Home บทความฟุตบอล การเดินเกมเสริมทัพของ “ปีศาจแดง” หลังวิกฤติ “โควิด-19”

การเดินเกมเสริมทัพของ “ปีศาจแดง” หลังวิกฤติ “โควิด-19”

0
การเดินเกมเสริมทัพของ “ปีศาจแดง” หลังวิกฤติ “โควิด-19”

รอบปีที่ผ่านมาโลกของเราถูกไวรัสโคโรน่า หรือชื่อเฉพาะ “โควิด-19” เล่นงานจนง่อยกะรอกไปหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจิตใจ, ร่างกาย หรือระบบการดำเนินชีวิตที่ต้องเปลี่ยนไป…ไม่เว้นแม้แต่วงการ “ฟุตบอล” ที่เป็นหนึ่งในกิจกรรมสันทนาการก็โดนหางเลขไปกับเขาด้วย ต่อให้สโมสรที่แข็งแกร่งทางการเงินขนาดไหนก็ย่อมต้องขาดรายได้ไปพอสมควรในการดำเนินธุรกิจหลายๆ ด้าน อาทิ เช่น ค่าตั๋วเข้าชม, เงินลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดที่มีการเปลี่ยนแปลงกำหนดเวลา (ปัจจุบันก็ยังตกลงกันไม่ลงตัว) และรายได้จากการขายของที่ระลึกบวกกับทัวร์เข้าชมสนาม เป็นต้น ซึ่งที่ยกตัวอย่างมายังไม่ลงรายละเอียดเกี่ยวกับการลงทุนด้านอื่นๆ แะลเงินสนับสนุนจากทางสปอนเซอร์ต่างๆ ที่อาจมีการปรับเปลี่ยนกันหลังบ้านโดยที่แฟนบอลบ้านๆ แบบเราๆ ไม่อาจคาดเดาได้…ผลกระทบดังกล่าวย่อมส่งผลเป็นลูกคลื่นกระทบฝั่งมาถึงตลาดนักเตะรอบนี้อย่างแน่นอน ยิ่งเฉพาะในรายของสโมสรจอมทุ่มอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ทุกปีแฟนบอลต่างคาดหวังว่าต้องมีบิ๊กดีลให้เห็นทุกรอบ แต่จนถึงปัจจุบันแฟนบอลเร้ด อาร์มี่ ก็นั่งรอกันจนเหงือกแห้งเพราะยังไม่มีการขยับตัวที่ชัดเจนสักที

ข้อมูลคร่าวๆ ที่หลายๆ คนทราบกันดีอยู่แล้ว คือ การตัดสินใจเสริมทัพใดๆ นั้นการเคาะผ่านขั้นสุดท้ายขึ้นอยู่กับเจ้าของทีมที่ถือหุ้นใหญ่อย่าง ตระกูลเกลเซอร์ แต่อย่าลืมไปว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีการบริหารแบบมหาชน และอยู่ในตลาดหุ้น ดังนั้นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ๆ ย่อมมีสิทธิ์ออกเสียงในการลงทุนแต่ละรอบว่ามีความคุ้มค่ามากแค่ไหนเช่นกัน? การดำเนินการบริหารแบบนี้มีผลดีในเรื่องของความมั่นคงทางการเงิน เพราะมีการกระจายความเสี่ยงมีผู้ลงทุนหลายรายการตัดสินใจก็มีหลายมุมมอง แต่ขั้นตอนกว่าจะเบิกงบประมาณมาลงทุนก็ย่อมยุ่งยากมากกว่าสโมสรอื่นๆ เทียบกับคู่แข่งอย่าง เชลซี ที่แค่ “เสี่ยหมีโรมัน อบราโมวิช เปิดไฟเขียวเงินก็ถึงมือฝ่ายเสริมทัพนั้นแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว…แล้วการที่มี เอ็ด วู้ดเวิร์ด และ แม็ตต์ จัดจ์ เป็นฝ่ายเดินเรื่องซื้อ-ขายตัวผู้เล่นด้วยแล้วยิ่งทำให้เรื่องยุ่งเหยิงยับเยินไปกันใหญ่ ไม่น่าแปลกใจเลยที่สาวกปีศาจแดงต่างออกมาขับไล่ ลอร์ดเอ็ด อยู่เนืองๆ เนื่องจากการที่เอาคนที่ไม่มีความรู้เรื่องฟุตบอลมาทำหน้าที่นี้มันดูไม่เข้าท่าเข้าทางเอาเสียเลย ดูแค่วีรกรรมล่าสุดที่กว่าจะได้ตัว บรูโน่ แฟร์นานเดส เพลย์เมคเกอร์ชาวโปรตุกีสมาจากอ้อมอกของ สปอร์ติ้ง ลิสบอน ได้สำเร็จก็ลุ้นกันจนแทบจะเป็นนิ่ว แถมสุดท้ายก็ยอมควักกระเป๋าจ่ายเงินตามที่ต้นสังกัดของนักเตะเรียกร้องอยู่ดี แฟนบอลเลยไม่เข้าใจว่า ทำไมต้องแอ็คท่าเป็นผู้ถือไพ่เหนือกว่าอยู่ตลอด? ทั้งที่ตัวเองเป็นรองตามหน้ากระดานแบบเห็นๆ กันอยู่…ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ประธานสโมสรของ ลิสบอน ก็ออกมาให้สัมภาษณ์เย้ยหยันการทำธุรกิจของ ปีศาจแดง เรื่องดีล บรูโน่ ว่าถ้ายอมปิดดีลตั้งแต่ตลาดช่วงซัมเมอร์อาจได้นักเตะในราคาที่ถูกกว่านี้ไม่รู้ตั้งเท่าไหร่?

ก่อนหน้านี้แฟนบอลปีศาจแดงคงหัวเสียกันไปยกใหญ่หลังการเจรจาดึงตัว จาดอน ซานโช่ ปีกดาวรุ่งเนื้อหอมของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ นั้นตกลงเรื่องค่าตัวกันไม่ได้ เนื่องจาก เสือเหลือง ต้องการเงินค่าตัวก้อนโตราว 120 ล้านยูโรแบบไม่แบ่งจ่ายก้อนเดียวจบเป็นสถิติการขายผู้เล่นแพงสุดของสโมสร แต่ทาง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องการจ่ายเป็นก้อนแรกบวกกับโบนัสเพิ่มเติมในภายหลัง และผ่อนจ่ายค่าตัวที่เหลือเป็นงวดๆ ทั้งที่ตอนเปิดการเจรจานั้นดูแนวโน้มได้ตัวสูงมากเพราะนักเตะก็เหมือนใจมาแล้ว ขนาดบ่อนพนันที่ถูกกฏหมายในประเทศอังกฤษบางที่ปิดรับพนันเหมือนการันตีกลายๆ ว่าดีลลุล่วงไปแล้ว…ท้ายที่สุดเงิบกันไปเป็นแถบๆ แต่ขอให้แฟนบอลใจเย็นๆแล้วสังเกตุทิศทางข่าวดีๆ เพราะว่าหลายสื่อยังคงใช้คำว่า “Walk Away” ที่สื่อความหมายถึงการจะไม่เจรจาต่อแต่ “ดีล” ยังไม่ล่มแบบร้อยเปอร์เซนต์ ที่ต้องใช้คำว่า “Falls Through” เหมือนหลายๆ เคสที่เคยเป็นตัวอย่างก่อนหน้านี้แล้วขนาด ฟาบริซิโอ โรมาโน่ เทพข่าวการซื้อ-ขายนักเตะที่มาแรงที่สุดชั่วโมงนี้ยังคงยืนยันว่า ตลาดนักเตะยังไม่ปิดตัวลงทุกอย่างยังคงเป็นไปได้ทั้งนั้น

ตามจริงแล้วตลาดรอบนี้ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เทรนเนอร์จอมยิ้มต้องการเสริมทัพอย่างน้อย 3 ตำแหน่ง คือ ปีกขวา, กองหลังตัวกลาง และ กองกลางสาระพัดประโยชน์ แล้วถ้างบเหลือก็มองถึงตำแหน่งกองหน้าตัวเป้าอีกหนึ่งคน ซึ่งนับจนถึงเวลานี้นักเตะที่คว้าตัวมาร่วมทัพอย่างเป็นทางการจริงๆ นั้นมีแค่นักเตะระดับเยาวชนเท่านั้น…แต่เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาหลายๆ สื่อออกมายืนยันแล้วว่า ปีศาจแดง กำลังรอที่จะเปิดตัว ดอนนี่ ฟาน เดอ เบค มิดฟิลด์ชาวดัตช์จาก อาแจกซ์ อัมสเตอร์ดัม เต็มทีหลังจากนักเตะตรวจร่างกายผ่านเรียบร้อยแล้วด้วยสนนราคาที่ราว 40 ล้านยูโรบวกเงื่อนไขเพิ่มเติม ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงถือว่าทำงานสำเร็จตามเป้าไปแล้ว 1 ใน 3 โดยงบประมาณคงคลังยังคงเหลือให้ใช้แน่ๆ สำหรับทีมระดับนี้ ส่วนตำแหน่งที่กำลังตกเป็นข่าวพ่วงเพิ่มเติมในช่วงหลังหนีไม่พ้นเซนเตอร์แบ็คที่ตกเป็นข่าวกับ เบอร์นัวต์ บาเดียชิว ดาวรุ่งวัย 19 ปีจากโมนาโก ที่ทำผลงานเปิดตัวในฤดูกาลนี้อย่างร้อนแรงด้วยการยิงสองนัดติดในศึกลีกเอิง ฝรั่งเศส แต่รายงานข่าวระบุว่าข้อเสนอราว 25 ล้านปอนด์ครั้งแรกถูกบอกปัดแบบไม่ใยดีเพราะต้นสังกัดไม่มีแผนจะปล่อยนักเตะรายนี้ออกไป อย่างไรก็ตามคำว่า “แต่” ย่อมพ่วงเข้ามาด้วยเสมอในเรื่องของเงินเพราะหลายสื่อบอกตรงกันว่า ถ้าทาง ปีศาจแดง พร้อมจ่ายเงินเว่อร์วังเหมือนสมัยที่คว้าตัว อ็องโตนี่ มาร์กซิอัล มาร่วมทีมแบบงงๆ ทุกอย่างมีสิทธิ์เป็นไปได้ เนื่องจาก บาเดียชิว นั้นเป็นนักเตะที่ตรงสเปคตามที่ ยูไนเต็ด ต้องการทุกอย่างทั้ง มีรูปร่างสูงใหญ่, มีความเร็ว, อายุน้อย และถนัดเท้าซ้าย ด้านชื่อที่มาแรงอีกรายในตำแหน่งเดียวกันก็คือ ดาโยต์ อูปาเมกาโน่ กองหลังตัวกลางของ แอร์เบ ไลป์ซิก ที่เคยตกเป็นเป้าหมายเสริมทัพของหลายทีมยักษ์ใหญ่ในยุโรป ก่อนที่ทางต้นสังกัดเพิ่งจะจับเขาต่อสัญญาออกไปเมื่อช่วงท้ายฤดูกาลเพื่อกันการเสียนักเตะออกไปแบบฟรีๆ ซึ่งหลายๆ สื่อรายงานไปทางเดียวกันว่าการขยายสัญญาออกไปเป็นการยื้อเวลาชั่วคราวเพื่อให้นักเตะอยู่ช่วยทีมไปอีกหนึ่งฤดูกาล แลกกับเงื่อนไขค่าฉีกสัญญาที่ถูกลงในปีหน้าเพื่อเปิดโอกาสให้นักเตะมีโอกาสย้ายทีมง่ายขึ้น

อย่างไรก็ตามเชื่อแน่ๆ ว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะไม่หยุดการเดินหน้าเสริมทัพเอาไว้แค่นี้เพราะความคาดหวังของแฟนบอลนั้นค้ำคออยู่ แถมปีหน้ามีโอกาสกลับไปห้ำหั่นในเวที ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ที่เต็มไปด้วยทีมเขี้ยวๆ ในยุโรปเต็มไปหมด แน่นอนว่าขุมกำลังที่มีอยู่นั้นยังคงไม่ดีพอ…เทียบง่ายๆ จากผลงานในซีซั่นก่อนในช่วงท้ายที่ต้องเข็นตัวหลักลงแทบทุกนัด สาเหตุง่ายๆ ที่ โซลชา ไม่ทำการโรเตชั่นนั้นเป็นเพราะว่าตัวสำรองที่มีอยู่นั้นคุณภาพไม่ได้ใกล้เคียงตัวจริงเลยแม้แต่น้อย ลองมองดูง่ายๆ หากนำ เจสซี่ ลินการ์ด ลงแทน บรูโน่ ความหายนะก็แทบจะเกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนเริ่มเขี่ยบอลแล้ว…อย่างที่รู้ดีว่า ซานโช่ เป็นเป้าหมายอันดับหนึ่งมาแต่ไหนแต่ไร และดีลยังไม่ล่มแบบคุยกันใหม่ไม่ได้เลยอยากให้แฟนบอลปีศาจแดงใจเย็น เพื่อรอดูบทสรุปตอนท้ายเพราะสงครามมันยังไม่จบ แล้วการที่นโยบายการซื้อตัวของทีมเปลี่ยนไปเน้นเฉพาะนักเตะที่สเปคตรงตามความต้องการของผู้จัดการทีมจริงๆ นั้นก็มีข้อดีอยู่ที่ โซลชา รู้ว่าจะนำคนของเขาไปใช้งานแบบไหน และนักเตะคงให้ใจกลับมาเช่นกันว่าเขาเป็นคนที่สโมสรให้ความสำคัญจริงๆ ไม่ใช่ซื้อมากลบกระแสคำด่าจากแฟนบอล…หรือแฟนบอลคนไหนยังใจร้อนลองมองย้อนกลับไปดูบทเรียนในยุคที่มี หลุยส์ ฟาน กัล กุมบังเหียนให้ดีๆ ว่า ลอร์ดเอ็ด จัดหนักจัดเต็มให้ขนาดไหน ราดาเมล ฟัลเกา, อังเคล ดิ มาเรีย, ดาเล่ย์ บลินด์, อันเดร์ เอเรร่า, มาร์กอส โรโฮ และ ลุค ชอว์ ตบเท้าเข้ามาเป็นตับภายในซีซั่นเดียว แล้วดูบทสรุปตอนท้ายเอาเองละกันว่ามันจบลงอย่างย่ำแย่แค่ไหน?

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวนี้