Home บทความฟุตบอล เมื่อ ดอร์ทมุนด์ เผชิญวิกฤต

เมื่อ ดอร์ทมุนด์ เผชิญวิกฤต

0
เมื่อ ดอร์ทมุนด์ เผชิญวิกฤต

โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกบุนเดสลีกา เยอรมัน ต้องเจอกับมาจุดตกต่ำที่สุดแล้วในฤดูกาลนี้หลังจากปลด ลูเซียน ฟาร์ฟ เทรนเนอร์ชาวสวิตเซอร์แลนด์ ออกจากตำแหน่งหลังเกมพ่าย สตุ๊ตการ์ท คาบ้าน 1-5 เมื่อวันที่ 12 ธันวาคมที่ผ่านมา

ปัจจุบัน ดอร์ทมุนด์ รั้งอันดับ 4 ในตารางคะแนน และจากนี้ไป “เสือเหลือง” ต้องหากุนซือคนใหม่ที่เหมาะสมมาแทนที่ ฟาร์ฟ ซึ่งเข้ามากุมบังเหียนตั้งแต่ซัมเมอร์ปี 2018 ก่อนจะโดนตะเพิดหลังจากพาทีมทำผลงานได้อย่างย่ำแย่ในปีนี้  

ในช่วงที่ผ่านมา ดอร์ทมุนด์ กลายเป็นหนึ่งในสโมสรจอมปั้นแห่งวงการฟุตบอลเลยก็ว่าได้ โดยที่พวกมีนักเตะดาวรุ่งพรสวรรค์มากมายในทีม และยังมีโอกาสไปเล่นในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แทบทุกปี แต่ตอนนี้สถานการณ์ของ “เสือเหลือง” สุ่มเสี่ยงอย่างยิ่ง

Photo : bvbwatch.com

ณ เวลานี้ ดอร์ทมุนด์ แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการแต่งตั้งสตาฟฟ์โค้ช 3 คนประกอบไปด้วย เอดิน เทอร์ซิช ผู้ช่วยกุนซือ, เซบาสเตียน เกปเพิร์ต และ อ็อตโต้ แอดโด้ 2 โค้ชจากทีมเยาวชนให้ช่วยมาคุมทีมชุดใหญ่ โดยที่ เทอร์ซิช รับบทเทรนเนอร์ขัดตาทัพ

เทอร์ซิช, เกปเพิร์ต และ แอดโด้ จะต้องทำงานร่วมกันไปจนกว่า ดอร์ทมุนด์ จะหากุนซือที่เหมาะสมมาแทน ฟาร์ฟ ได้ ซึ่งทางบอร์ดบริหาร “เสือเหลือง” ก็ประกาศยืนยันแล้วว่า ทั้ง 3 คน จะต้องทำงานไปจนจบฤดูกาลนี้

ขณะเดียวกัน มาร์โก โรส เทรนเนอร์ โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค ก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกลำดับแรกๆที่ ดอร์ทมุนด์ ให้ความสนใจ รวมไปถึง เจสซี่ มาร์ช ผู้จัดการทีมชาวอเมริกันของ เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก ในลีกออสเตรีย ด้วยเช่นเดียวกัน

Photo : en.as.com

วิกฤต และความไม่แน่นอนในตำแหน่งผู้จัดการทีม ดอร์ทมุนด์ นั้น อาจทำให้พวกเขาต้องเสียสตาร์ดังอย่าง จาดอน ซานโช่ มิดฟิลด์ตัวรุกทีมชาติอังกฤษ, โจวานนี่ เรย์น่า กองกลางทีมชาติสหรัฐอเมริกา และ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ กองหน้าทีมชาตินอร์เวย์ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

สำหรับ ซานโช่ ตกเป็นข่าวเชื่อมโยงกับสโมสรยักษ์ใหญ่ทั่วยุโรปแทบทุกซัมเมอร์เลยก็ว่าได้ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จากพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่ติดตามสถานการณ์ณ์ของเขาอย่างใกล้ชิดซึ่ง “ปีศาจแดง” อาจเดินเรื่องคว้าตัว ดาวเตะวัย 19 ปี ไปเสริมทัพในซัมเมอร์หน้า

