บทวิเคราะห์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เกมนัดที่ 19 ของฤดูกาล คู่น่าดูของโปรแกรมกลางสัปดาห์ เป็นการปะทะแข้งกันระหว่าง “สุนัขจิ้งจอก” เลสเตอร์ ซิตี้ ทีมรองจ่าฝูง เตรียมเปิดรังเหย้า คิง พาวเวอร์ สเตเดี้ยม ต้อนรับการมาเยือนของทีมยักษ์ใหญ่ฟอร์มตก “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี โดยทั้งสองทีมจะลงสนามวัดฝีเท้ากันในช่วงดึกสุดของคืนวันอังคารที่ 19 มกราคม เวลา 03.15 น. หรือเข้าสู่ช่วงเช้ามืดของวันพุธที่ 20 มกราคม ที่เมืองเลสเตอร์ ประเทศอังกฤษ

ฝั่งเจ้าบ้าน “สุนัขจิ้งจอก” เลสเตอร์ ซิตี้ ภายใต้การนำทัพของกุนซือตาหวาน เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ยังคงเป็นทีมที่รักษามาตรฐานของเล่นของทีมไว้ได้อย่างดีเยี่ยม อันดับบนตารางของทีมแทบจะไม่มีคำว่าแกว่งได้เห็นขึ้นมาอยู่ในโซนหัวตารางของลีกจนชินตา ถือเป็นอีกหนึ่งทีมม้ามืดที่พร้อมจะขึ้นไปยึดตำแหน่งจ่าฝูงของลีกได้ตลอดเวลา โดยฟอร์มการเล่นของทัพสุนัยจิ้งจอกกำลังสดจี๋ไม่แพ้ใครมาเลยตลอดการลงสนาม 6 เกมหลังสุดในทุกรายการ เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาก็เปิดบ้านไล่ทุบ “นักบุญ” เซาแธมป์ตัน ได้แบบไม่ยากเย็นนัก 2-0 จาก 3 คะแนนเต็มในเกมล่าสุด ทำให้อันดับบนตารางคะแนนของพวกเขาขยับขึ้นมารั้งตำแหน่งรองจ่าฝูงของลีกได้ทีนที นอกจากฟอร์มการเล่นของทีมที่ดูดีมีชาติตระกูลแล้ว ด้านสภาพความพร้อมของบรรดารผู้เล่นภายในทีมก็อยู่ในสถานการ์ที่ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน เมื่อบรรดาแข้งตัวหลักของทีมทุกคนต่างพร้อมใจกันหายจากอาการบาดเจ็บสามารถลงสนามช่วยทีมได้ทั้งหมด ทำให้เกมนี้เจ้าสุนัขจิ้งจอกจะลงสนามด้วยตัวผู้เล่นชุดที่ดีที่สุดของพวกเขาได้อย่างแน่นอน

ด้านผู้มาเยือน “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี ของกุนซือหนุ่ม แฟร้งค์ แลมพาร์ด กำลังเจอกับมรสุมอย่างหนัก ด้วยตัวเลขที่ทุ่มเงินไปมหาศาลในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาทำให้หลายฝ่ายต่างคาดหวังในผลงานของทีมที่ดีถึงขนาดเป็นอีกทีมที่มีลุ้นถ้วยแชมป์ในฤดูกาลนี้ แต่ ณ เวลานี้เห็นได้ชัดว่าทีมกำลังสูญเสียความมั่นใจกันไปอย่างแรง แนวรุกที่เต็มไปด้วยแข้งชื่อดังเล่นกันอย่างมั่วซั้วไร้รูปแบบในการเข้าทำ แถมจังหวะในการจบสกอร์ยังยิงทิ้งยิงขว้าง ส่งผลให้ผลงานในลีก 6 เกมหลังถือว่าทำเอาไว้ได้อย่างน่าผิดหวังเก็บชัยได้ 2 เกม เสมอ 1 เกม และแพ้ไปถึง 3 เกม โดยในเกมล่าสุดลงทำศึกกับทีมร่วมเมืองลอนดอนกับที่น้องใหม่ “เจ้าสัวน้อย” ฟูแล่ม ที่อยู่ในโซนท้ายตาราง แต่ทำได้แค่บุกไปเอาชนะได้หวุดหวิด 1-0 เท่านั้น ทั้งๆ ที่คู่แข่งเหลือผู้เล่น 10 คนตั้งแต่ครึ่งเวลาแรก ทำให้ทีมยังไม่พ้นจากการโดนวิจารณ์อย่างหนักด้วยรูปเกมที่ไม่ได้เหนือกว่าคู่แข่งเลยแม้แต่น้อย ด้านสถานการณ์ของ เชลซี บนตารางคะแนนเวลานี้รั้งอยู่อันดับที่ 7 ของตารางคะแนนลงสนามไป 18 เกม เก็บมาได้ 29 คะแนน เริ่มเห็นภาพชัดว่าโดนทีมในโซนหัวตารางขยับทำแต้มหนีห่างออกไปเรื่อยๆ ส่วนในเรื่องสภาพความพร้อมล่าสุดของทีมเป็นเรื่องดีๆ ที่พอจะมีอยู่บ้าง เมื่อยังไม่มีรายงานว่าผู้เล่นตัวหลักคนใดลงสนามในเกมนี้ไม่ได้ ดังนั้นผู้มาเยือนก็พร้อมรบเต็มสูบเช่นกันในเกมนี้

วิเคราะห์ก่อนเกม การพ่ายแพ้ อาร์เซน่อล เพียงแค่เกมเดียวส่งผลให้ทีม เชลซี ออกอาการเมาหมัดมาจนถึงเวลานี้ เกมรับที่เคยได้ชื่อว่าแข็งแกร่งหลังได้ 3 ผู้เล่นใหม่เข้ามากลับมีเสียวโดนถลุงประตูทุกเกม อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่าผิดหวังที่สุด ณ เวลานี้ของทัพสิงห์บลูส์คงหนีไม่พ้นการเล่นเกมรุกที่ไร้ทรงบอลอย่างชัดเจน ทั้งๆ ที่มีผู้เล่นที่โดดเด่นด้านความเร็ว แต่ทีมกลับเข้าทำด้วยการตะบี้ตะบันเปิดคลอสบอลเข้าไปโหม่งส่งผลให้บรรดาแนวรุกโดนลดประสิทธิภาพลงไป จนทำให้ ติโม แวร์เนอร์ ดาวยิงที่เป็นความหวังใหม่ถึงกับหมดความมั่นใจ การทำประตูในลีกไม่ได้มาเป็นเวลา 10 เกมติดต่อกันเป็นเครื่องหมายยืนยันได้อย่างชัดเจน นอกจากนั้นแดนกลางก็ยังขาดความดุดัน และการสร้างสรรค์เกมอย่างสิ้นเชิงทำได้แค่แปะบอลไปมาเท่านั้น จะเห็นได้ว่าปัญหาของผู้มาเยือนเวลานี้มีอยู่รอบด้านให้กุนซือ แลมพาร์ด ต้องแก้ไข ด้าน เลสเตอร์ เจ้าบ้าน ฟอร์มการเล่นต่างกับผู้มาเยือนคนละด้านก็ว่าได้ ทีมกำลังมั่นใจแนวรุกได้ผู้เล่นตัวเก่งกลับมาลงสนามกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ด้วยระบบของทีมที่ดีอยู่แล้วทำให้กลับมาคว้าชัยได้อย่างต่อเนื่องอีกครั้ง สิ่งที่ดูกรอปลงไปดูเหมือนจะเป็นแนวรับที่เสียประตูบ่อยขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามทีมก็กำลังอยู่ในช่วงมั่นใจ หากวัดกันที่ชื่อชั้นของผู้เล่นและสโมสร ฝั่งผู้มาเยือนยังดูดีกว่าแน่นอน แต่ด้วยฟอร์มการเล่นและระบบการเล่นที่ลงตัวกว่ายังเชื่อไม่ลงว่าทัพสุนัขจิ้งจอกจะแพ้ในเกมนี้ จึงคิดว่าเจ้าบ้านมีโอกาสสูงที่จะมีซักคะแนนติดไม้ติดมือ ยิ่งไปกว่านั้นการมองไปถึงชัยชนะก็ถือว่ามีโอกาสเกิดขึ้นได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม

เลสเตอร์ ซิตี้ (4-2-3-1) : แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล (GK) – เจมส์ จัสติน, เวสลี่ย์ โฟฟาน่า, จอนนี่ อีแวนส์, ทีโมธี กาสตานเญ่ – วิลเฟร็ด เอ็นดิดี้, ยูริ ตีเลอม็องส์ – มาร์ค อัลไบรท์ตัน, เจมส์ แมดดิสัน, ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ – เจมี่ วาร์ดี้

เชลซี (4-3-3) : เอดูอาร์ด เมนดี้ (GK) – รีซ เจมส์, อันโตนิโอ รูดิเกอร์, ติอาโก้ ซิลวา, เบน ชิลเวลล์ – มาเตโอ โควาซิช, จอร์จินโญ่, เมสัน เมาท์ – ฮาคิม ซิเยค, โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์, คริสเตียน พูลิซิช

ผลสกอร์ที่คาด : เลสเตอร์ ซิตี้ 2 – 1 เชลซี