Home บทความฟุตบอล แดนนี่ อิงส์ กับชีวิตใหม่ในทัพนักบุญ

แดนนี่ อิงส์ กับชีวิตใหม่ในทัพนักบุญ

0
แดนนี่ อิงส์ กับชีวิตใหม่ในทัพนักบุญ

ในฤดูกาลล่าสุด แดนนี่ อิงส์ กองหน้าชาวอังกฤษของ เซาแธมป์ตัน ทีมดังในศึกพรีเมียร์ลีก ทำผลงานได้อย่างสุดยอดด้วยการซัดในลีกไปถึง 22 ประตู จาก 38 เกม เป็นรองแค่ดาวซัลโว เจมี่ วาร์ดี้ หัวหอก เลสเตอร์ ซิตี้ เพียงคนเดียวเท่านั้น มันเป็นผลงานที่ไม่มีใครคาดคิดว่าเขาจะทำได้ 

ราล์ฟ ฮาเซนฮุทเทิล กุนซือ เซาแธมป์ตัน อธิบายว่า เขาไม่มีความสงสัยใดๆเกี่ยวกับความสำเร็จของ อิงส์ “แน่นอนว่ามันยากกว่าที่จะยิง 22 ประตูให้กับ เซาแธมป์ตัน มากกว่าจะทำผลงานแบบนี้ให้กับ ลิเวอร์พูล, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เชลซี หรือทีมใดตาม ดังนั้น มันจึงเป็นเรื่องยิ่งใหญ่สำหรับเขาที่เขาทำให้กับเราที่เป็นสโมสรดิ้นรนหนีตกชั้น นั่นแสดงให้เห็นว่าเขาเก่งแค่ไหน และทำได้ดีแค่ไหนในฤดูกาลนี้”

ฮาเซนฮุทเทิล กลายเป็นบุคคลสำคัญที่ทำให้ อิงส์ ได้กลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง โดยโค้ชวัย 52 ปี เป็นคนปรับปรุงการเล่นให้กับ อิงส์ และวางให้เขาเป็นตัวหลักในการเริ่มกดดันคู่แข่ง รวมทั้งฉกฉวยโอกาสจากความผิดพลาดของคู่ต่อสู้เปลี่ยนเป็นประตู

Photo : medium.com

ฮาเซนฮุทเทิล เล่าต่อว่า “คุณสามารถเห็นคุณภาพของ แดนนี่ ได้ในกรอบเขตโทษ คุณเห็นได้ทันทีว่าเขาสามารถทำประตูได้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้คุณอาจมองว่า เขาไม่ฟิต เพราะเขาบาดเจ็บไปนาน”

การบาดเจ็บถือเรื้อรังที่หัวเข่าถือเป็นอุปสรรคสำคัญที่ขัดขวางความก้าวหน้าในอาชีพของ อิงส์ กับอดีตต้นสังกัดเก่าอย่าง ลิเวอร์พูล มาโดยตลอด และเมื่อฤดูกาลที่แล้วเขาก็มีปัญหาเล็กน้อยเกี่ยวกับสภาพร่างกายเช่นกันหลังย้ายไปเล่นด้วยสัญญายืมตัวกับ เซาแธมป์ตัน

ฮาเซนฮุทเทิล กล่าวต่อว่า “ผมเห็นว่าเขาเป็นนักเตะที่มีคุณภาพ แต่เขามักจะต้องดิ้นรนอย่างหนักหลังเกมผ่านไป 60 นาที นั่นคือระยะเวลาสูงสุดที่เขาเล่นได้ ซึ่งจุดเริ่มต้นของเขาคือมีปัญหาเกี่ยวกับการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ และเราใช้เวลาค่อนข้างนานในการพาเขาขึ้นไปสู่ระดับที่เขาจะเล่นได้ครบ 90 นาที และนั่นเป็นปัญหาที่ใหญ่ที่สุดที่ผมเคยเจอ ตอนนั้นเขาไม่เหมาะสำหรับแนวทางของผม”

แนวทางการคุมทีมของ ฮาเซนฮุทเทิลนั้น ให้ความสำคัญอย่างมากกับการไล่เพรสซิ่งคู่แข่ง และต้องการให้ลูกทีมมีระดับความฟิตที่เหมาะสม ในขณะที่ อิงส์ เล่นครบ 90 นาทีไปเพียงแค่เกมเดียวเท่านั้นในฤดูกาลที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้มันแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงโดยเกมลีก 6 นัดหลังสุด อิงส์ ได้ลงเป็นตัวจริง และเล่นจนครบ 90 นาที ติดต่อกันถึง 5 เกม และโดนเปลี่ยนตัวออกเพียงแค่เกมเดียวเท่านั้น คือ นาทีที่ 88 ในนัดรองสุดท้ายที่ เซาแธมป์ตัน บุกไปเอาชนะ บอร์นมัธ 2-0

Photo : mirror.co.uk

ปัจจุบัน อิงส์ กลับมามีสภาพร่างกายที่สมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์ แล้ว นอกจากนี้ เขายังเป็นส่วนสำคัญในแผนการเล่นของ ฮาเซนฮุทเทิลและไม่ต้องสงสัยเลยว่า การทำงานร่วมกับอดีตเจ้านายเก่าอย่าง ฌอน ไดซ์ ที่ เบิร์นลีย์ และ เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่ ลิเวอร์พูล ช่วยเขาได้เยอะมาก

ฮาเซนฮุทเทิลอธิบายต่อว่า “แน่นอน เขาคุ้นเคยกับการยืนตำแหน่ง การเพรสซิ่ง และการเล่นบอลจากแนวลึกไปสู่ปากประตูคู่แข่งเพื่อลุ้นโอกาสทำประตูให้ได้มากที่สุด ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่เขาเคยเรียนรู้มาหมดแล้ว”

“ผมไม่ทราบรายละเอียดทั้งหมดหรอกว่า ทีมอื่นเล่นกันอย่างไร แต่ แดนนี่ รู้แน่ว่า เมื่อเราเริ่มเสียการครอบครองบอลไปเขาต้องทำอะไรบ้าง ไม่เพียงแต่การเล่นเมื่อมีบอลเท่านั้น เพราะการเล่นเมื่อไม่มีบอลมันเป็นพฤติกรรมที่คุณต้องเรียนรู้”

ความมุ่งมั่นของ ฮาเซนฮุทเทิล กับวิธีการของเขานั้น ทำให้ เซาแธมป์ตัน กลายเป็นทีมที่มีสไตล์เป็นของตัวเอง โดยมีเพียง ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เท่านั้น ที่ตัดบอลจากคู่แข่งได้ในระยะ 40 เมตรจากกรอบเขตโทษคู่แข่งได้มากกว่า “นักบุญ” ซึ่งผลลัพธ์ทั้งหมดเริ่มต้นมาจาก อิงส์

“มันสำคัญที่เขาขจะต้องทำประตู แต่มันก็สำคัญเช่นกันที่เขาต้องเป็นกองหลังคนแรกของเราในบางช่วงเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเล่นกับทีมใหญ่ เพราะหากคุณไม่กดดันพวกเขาทันที พวกเขาก็สามารถทำในสิ่งที่ต้องการได้ และพวกเขาจะฆ่าคุณได้เลย”

“แต่ถ้าคุณมีกองหน้าที่เล่นเกมรับเป็นมันก็จะแตกต่างออกไป เขาเป็นเหมือนตัวกรองชั้นแรกของเรา มันเป็นตำแหน่งที่สำคัญมาก เขาเป็นตัวกระตุ้นทีม เมื่อเขาตัดสินใจที่จะไล่กดดัน เพื่อนร่วมทีมทุกคนก็ต้องทำตาม และนี่คือเหตุผลที่เราต้องการเขามาก” กุนซือ “นักบุญ” กล่าว

Photo : skysports.com

แม้ส่วนใหญ่ อิงส์ จะต้องทำงานแบบเสียสละ แต่บางครั้งผลงานของเขาก็ชัดเจน ซึ่งเห็นได้จาก 2 ประตูที่เขายิงใส่ ลิเวอร์พูล และ ท็อตแนม ออทสเปอร์ ที่จุดเริ่มต้นมันมากจากการที่เขาวิ่งไล่กดดัน เอเดรียน นายทวาร “หงส์แดง” และ ฮูโก้ ยอริส โกล์ “ไก่เดือยทอง”

ฮาเซนฮุทเทิล อธิบายต่อว่า “เขากำลังรอคอยความผิดพลาด เขายิงประตูได้ด้วยการตัดบอลจากคู่แข่ง ยกตัวอย่างประตูที่เราทำได้ในเกมกับ คริสตัล พาเลซ และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เขาใช้ความสามารถของตัวเองกดดันให้คู่แข่งทำพลาด”

ความยอดเยี่ยมของ อิงส์ ไม่ได้มาด้วยความง่ายดาย มันเป็นกระบวนการเรียนรู้ และเป็นผลลัพธ์ของการใช้เวลาหลายชั่วโมงที่ใช้ไปกับการฝึกซ้อม รวมถึงความพยายามในการประสานงานร่วมกับเพื่อนร่วมทีม ซึ่งมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับวิธีการที่ เซาแธมป์ตัน ตัดบอลมาได้ และจะทำอะไรต่อไปหลังจากนั้น

“สิ่งที่ดีคือเราได้รับประโยชน์มากขึ้นจากการตัดบอลกลับมาได้ เพราะเราได้เรียนรู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไปถ้าเราได้มันมา และวิธีที่เราสามารถใช้โอกาสเหล่านี้ทำประตูได้ นี่เป็นขั้นตอนต่อไปในการพัฒนาของเรา ในฤดูกาลแรกที่ผมอยู่ที่นี่เราตัดบอลได้ แต่เราเล่นช้าเกินไปหรือไม่มีผู้เล่นในตำแหน่งที่เหมาะสม ดังนั้น โอกาสก็หายไป เพราะคุณไม่มีเวลามากพอ” ฮาเซนฮุทเทิล กล่าว

แม้จะมีผลงานในสนามชัดเจน แต่ ฮาเซนฮุทเทิล ก็ยังมีการวิเคราะห์วิดีโออย่างละเอียด โดยใจความสำคัญจะถูกส่งไปยังลูกทีมของเขาว่า ควรปรับปรุงการเล่นอย่างไร

Photo : dailyecho.co.uk

นายใหญ่ เซาแธมป์ตัน อธิบายต่อว่า “เรามีวิดีโอจำนวนมากแสดงให้พวกเขาเห็นตลอดเวลา และบอกพวกเขาว่า ควรทำอะไร และอะไรคือสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ตอนนี้ ยกตัวอย่าง ผมจะบอก แดนนี่ ว่า เขาต้องยืนจุดไหนเพื่อให้มีโอกาสทำประตูมากขึ้น”

“ในพรีเมียร์ลีกคุณไม่มีเวลาที่จะเลี้ยงบอลผ่านผู้เล่น 2-3 คน เพื่อทำประตูหรอก คุณต้องวิ่งหาช่องก่อนที่ลูกบอลจะมาจากนั้นคุณถึงจะมีโอกาสทำประตู”

การวิเคราะห์วิดีโอยังมีส่วนในการช่วยให้ อิงส์ ทำประตูซึ่งเป็นเหมือนเครื่องหมายการค้าของเขา ซึ่งหากจำได้ อดีตดาวยิง ลิเวอร์พูล เลี้ยงบอลตัดจากด้านซ้ายก่อนใช้เท้าขวาซัดเข้ามุมไปทางเสาไกลในเกมกับ นอริช ซิตี้, วัตฟอร์ด และ บอร์นมัธ

อิงส์ เคยให้สัมภาษณ์ถึงการทำประตูของเขาว่า “มันเป็นเรื่องที่ดี  ผมชอบที่จะเลี้ยงบอลตัดจากด้านซ้าย และมองหามุมที่เสาไกล เราดูคลิป และวิเคราะห์พื้นที่ว่างในตำแหน่งของผู้เล่นหมายเลข 10 ซึ่งจะทำให้ผมมีโอกาสยืนต่ำลงมาเล็กน้อย และสามารถใช้โอกาสจากตรงนั้นได้”

Photo : skysports.com

ในอิตาลีแฟนบอลมักเรียกบทบาทที่ อิงส์ เล่นว่า ตำแหน่งของ อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่ ตำนานกองหน้าของ ยูเวนตุส สำหรับ ฮาเซนฮุทเทิล เขาคิดว่า มันคล้ายกับบทบาทของ บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ ในช่วงที่เป็นดาวรุ่งของ บาเยิร์น มิวนิค

อย่างไรก็ตาม ในพรีเมียร์ลีกทุกคนควรจะรู้ว่า มันเป็นพื้นที่ที่เป็นเครื่องหมายการค้าของ อิงส์ ไปแล้ว ไม่ว่าจะให้คำยามอะไรก็ตาม แต่ทั้งหมดต้องให้เครดิตกับ ฮาเซนฮุทเทิล และนักเตะ เซาแธมป์ตัน ทุกคน รวมถึงตัวของ อิงส์ ที่งานของพวกเขาบรรลุผลสำเร็จ

ฮาเซนฮุทเทิลกล่าวปิดท้ายว่า “นี่คือสิ่งที่โค้ชทุกคนทำ หรือควรทำ เพราะมันเป็นโอกาสเดียวสำหรับทีมของคุณที่พวกเขาสามารถนำข้อมูลที่แนะนำไปใช้ได้ ส่วนที่เหลือเป็นเรื่องเกี่ยวกับคุณภาพส่วนบุคคลเมื่อเขาอยู่ในพื้นที่เขาจะทำประตู”

“สำหรับ แดนนี่ ผมไม่รู้ว่า เขาจะทำประตูได้อีก 20 ลูกหรือเปล่า แต่ผมไม่เห็นเหตุผลใด ๆ ว่าทำไมเขาถึงจะทำไม่ได้ เพราะเขาไม่เคยหยุดพัฒนาเลย”

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวนี้