เมื่อวันที่ 3 กันยายนที่ผ่านมา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประกาศคว้าตัว ดอนนี่ ฟาน เดอ เบค กองกลางทีมชาติฮอลแลนด์ จาก อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ในศึกเอริวิซี่ลีก มาร่วมทีมเรียบร้อยแล้ว ด้วยค่าตัว 40 ล้านปอนด์ พร้อมเซ็นสัญญายาว 5 ปี และออฟชั่นขยายไปได้อีก 1 ปี

มันน่าสนใจว่า ฟาน เดอ เบค จะเล่นในบทบาทใดให้กับ “ปีศาจแดง” ซึ่งตลอด 3 ฤดูกาลที่ผ่านมา เขาเป็นแกนหลักในแดนกลางของ อาแจ็กซ์ อย่างแท้จริง และมีส่วนสำคัญช่วยให้ทีมเข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในซีซั่น 2018-2019 มาแล้ว โดยมิดฟิลด์วัย 23 ปี ซัดให้ อาแจ็กซ์ ไปทั้งสิ้น 41 ประตู จากการลงเล่นรวมทุกรายการ 175 เกม

ขณะเดียวกัน แมนฯ ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทัพของ โอเล่ กุนาร์ โซลชา กุนซือชาวนอร์เวย์ มี ปอล ป็อกบา กองกลางทีมชาติฝรั่งเศส กับ บรูโน่ เฟอร์นันเดส มิดฟิลด์ทีมชาติโปรตุเกส เป็นตัวหลักในแดนกลางอยู่แล้ว มันจึงเกิดคำถามตามมาว่า ฟาน เดอ เบค จะเล่นร่วมกับ 2 ดาวเตะ “ปีศาจแดง” ได้หรือไม่

คนที่ติดตามการเล่นของ ฟาน เดอ เบค มาอย่างต่อเนื่องจะรู้ดีว่า เขาเป็นกองกลางที่มีจุดเด่นในการเล่นเกมรุก และสามารถยิงประตู รวมถึงทำแอสซิสต์ได้อยู่บ่อยครั้ง นอกจากนี้ เขายังเป็นมิดฟิลด์ที่ยืนสูงที่สุดในระบบ 4-3-3 ของ อาแจ็กซ์

อย่างไรก็ตาม เมื่อย้ายมายัง แมนฯ ยูไนเต็ด ที่มี ป็อกบา กับ เฟอร์นันเดส ทำหน้าที่ตรงนั้นอยู่แล้ว ฟาน เดอ เบค อาจต้องถอยตัวเองลงมายืนลึกกว่าเดิม หรือถูกจับมาเล่นในบทบาทโฮลด์ดิ้งมิดฟิลด์ที่ เนมานย่า มาติช ห้องเครื่องชาวเซอร์เบียทำหน้าที่

โซลชา ชอบเล่นในระบบ 4-2-3-1 และจากสถิติของ ฟาน เดอ เบค ก็แสดงให้เห็นเช่นกันว่า เจ้าตัวเหมาะสมจะเป็นเพลย์เมคเกอร์หมายเลข 10 แต่มันมีโอกาสน้อยที่เขาจะแย่งตำแหน่งดังกล่าวจาก เฟอร์นันเดส ได้ ดังนั้น สิ่งที่เป็นไปได้คือ เขาอาจถูกจับมายืนคู่กับ ป็อกบา แทนที่ของ มาติช

แน่นอนว่า ฟาน เดอ เบค ไม่ได้ถนัดการเล่นเกมรับเท่ากับ มาติช แต่เขาก็ไม่ได้หลีกเลี่ยงที่จะทำหน้าที่ตรงนั้น โดยฤดูกาลล่าสุดในศึกเอริวิซี่ลีกเขามีค่าเฉลี่ยการเข้าปะทะคู่แข่งอยู่ที่ 2.2 ครั้งต่อ 90 นาที ซึ่งก็ไม่ได้ต่างจาก มาติช ที่มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 2.6 ครั้งต่อ 90 นาที มากนัก

ฟาน เดอ เบค เป็นผู้เล่นที่ทำงานหนัก และมีวิธีการเล่นเกมรับชาญฉลาดทั้งในตอนที่มี และไม่มีบอลและความสามารถในการผ่านบอลของเขานั้น จะช่วย แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ประโยชน์อย่างแน่นอนหากเจ้าตัวถูกใช้งานในตำแหน่งที่เหมาะสม

ฟาน เดอ เบค ถนัดกับสไตล์การเล่นต่อบอลจากแดนตัวเองขึ้นมา ซึ่งในลีกฤดูกาลที่แล้ว อาแจ็กซ์ มีค่าเฉลี่ยครองบอลต่อเกมถึง 60 เปอร์เซ็นต์ และ ดาวเตะดัตช์ ก็แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ที่ยอดเยี่ยมในการหาช่องว่างเพื่อรับบอลจากการถูกกดดัน และการผ่านบอลจากแนวลึกที่เฉียบคม

บางที โซลชา อาจเลือกให้ แมนฯ ยูไนเต็ด มีเกมรับที่แน่นอนไว้ก่อนโดยการให้ มาติช ยืนตัดเกมอยู่หน้าแผงหลังตามเดิม แต่มันก็มีโอกาสที่เขาจะปรับกองกลางเป็นแบบไดมอนด์ และให้ทั้ง 4 คน เล่นร่วมกันด้วยการให้ มาติช ยืนห้อยต่ำ ป็อกบา กับ ฟาน เดอ เบค ขนาบข้าง และ เฟอร์นันเดส เป็นเพลย์เมคเกอร์

หาก โซลชา ตัดสินใจใช้กองกลางแบบไดมอนด์ มันก็ทำให้เขาต้องเสียโควตาผู้เล่นในแนวรุกไป 1 ราย แต่มันก็น่าสนใจเช่นกันเพราะ ป็อกบา เคยโชว์ฟอร์มได้ดีที่สุดในตำแหน่งมิดฟิลด์ฝั่งซ้าย ในขณะที่ ฟาน เดอ เบค ก็โดดเด่นกับ อาแจ็กซ์ ในบทบาทกองกลางฝั่งขวา และนั่นจะทำให้ แฟร์นันด์ส สร้างสรรค์เกมรุกได้เต็มที่

การมี มาติช ยืนห้อยต่ำ จะทำให้ ป็อกบา กับ ฟาน เดอ เบค ขับเคลื่อนเกมในฐานะกองกลาง บ็อกซ์ ทู บ็อกซ์ ได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องกังวลเกมรับ ส่วน เฟอร์นันเดส ก็จะขยับขึ้นสูงไปช่วยแนวรุกได้ และการมีกองหน้าที่สลับกันไปเล่นริมเส้นได้อย่าง มาร์คัส แรชฟอร์ด และ อองโตนี่ มาร์กซิยาล ก็ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด มีทางเลือกที่หลากหลายมากขึ้นกว่าเดิม

อย่างไรก็ตาม ฟาน เดอ เบค อาจไม่ได้เข้ามาเป็นตัวหลักในทันที แต่สิ่งที่เขาจะมอบให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด คือ คุณภาพของขุมกำลังเชิงลึก ซึ่งพลพรรค “ปีศาจแดง” ขาดหายไปหลายปีแล้ว และพวกเขาจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเสริมความแข็งแกร่ง

การตกรอบในฟุตบอลถ้วยเอฟเอ คัพ และศึกยูโรป้า ลีก ของ แมนฯ ยูไนเต็ด เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา  โซลชา โดนวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่า ยึดมั่นกับตัวผู้เล่นเดิมที่กรำศึกหนักมาตลอดทั้งปีโดยที่ไม่มีการหมุนเวียนนักเตะเพื่อความสด และ โค้ชชาวนอร์เวย์ ก็รู้ดีว่า ตัวสำรองของเขาคุณภาพยังห่างกับตัวจริงพอสมควร

แมนฯ ยูไนเต็ด ยังคงต้องเสริมทีมเพื่ออีกโดยเฉพาะอย่างยิ่งในแดนหลัง และแดนหน้า แต่การมาของ ฟาน เดอ เบค ก็ทำให้มั่นใจได้ว่า แดนกลางของพวกเขาจะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไปแล้ว และนอกจากจะเข้ามาแย่งตำแหน่งกับผู้เล่นคนอื่นๆแล้ว แข้งชาวดัตช์ ยังช่วยกระตุ้นให้นักเตะอย่าง เฟร็ด, สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ และ อันเดรียส เปเรย์รา ต้องเร่งพัฒนาฟอร์มขึ้นด้วย 

ในความเป็นจริง ฟาน เดอ เบค สามารถเล่นได้ทุกตำแหน่งในแดนกลาง และคุณภาพของเขานั้น ยังสามารถทดแทนการขาดหายไปของ ป็อกบา และ เฟอร์นันเดส ได้ รวมถึงยังทำให้ “ปีศาจแดง” มีมิติการเล่นที่หลากหลายมากขึ้น

ฟาน เดอ เบค อาจยังไม่สามารถสร้างผลกระทบให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ทันทีทันใด แต่เขาก็เป็นนักเตะที่พร้อมสร้างความแตกต่างเมื่อได้รับโอกาสลงสนาม ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ โซลชา และแฟนบอล “ปีศาจแดง” ตามหามาตลอดหลายปีที่ผ่านมา