ขณะที่ เรย์น่า และ ฮาแลนด์ อาจจะยังอยู่ในถิ่นซิกแนล อิดูน่า ปาร์ค ต่อไป แต่ก็ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่า ทั้งคู่จะยังมุ่งมั่นกับ ดอร์ทมุนด์ เหมือนเดิมหากพลพรรค “เสือเหลือง” ไม่สามารถคว้าตั๋วไปเล่นในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่นหน้าได้

Photo : onefootball.com

สิ่งที่ทำให้ ฟาร์ฟ ล้มเหลวกับ ดอร์ทมุนด์ ก็คือการที่เขาไม่สามารถทำให้ “เสือเหลือง” กลายเป็นทีมที่โดดเด่นได้แม้จะมีนักเตะมากพรสวรรค์ล้นทีมก็ตาม โดย ฟาฟร์ ถูกวิจารณ์อย่างหนักว่า ทำทีมมีสไตล์การเล่นน่าเบื่อ ซึ่งไม่สอดคล้องกับความต้องการของแฟนบอล

หลังจากถูก สตุ๊ตการ์ท ไล่ถล่มคาบ้าน 1-5 เมื่อวันที่ 12 ธันวาคมที่ผ่านมา นักเตะหลักของ ดอร์ทมุนด์ บางคน อาทิ มัทส์ ฮุมเมลส์ ปราการหลังทีมชาติเยอรมันก็เริ่มตั้งคำถามต่อสาธารณชนเกี่ยวกับแท็คติคของ ฟาร์ฟ

ฮุมเมลส์ กล่าวว่า “น่าเสียดายที่เราไม่กล้าเสี่ยงมากกว่านี้ ซึ่งทำให้เราไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ” โดยกองหลังวัย 31 ปี พยายามชี้ให้เห็นว่า ดอร์ทมุนด์ มักเก็บบอลไว้ในแนวรับมากเกินไป และไม่รู้ว่า ขึ้นเกมรุกอย่างไร ซึ่งมันเหมือนเป็นการเชื้อเชิญให้คู่แข่งไล่บี้พวกกเขา

แน่นอนว่า กุนซือคนใหม่ที่เข้ามาทำงานต่อ ฟาร์ฟ ต้องแก้ไขเรื่องแท็คติคก่อนเป็นอันดับแรก และทำให้ ดอร์ทมุนด์ กลายเป็นทีมที่เล่นด้วยความเร้าใจมากยิ่งขึ้นตามที่ ฮุมเมลส์ อธิบายไว้ว่า โค้ชคนใหม่ต้องนำพลังงานที่แตกต่างมาสู่ “เสือเหลือง”

Photo : 90min.com

ดอร์ทมุนด์ และ ฟาร์ฟ ไม่ได้เป็นตัวเลือกในฝันของกันและกัน เนื่องจากบุคลิก และสไตล์ทางเทคนิคที่ค่อนข้างเน้นเกมรับของเทรนเนอร์วัย 63 ปี นั้น ทำให้ “เสือเหลือง” กลายเป็นทีมน่าเบื่อไปโดยปริยาย และไม่มีความสามารถที่จะเกิดมาต่อกรกับ บาเยิร์น มิวนิค ได้เหมือนยุคก่อน

นักเตะอายุน้อย ดอร์ทมุนด์ ต้องการคนที่จะเข้ามาเติมไฟให้กับพวกเขา ซึ่งคนๆนั้น ต้องสามารถกระตุ้น, สร้างความกระตือรือร้น และต้องมีวินัยอย่างสูงเพื่อพา “เสือเหลือง” กลับไปเป็นทีมระดับแนวหน้าของเยอรมัน และวงการลูกหนังยุโรปอีกครั้ง

เจอร์เก้น คล็อปป์ อดีตกุนซือ ดอร์ทมุนด์ เก่งในเรื่องแท็คติค และยังนำพลังเชิงบวกมาสู่ทีมได้ด้วย ถึงแม้ว่า คล็อปป์ เป็นโค้ชที่ยากจะลอกเลียนแบบ แต่ “เสือเหลือง” ก็ต้องหาคนที่มีลักษณะ และแนวคิดที่ใกล้เคียงกันมาคุมทีม ซึ่งหากไม่เป็นเช่นนั้น พวกเขาอาจต้องเผชิญวิกฤตต่อไปก็เป็นได้

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวนี้