Home บทความฟุตบอล คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย ดาวรุ่งผู้ก้าวผ่านความผิดหวัง

คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย ดาวรุ่งผู้ก้าวผ่านความผิดหวัง

0
คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย ดาวรุ่งผู้ก้าวผ่านความผิดหวัง

คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย ปีกอนาคตไกลของ เชลซี สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ยุติข่าวลือที่จะย้ายไปเล่นกับ บาเยิร์น มิวนิค ทีมดังในศึกบุนเดสลีกา เยอรมัน ด้วยค่าตัว 35 ล้านปอนด์ เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา โดยตัดสินใจเซ็นสัญญาฉบับใหม่กับ “สิงโตน้ำเงินคราม” ออกไป 5 ปี เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว หลังจากเจ้าตัวได้พูดคุยกับกุนซือ แฟรงค์ แลมพาร์ด

มันเป็นการตัดสินใจที่ยอดเยี่ยมของ ฮัดสัน-โอดอย เนื่องจาก เชลซี ภายใต้การคุมทีมของ แลมพาร์ด นั้น เปิดโอกาสให้นักเตะดาวรุ่งโชว์ฝีเท้าอย่างเต็มที่ โดยบรรดาผู้เล่นจากทีมเยาวชนอย่าง เมสัน เมาท์, แทมมี่ อับราฮัม, รีส เจมส์ และ ฟิกาโย โทโมรี่ ได้แจ้งเกิดกับทีมชุดใหญ่อย่างเต็มตัวในฤดูกาลล่าสุด  

ฮัดสัน-โอดอย ซึ่งมาอยู่กับ เชลซี ตั้งแต่อายุ 8 ขวบ เริ่มเล่าว่า “สำหรับผมโดยส่วนตัวแล้วผมคิดว่ามันไม่ใช่ฤดูกาลที่ดีนักสำหรับผม ผมทำงานหลายอย่างในสนามเพื่อให้ตัวเองเป็นผู้เล่นที่ดีขึ้น ผมทำงานหนักทุกวันและฝึกฝนอย่างหนักทุกวัน แต่บางครั้งในเกมคุณก็ต้องการทำประตู หรือแอซิสต์เพื่อช่วยทีม และผมคิดว่า ตัวเองยังทำสิ่งเหล่านั้นได้ไม่ดีพอ”

“ดังนั้น ผมคิดว่าว่า ในฤดูกาลหน้าเมื่อมันมาถึงผมต้องพยายามทำประตูให้มากขึ้น และแอสซิสต์ให้มากขึ้นเพื่อช่วยทีมให้ได้มากที่สุด และบรรลุเป้าหมายที่ผมตั้งเอาไว้”

Photo : bleacherreport.com

ในซีซั่นล่าสุด ฮัดสัน-โอดอย ยิงไปเพียง 3 ประตู กับ 6 แอสซิสต์ จาก 33 เกมรวมทุกรายการให้กับ เชลซี และได้ลงเป็นตัวจริงเพียง 12 เกมเท่านั้น เนื่องจากเผชิญปัญหาอาการบาดเจ็บเอ็นร้อยหวายตั้งแต่เดือนเมษายนปีที่แล้ว ซึ่งนั่นทำให้เจ้าตัวต้องรอถึงเดือนกันยายนปีที่ผ่านมาถึงได้กลับมาส่วนร่วมกับทีมชุดแรก

นอกจากนี้ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ฮัดสัน-โอดอย ยังโชคร้ายได้รับบาดเจ็บซ้ำอีกครั้ง และต้องพักยาวมาจนถึงเดือนมิถุนายนก่อนจะกลับมาลงสนามได้ ซึ่งเขาได้ลงเล่นในฐานะตัวสำรองไปเพียง 7 เกม รวมเวลาในสนามเพียง 103 นาทีเท่านั้น

ตัวรุกวัย 19 ปี กล่าวต่อว่า “ผมคิดกับตัวเองว่า เมื่ออยู่ในสนามและมีโอกาส 2-3 ครั้ง ผมรู้ว่า ผมควรจะทำประตูได้ สำหรับตัวเองผมรู้สึกผิดหวังมาก เพราะผมรู้ว่าผมสามารถทำประตูได้ หรือสามารถแอสซิสต์ให้เพื่อนๆได้ ดังนั้น เมื่อผมทำไม่ได้ ผมจะรู้สึกหงุดหงิด เพราะผมรู้ว่าผมทำอะไรได้บ้าง”

“สำหรับผมมันเป็นเรื่องส่วนตัว ผมมักจะคิดกับตัวเองว่า เอาหน่อย คัลลัม นายทำได้ดีกว่านี้ นายต้องก้าวต่อไป ทำงานหนัก พยายามทำประตู หรือแอสซิสต์ให้ได้ และช่วยเหลือทีมให้ได้มากที่สุด”

อย่างไรก็ตาม ฮัดสัน-โอดอย ไม่ต้องแบกรับความกดดันไว้คนเดียว บิสมาร์ก คุณพ่อ , แบรดลีย์ พี่ชาย และคุณแม่ เจนนี่ ยังคอยสนับสนุนเขาอยู่เสมอ โดย แบรดลีย์ เคยเป็นอดีตนักเตะเยาวชนของ ฟูแล่ม และเล่นให้กับทีมนอกลีกจนปัจจุบันได้ผลันตัวเองมาเป็นเอเย่นต์ของ ฮัดสัน-โอดอย อย่างเต็มตัว

Photo : biographymask.com

เด็กปั้น เชลซี กล่าวว่า “เมื่อผมมีเวลาว่างส่วนใหญ่ผมจะไปหาพ่อ พี่ชาย และแม่ของผม เพราะพวกเขาเป็นคนที่อยู่กับผมตลอดเวลาไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม พวกเขามักจะเดินทางมาดูผมแข่งอยู่เสมอไม่ว่าจะเป็นเกมในบ้านหรือเกมเยือนก็ตาม”

“พวกเขาจะดูเกมจนครบ 90 นาที และจะคอยบอกผมว่าเกมนี้เป็นอย่างไรบ้าง บางทีพวกเขาจะคอยบอกผมว่าควรทำอะไรในพื้นที่ตรงนั้น เมื่อผมยืนริมเส้นพวกเขาจะแนะนำให้ผมครองบอลไว้ หาจังหวะมารับบอลจากเพื่อน หรือพยายามหาช่องว่างจากแนวรับคู่แข่ง”

“มีหลายสิ่งหลายอย่างที่พวกเขาช่วยผมเยอะมาก ยกตัวอย่าง พวกเขาจะบอกว่า คัลลัม นายต้องทำให้ดีขึ้นอีก ทำให้ดีกว่าที่นายเคยทำมา หรือ นายเคยทำได้ดีกว่านี้ และคำวิจารณ์ที่สร้างสรรค์แบบนั้น จะช่วยให้ผมพัฒนาขึ้น พวกเขาไม่เคยมองผมในแง่ลบเลย มันเป็นแง่บวกอยู่เสมอเพื่อให้ผมดีขึ้นและพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ”

ฮัดสัน-โอดอย กำลังมีปีที่ท้าทายอย่างหนัก เพราะนอกจากอาการบาดเจ็บเอ็นร้อยหวายแล้ว เขายังโชคร้ายหลังจากเป็นผู้เล่นในศึกพรีเมียร์ลีกคนแรกที่ติดโคโรนาไวรัสในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

Photo : skysports.com

ปีก เชลซี กล่าวว่า “มันบ้ามากเลยนะ ผมบอกกับตัวเองว่า ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นในอังกฤษ ตอนนั้นผมคิดกับตัวเองว่ามันเป็นไวรัสที่อยู่นอกประเทศ ผมได้ยินมาว่ามันอยู่ในสเปนหรือประเทศอื่น ๆ มันอันตรายมาก”

“แต่ผมไม่รู้ว่าไวรัสมันอยู่ในอังกฤษเยอะมาก พอผมได้ยินว่ามันกำลังจะแพร่ระบาดมาถึงอังกฤษผมก็คิดว่า โอเค บางทีมันอาจจะอยู่ห่างไกลออกไปจากเราอยู่ ซึ่งมันไม่น่ามาอยู่รอบตัวเราได้เลยจริงๆ ผมตกใจมาก หลังจากที่ผมรู้ว่าตัวเองติดไวรัส ผมคิดว่า แน่ใจหรือว่าจะติดมันจริง”

“ไวรัสกระจายไปอย่างรวดเร็ว จริงๆแล้วผมรู้สึกว่า ตัวเองได้ติดไวรัสมา 2-3 ชั่วโมงแล้ว ผมตัวร้อน และหนาว หลังจากนั้นไม่นาน ผมก็รู้สึกกลับมาเป็นตัวของตัวเองตามปกติ ผมเริ่มสบายดี ผมไม่รู้สึกว่ามีอาการมากมายนัก ผมรู้สึกดีขึ้น และเริ่มออกกำลังกายหลายอย่างที่บ้านกับคุณพ่อ และขี่จักรยานในบ้าน

“จากนั้นผมก็ไปวิ่งจ็อกกิ้งตอนดึกด้วยเพื่อให้แน่ใจว่าผมมีสุขภาพที่ดี และทำตามโปรแกรมที่พวกเขาส่งมาจาก เชลซี”

ขณะเดียวกัน มีประเด็นที่น่าสนใจ และเกี่ยวกับ ฮัดสัน-โอดอย โดยตรงนั่นคือ ฟุตบอลอังกฤษกลับมารีสตาร์ทด้วยโครงการการ ‘Black Lives Matter’ ซึ่งให้นักฟุตบอลแสดงออกด้วยคุกเข่าเป็นเวลา 8 วินาที เพื่อแสดงสัญลักษณ์การต่อต้านการเหยียดสีผิวจากกรณีการเสียชีวิตของ จอร์จ ฟลอยด์ ชายผิวสีชาวอเมริกัน วัย 46 ปี ผู้ถูกตำรวจผิวขาวฆาตกรรมเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

Photo : thetimes.co.uk

ฮัดสัน-โอดอย ก็เคยเจอเหตุการณ์เหยียดสีผิวเช่นกันในเกมยูโร 2020 รอบคัดเลือกที่ อังกฤษ บุกชนะ มอนเตเนโกร 5-1 เมื่อเดือนมีนาคมปี 2019 จนทำให้สหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) แถลงการณ์สั่งลงโทษ มอนเตเนโกร ด้วยการลงสนามนัดต่อไปในบ้านแบบไม่มีคนดู

ฮัดสัน-โอดอย เล่าต่อว่า “ผมคิดว่า ว้าว นี่มันอะไรกัน ผมถูกพวกเขาเรียกว่าเป็นตัวอะไรบางอย่าง ในฐานะนักเตะอายุน้อย ผมรู้สึกว่า ผมไม่น่าจะได้ยินอะไรพวกนี้เลย พวกเราไม่ควรได้ยินเรื่องแบบนี้เลย เราทุกคนควรมีความสุขกับกีฬาฟุตบอลสิ”

“ถ้าทีมของคุณแพ้คุณไม่ควรโจมตีผู้เล่นคนอื่น ๆ หรือเพราะทีมของคุณไม่ชนะในเกมนี้ หรือถ้าคุณรู้สึกหงุดหงิดเกี่ยวกับวิธีการเล่นของทีม สำหรับผมเมื่อผมเริ่มได้ยินเรื่องแบบนั้นมันทำให้ผมคิดว่า มันไม่ถูกต้อง คุณไม่ควรได้ยินสิ่งนี้ สำหรับผมโดยส่วนตัวแล้วผมมักจะพูดกับตัวเองว่า จงคิดบวก และมีความสุขเข้าไว้”

“มันเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่เราจะต้องส่งข้อความถึงทุกคนว่า ชีวิตคนผิวดำก็มีความสำคัญ เพราะการเหยียดสีผิวไม่ควรอยู่ในเกมฟุตบอลเลย มันไม่สำคัญว่าคุณจะเป็นใคร คุณจะผิวสีอะไร คุณควรได้รับการปฏิบัติเหมือนกันทุกคนเท่าเทียมกัน”

Photo : fr24news.com

นอกจากนี้ ฮัดสัน-โอดอย ยังรู้สึกดีใจดี่ เชลซี คว้าผู้เล่นใหม่มาร่วมทัพในซัมเมอร์นี้แล้ว 4 รายก็คือ ฮาคิม ซิเยค กองกลาง อาแจ็กซ์ อัมส์เตอร์ดัม และ ติโม แวร์เนอร์ หัวหอก แอร์เบ ไลป์ซิก, เบ็น ชิลเวลล์ แบ็คซ้าย เลสเตอร์ ซิตี้ และติอาโก้ ซิลวา กองหลัง ปารีส แซงต์-แชร์กแมง และเขาก็พร้อมแล้วที่จะแข่งขันเพื่อแย่งตำแหน่งตัวจริง

“เห็นได้ชัดว่าเรากำลังพยายามสร้างทีมที่ดีสำหรับอนาคตไม่ใช่แค่เฉพาะตอนนี้ ผู้เล่นที่ย้ายเข้ามาพวกเขาเป็นผู้เล่นชั้นนำ และพวกเขาก็ทำผลงานได้ดีมากกับต้นสังกัดเก่า ดังนั้น ผมหวังว่าพวกเขาจะทำได้ดีกับที่นี่เช่นกัน”

“มันไม่สำคัญหรอกว่า คุณจะถูกซื้อเข้ามา หรือคุณอยู่ที่สโมสรมาก่อนแล้วหรืออะไรก็ตาม คุณต้องต่อสู้เพื่อตำแหน่งของตัวเองอยู่เสมอ และต้องแสดงให้ผู้จัดการทีม และเพื่อนร่วมทีมเห็นว่า ทำไมคุณถึงควรเป็นตัวจริงทุกๆเกม” ฮัดสัน-โอดอย กล่าว

Photo : 90min.com

สุดท้าย ฮัดสัน-โอดอย ยังคงมองโลกในแง่ดีที่การแพร่ระบากของโคโรน่า ไวรัส ทำให้การแข่งขันศึกฟุตบอลยูโร 2020 ต้องเลื่อนออกไป ซึ่งทำให้เขาได้มีเวลาเตรียมตัวมากขึ้นสำหรับการแย่งตำแหน่งตัวจริงในทีมชาติอังกฤษภายใต้การคุมทัพของ แกเร็ธ เซาธ์เกต

“การที่ ยูโร 2020 ถูกเลื่อนออกไปมันช่วยผมได้มาก เพราะเห็นได้ชัดว่าการบาดเจ็บ 2-3 ครั้งที่ผมเจอในปีนี้มันทำให้ผมต้องหยุดพักไป มันไม่ใช่แค่เพียงในสนามเท่านั้น มันเสียเวลานอกสนามไปด้วย เพราะเมื่อหายบาดเจ็บคุณก็ต้องกลับมาเริ่มเรียกความฟิตใหม่อีกครั้ง คุณต้องหยุด และเริ่มใหม่อยู่แบบนี้”

“ดังนั้น เมื่อยูโรครั้งนี้ถูกเลื่อนออกไป มันถือเป็นความช่วยเหลือที่ยิ่งใหญ่สำหรับตัวผมเองในแง่ที่ว่า โอเค คุณมีเวลาอีกทั้งฤดูกาลเพื่อพิสูจน์ตัวเองว่า คุณพร้อมสำหรับศึกยูโร คุณไปที่นั่นได้ และทุกอย่างจะเป็นไปได้ด้วยดี และคุณจะไม่บาดเจ็บอีกแล้ว” ฮัดสัน-โอดอย กล่าวทิ้งท้าย

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวนี้