร์ ได้สำเร็จ มาห์เรซ ก็สร้างกำไรก้อนโตให้กับสโมสรด้วยการย้ายไปร่วมทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยค่าตัวมหาศาลถึง 60 ล้านปอนด์ ในซัมเมอร์ปี 2018 และปัจจุบัน ปีกชาวแอลจีเรีย ก็ถือเป็นนักเตะคนสำคัญในทัพ “เรือใบสีฟ้า” ภายใต้การคุมทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เทรนเนอร์ชาวสเปน

เจฟฟรีย์ ชลุปป์ : นักเตะสารพัดประโยชน์ทางริมเส้นฝั่งซ้ายเซ็นสัญญากับ คริสตัล พาเลซ ในเดือนมกราคมปี 2017 ด้วยค่าตัว 12.5 ล้านปอนด์ และในฤดูกาลนี้ ชลุปป์ ลงเล่นในพรีเมียร์ลีกให้กับ “ดิ อีเกิ้ลส์” ไปแล้ว 14 เกม ซัดไป 2 ประตู

ดามาไรย์ เกรย์ : เกรย์ ย้ายจาก เบอร์มิงแฮม มาร่วมทีม เลสเตอร์ ด้วยค่าตัวเพียง 3.5 ล้านปอนด์ ในช่วงครึ่งฤดูกาล 2015-2016 และตอนนี้ ปีกดาวรุ่งชาวอังกฤษ พัฒนาตัวเองจนกลายเป็นนักเตะสำคัญในแนวรุกของทีมภายใต้การคุมทัพของกุนซือ แบรนดอน ร็อดเจอร์ ไปแล้ว

นาธาน ดายเออร์ : ดายเออร์ ย้ายจาก สวอนซี ซิตี้ มาเล่นกับ เลสเตอร์ ด้วยสัญญายืมตัวในฤดูกาล 2015-2016 พร้อมกับสร้างความประทับใจทางริมเส้นให้กับ “สุนัขจิ้งจอก” ได้ในหลายๆเกม จากนั้น เขากลับไปเล่นให้กับ “หงส์ขาว” เช่นเดิมจนถึงเวลานี้

Photo : zimbio.com

กองหน้า

ชินจิ โอกาซากิ : สุดยอดคู่หูของ เจมี่ วาร์ดี้ ในฤดูกาลที่ เลสเตอร์ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ซึ่งความยอดเยี่ยมของ โอกาซากิ นั้น ทำให้เขาได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีของทวีปเอเชียในเดือนธันวาคมปี 2016 และในปี 2019 ดาวยิงชาวญี่ปุ่น ก็ย้ายไปยัง มาลาก้า แต่เขาอยู่กับทีมได้เพียง 34 วัน เพราะสโมสรไม่สามารถจ่ายค่าจ้างได้ จึงทำให้ หัวหอกวัย 34 ปี ย้ายไปยัง มอวยส์ก้า ในศึกเซกุนดา

เจมี่ วาร์ดี้ : หนึ่งในกองหน้าที่ดีที่สุดตลอดกาลของ เลสเตอร์ แม้จะอายุ 33 ปี แต่ วาร์ดี้ ยังคงเป็นตัวหลัก และมีความกระหายถล่มประตูอยู่เสมอ โดยฤดูกาลนี้ ดาวยิงชาวอังกฤษ ซัดในพรีเมียร์ลีกให้กับ “สุนัขจิ้งจอก”ไปแล้วถึง 19 ประตู

เลโอนาร์โด้ อูยัว : อูยัว ลงเล่นไป 29 เกม ซัดไป 6 ประตู ในพรีเมียร์ลีกซีซั่น 2015-16 ก่อนจะย้ายเล่นกับ ปาชูก้า ในเม็กซิโก เมื่อเดือนสิงหาคมปี 2018 จากนั้น กองหน้าอาร์เจนไตน์ ย้ายไปเล่นกับ ราโย่ บาเยกาโน่ ในสเปน เมื่อเดือนกันยายน 2019 และปัจจุบัน เจ้าตัวกำลังพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บเอ็นไขว้หน้าฉีกขาดระหว่างการฝึกซ้อม

อันเดร ครามาริช : น่าเสียดายที่ ดาวยิงชาวโครเอเชีย ลงเล่นให้กับ เลสเตอร์ ในพรีเมียร์ลีกซีซั่น 2015-16 ไปเพียง 2 เกม ก่อนที่เขาจะย้ายไปเล่นกับ ฮอฟเฟ่นไฮม์ ด้วยสัญญายืมตัวในช่วงกลางซีซั่น และเซ็นสัญญาเป็นการถาวรด้วยค่าตัว 9.9 ล้านปอนด์ ในช่วงซัมเมอร์ และจากนั้น ดาวเตะวัย 28 ปี กลายเป็นนักเตะคนสำคัญของ ฮอฟเฟ่นไฮม์ จนถึงเวลานี้

โจ ดูดู้ : ดูดู้ ลงเล่นให้กับ เลสเตอร์ ไปเพียง 1 เกม ในพรีเมียร์ลีกซีซั่น 2015-16 ก่อนจะย้ายไปร่วมทีม กลาสโกว์ เรนเจอร์ส แบบไร้ค่าตัวในช่วงซัมเมอร์ จากนั้น ดาวยิงวัย 24 ปี ถูกปล่อยยืมตัวไปที่ ชาร์ลตัน แอธเลติก และ แบล็คพูล ก่อนจะยกเลิกสัญญากับ เรนเจอร์ส ด้วยความยินยอมทั้ง 2 ฝ่าย และเซ็นสัญญากับ โบลตัน วันเดอเรอร์ส เมื่อเดือนกันยายนปี 2019

Photo : mirror.co.uk

ผู็จัดการทีม

เคลาดิโอ รานิเอรี่: แม้จะพา เลสเตอร์ ไปสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร แต่ รานิเอรี่ ถูกไล่ออกหลังจากพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้เพียง 9 เดือน ก่อนที่เขาจะไปทำงานกับ น็องต์, ฟูแล่ม, โรม่า และปัจจุบันกำลังกุมบังเหียน ซามพ์โดเรีย รั้งอันดับ 16 ในตารางคะแนนกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวนี้