ไค ฮาเวิร์ตซ์ กองกลางทีมชาติเยอรมัน ย้ายจาก ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น สโมสรดังในศึกบุนเดสลีกา มาร่วมทีม เชลซี ในศึกพรีเมียร์ลีก เป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 5 ก.ย.ที่ผ่านมาด้วยค่าตัวมหาศาลถึง 71 ล้านปอนด์ พร้อมกับทำสถิติเป็นนักเตะค่าตัวแพงที่สุดลำดับที่ 2 ของ “สิงโตน้ำเงินคราม” และนับเป็นแข้งใหม่รายที่ 7 ที่ตบเท้าเข้าสู่ถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ ในช่วงซัมเมอร์นี้

ฮาเวิร์ตซ์ ได้รับการเปรียบเทียบว่า มีสไตล์การเล่นคล้ายคลึงกับ มิชาเอล บัลลัค อดีตมิดฟิลด์ทีมชาติเยอรมัน ของ เชลซี นอกจากนี้ ทั้งคู่ยังโด่งดังมากับ เลเวอร์คูเซ่น เหมือนกันอีกด้วย และแฟน “สิงห์บลู” ต่างก็คาดหวังว่า ดาวเตะวัย 21 ปี จะเข้ามาช่วยยกระดับให้พวกเขากลายเป็นทีมลุ้นแชมป์อย่างเต็มตัว

ไค ฮาเวิร์ตซ์ คือใคร?

ฮาเวิร์ตซ์ เกิดเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน ปี 1999 และได้รับการยกย่องว่า เป็นนักเตะดาวรุ่งที่มีพรสวรรค์มากที่สุดในเยอรมัน เขาประเดิมสนามให้กับทีมชุดใหญ่ของ เลเวอร์คูเซ่น เป็นเกมแรกในซีซั่น 2016-2017 ด้วยวัยเพียง 17 ปีเท่านั้นฮาเวิร์ตซ์ เป็นผู้เล่นที่มีส่วนสูงถึง 6 ฟุต 2 นิ้ว มีทักษะ และเทคนิคยอดเยี่ยมในบทบาทจอมทัพหมายเลข 10 นอกจากนี้ เขายังสามารถเล่นได้ทุกตำแหน่งในแดนกลางด้วยเช่นเดียวกัน

ในช่วงที่เล่นให้กับ เลเวอร์คูเซ่น ฮาเวิร์ตซ์ มักจะได้รับบทบาทเพลย์เมคเกอร์สร้างสรรค์เกม แต่บางครั้งเขาก็ขยับไปเล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวกลาง, ปีกขวา และบางทีขยับขึ้นสูงไปเป็นกองหน้า ในขณะที่ โจอาคิม เลิฟ เทรนเนอร์ทีมชาติเยอรมัน มักใช้งานเขาในบทบาทกองกลางตัวต่ำ

แฟนบอลเยอรมันมองว่า ฮาเวิร์ตซ์ เป็น บัลลัค คนใหม่ของพวกเขา ไม่เพียงแต่ลักษณะทางร่างกายที่สูงใหญ่หมือนกันเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ด้วยวิสัยทัศน์, การจ่ายบอลที่เฉียบขาด และการสอดขึ้นไปทำประตูได้อยู่บ่อยครั้ง มันก็ทำให้อดที่จะเปรียบเทียบไม่ได้

ฮาเวิร์ตซ์ เป็นเพลย์เมคเกอร์ยุคใหม่ที่ผสมผสานกันระหว่างทักษะ และวิสัยทัศน์ เขาสามารถเอาตัวรอดจากสถานการณ์ที่ถูกกดดันได้อย่างสบาย โดยอดีตมิดฟิลด์ “ห้างขายยา” ไม่ใช่คนที่เล่นบอลมากจังหวะพร่ำเพื่อ และเจ้าตัวน่าจะพัฒนาขึ้นอีกภายใต้การทำงานร่วมกับ แฟรงค์ แลมพาร์ด ผู้จัดการทีม เชลซี

ฮาเวิร์ตซ์ ไม่ชอบแสงสี เขาเป็นคนที่ค่อนข้างเก็บตัว และทำงานหนักตามแบบฉบับผู้เล่นชาวเยอรมัน ซึ่งเจ้าตัวมักจะปล่อยให้ผลงานในสนามพูดแทนตัวเอง

ไค ฮาเวิร์ตซ์ มีความเป็นมาอย่างไร ?

ฮาเวิร์ตซ์ เติบโตในครอบครัวที่มีคุณพ่อเป็นตำรวจ และคุณแม่เป็นทนายความ โดยครอบครัวของเขาอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆชื่อ มาเรียดอร์ฟ ทางตอนเหนือของ อาเค่น จากนั้น เจ้าตัวก็เริ่มเล่นฟุตบอลกับ อเลมานเนีย อาเค่น ทีมระดับท้องถิ่น

เมื่ออายุ 10 ขวบ ฝีเท้าของ ฮาเวิร์ตซ์ ไปเตะตาแมวมองของ เลเวอร์คูเซ่น และในที่สุดเขาก็ได้ย้ายไปยังทีมเยาวชน “ห้างขายยา” ในเวลาต่อมา โดยตอนนั้น ฮาเวิร์ตซ์ ต้องเดินทางจากบ้านใน อาเค่น ไปฝึกซ้อมกับ เลเวอร์คูเซ่น สัปดาห์ละหลายครั้ง จนกระทั่งอายุ 17 ปี เขาก็ย้ายไปอาศัยอยู่กับ เคล้าส์ เชนค์แมน โฆษกสนามของสโมสร 

ขณะเดียวกัน เจอร์เกน เกลสดอร์ฟ อดีตโค้ชทีมเยาชนของ เลเวอร์คูเซ่น เล่าว่า “ไค โชคดีมาก เขามาจากครอบครัวที่ดี คุณพ่อ คุณแม่ของเขาเป็นคนติดดินมาก”

ฮาเวิร์ตซ์ เกือบจะยุติการเรียนไว้ที่ระดับ A-Levels แล้ว เนื่องจาก ตอนนั้นเขากำลังเป็นผู้เล่นสำคัญในทีมชุดแรกของ เลเวอร์คูเซ่น ซึ่งมีภารกิจลงเล่นหลายรายการทั้งในศึกบุนเดสลีกา, บอลถ้วยในประเทศ และฟุตบอลยุโรป

ฮาเวิร์ตซ์ เคยให้สัมภาษณ์ว่า “ผมไม่สามารถไปโรงเรียนในตอนเช้าได้ เพราะเรากำลังฝึกซ้อม ผมต้องไปติดตามการเรียนในช่วงบ่าย และในบางครั้ง ผมไม่สามารถทำได้ เพราะพลังงานของผมมันหมดไปแล้ว ผมอยากจะยอมแพ้”

 อย่างไรก็ตาม โรเจอร์ ชมิดท์ อดีตกุนซือ เลเวอร์คูเซ่น เป็นคนบอกให้ ฮาเวิร์ตซ์ สู้ต่อไป และในที่สุดเจ้าตัวก็เรียนจบ ซึ่งในขณะที่เพื่อนร่วมชั้นของเขาไปเที่ยวที่ทะเลสาบการ์ดาในประเทศอิตาลีนั้น ฮาเวิร์ตซ์ ได้ประเดิมสนามในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กับ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ที่สนามเวมบลีย์ ต่อหน้าผู้ชม 85,000 คน

ไค ฮาเวิร์ตซ์ จะเล่นตรงไหนให้กับ เชลซี?

ฮาเวิร์ตซ์ สามารถเล่นได้หลายตำแหน่งในแดนกลาง แต่บทบาทที่ทำได้ดีที่สุดของเขาคือ เพลย์เมคเกอร์หมายเลข 10 ในระบบ 4-2-3-1 แต่เขาก็สามารถยืนเป็นมิดฟิลด์หมายเลข 8 ในระบบ 4-3-3 ได้เช่นกัน

เชลซี ชุดปัจจุบันมีตัวริมเส้นฝีเท้าดีหลายราย และการที่พวกเขาเซ็นสัญญากับ ติโม แวรเนอร์ หัวหอกทีมชาติเยอรมัน มาจาก แอร์เบ ไลป์ซิก มันก็ทำให้ ฮาเวิร์ตซ์ จะได้เล่นในบทบาทที่ถนัดที่สุดคือ ยืนสร้างสรรค์เกมหลังกองหน้าตัวเป้า

ฮาเวิร์ตซ์ สามารถเล่นในแนวรุกร่วมกับปีกอย่าง ฮาคิม ซิเยค และ คริสเตียน พูลิซิช ได้อย่างสบาย ซึ่งความแข็งแกร่ง และวิสัยทัศน์ของ ดาวเตะชาวเยอรมัน จะสร้างประโยชน์อย่างมหาศาล และเพิ่มมิติให้กับ เชลซี ได้แน่นอน

อย่างไรก็ตาม ฮาเวิร์ตซ์ ต้องใช้เวลาปรับตัวกับฟุตบอลพรีเมียร์ลีกสักพัก หลังค้าแข้งในบ้านเกิดมานานหลายปี แต่ด้วยคุณภาพของเขานั้น การก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักของ เชลซี มันก็คงไม่ยากเกินไป