บทวิเคราะห์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2020/21 โปรแกรมการแข่งขันสัปดาห์ที่ 25 เป็นศึก เมอร์ซี่ไซด์ ดาร์บี้ ครั้งที่สองของซีซั่นนี้ โดยเกมนี้ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล จะรับบทเจ้าภาพเปิดรังเหย้ารับการมาเยือนของอริร่วมเมือง “ท๊อฟฟี่สีน้ำเงิน” เอฟเวอร์ตัน ซึ่งทั้งสองทีมจะลงสนามวัดแข้งกันในช่วงกลางดึกของคืนวันเสาร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ เวลา 00.30 น. หรือเข้าสู่วันอาทิตย์ที่ 21 กุมภาพันธ์ ตามเวลาประเทศไทย ที่สนาม แอนฟิลด์ เมืองลิเวอร์พูล ประเทศอังกฤษ

“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ลูกทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ กลับมาจากฝันร้ายได้ในเกมยุโรปนัดล่าสุดที่บุกไปเอาชนะ “เดอะ เร้ดบูลส์” แอร์แบ ไลป์ซิก ทีมแกร่งจากบุนเดสลีกา เยอรมัน ได้ที่สนามกลาง 2-0 กุมความได้เปรียบมหาศาลเอาไว้ได้ ก่อนจะกลับมาเป็นเจ้าบ้านในเกมเลกที่สอง โอกาสที่จะได้ไปต่อในถ้วยสุดท้ายที่ทีมพอจะมีความหวังอยู่ค่อนข้างสดใส แต่เมื่อไปดูที่สถิติในลีกทีมเก่าทีมนี้อาการหนักเหลือเกินต้องเจอกับความพ่ายแพ้มาติดๆ กัน 3 เกมเข้าไปแล้ว นัดหลังสุดที่ลงสนามในลีกขึ้นนำคูาแข่งได้ก่อนแท้ๆ แต่กลับมาโดนรัวกระหน่ำแซงพ่ายเละต่อ “จิ้งจอกสีน้ำเงิน” เลสเตอร์ ซิตี้ 1-3 ซึ่งการที่แต้มหยุดนิ่งอยู่ 3 เกมส่งผลให้ทัพหงส์แดงโดนถีบออกจากวงโคจรหัวตารางมารั้งอยู่ที่ 6 ของลีกในเวลานี้ ไปที่เรื่องสภาพความพร้อมล่าสุดของนักเตะยังคงไม่มีอะไรคืบหน้า เพราะแข้งที่บาดเจ็บอยู่ก่อนหน้านี้อย่าง เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค, โจ โกเมซ, โจเอล มาติป, ฟาบินโญ่, นาบี เกอิต้า, เจมส์ มิลเนอร์ และ ดิโอโก้ โชต้า ยังไม่พร้อมลงสนามช่วยทีมในศึกดาร์บี้แมตช์ครั้งนี้อย่างแน่นอน ทำให้เชื่อว่าเกมนี้นายใหญ่ชาวเยอรมันจะส่งผู้เล่นชุดเดิมจากเกมเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมาลงสนามอีกครั้ง

ด้านผู้มาเยือนบ้านใกล้เรือนเคียง “ท๊อฟฟี่สีน้ำเงิน” เอฟเวอร์ตัน ลูกทีมของ “อันเช่” คาร์โล อันเชล็อตติ ทรงบอลของทีมก็เริ่มน่าเป็นห่วงอย่างมากในช่วงหลังที่เก็บชัยชนะได้เพียงแค่เกมเดียวเท่านั้นจาก 6 เกมล่าสุดที่ลงสนามในลีก โดยเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมาลงเล่นเกมนัดตกค้างที่เหลืออยู่เจอกับทีมจ่าฝูง  “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แพ้ไปตามสภาพ 1-3 ซึ่งไม่ได้เป็นผลการแข่งขันที่เกินคาดนัก แต่ปัญหาของทีมเห็นได้ชัดเจนจากเกมก่อนหน้าที่เปิดบ้านแพ้ให้กับทีมในโซนท้ายตาราง ฟูแล่ม แบบหมดรูป 0-2 ทำให้เกมการแข่งขันนัดตกค้างที่เป็นจุดได้เปรียบของทีมไม่ได้เอามาใช้โกยคะแนนอย่างที่คิดเอาไว้ ทีมยังคงหยุดอยู่ที่ 37 คะแนนจากการลงสนามไป 23 เกม รั้งอยู่โซนกลางตารางครึ่งบนอันดับที่ 7 ของลีก ทางด้านสภาพความพร้อมล่าสุดของผู้มาเยือนมีรายงานให้สาวกได้เฮกันบ้างเมื่อ โดมินิค คาลเวิร์ต-เลวิน ดาวยิงตัวเก่งของทีมมีโอกาสสูงที่จะกลับมาลงสนามช่วยทีมได้ทันเวลา ส่งผลให้รายชื่อนักเตะที่ไม่พร้อมของทีมฝั่งสีน้ำเงินจะขาดเพียง เยอร์รี่ มิน่า และ อัลลัน สองคนเท่านั้นเท่านั้น

วิเคราะห์ก่อนเกม มุมแดงมีสถิติการลงทำศึก เมอร์ซี่ไซด์ ดาร์บี้ เหนือกว่าทางมุมน้ำเงินอย่างชัดเจน โดยเฉพาะยามที่ทีมหงส์แดงได้ลงเล่นในรังเป็นเวลาถึง 24 ครั้งติดต่อกันแล้วที่ทีมยังไม่พลาดท่าแพ้ให้กับเพื่อนบ้าน แต่ต้องไม่ลืมไปว่าสถิติสุดแกร่งในถิ่น แอนฟิลด์ ชองพวกเขาที่ไม่แพ้ใครมาเป็นเวลา 3 ปีกว่าเพิ่งจะมาโดนทำลายลงในช่วงไม่นานมานี้ ยิ่งไปกว่านั้นทีมยังเมาหมัดแพ้มา 3 เกมติดต่อกันแล้วในรังตัวเอง ซึ่งต้องยอมรับว่าในรังแอนฟิลด์ที่ไม่มีเสียงเชียร์จากเดอะ ค็อป ช่วยเหลือไม่ได้ขลังเหมือนเช่นดังเดิมอีกแล้ว จากปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บไปหลายรายทีมเจ้าบ้านได้นำเข้ากองหลังคนใหม่มาขัดตาทัพไปก่อน แม้เกมแรกจะดูตื่นสนามพลาดหลายครั้งจนทีมโดนถลุงแพ้ไป แต่จากเกมล่าสุดที่ช่วยทีมคว้าชัยบวกกับเก็บคลีนชีทมาได้น่าจะเพิ่มความมั่นใจให้ทีมได้มากขึ้น ทำให้เกมนี้เจ้าบ้านมีโอกาสไม่น้อยที่จะกลับมาสู่ทรงบอลระดับสูงของทีมได้ ด้านผู้มาเยือนบ้านใกล้เรือนเคียงแผงหลังกำลังมีปัญหาอย่างหนักโดนสอยไปถึง 13 ประตูจากการลงสนามไปเพียง 5 เกม ด้านเกมรุกก็ยังฟอร์มผีเข้าผีออกขาดความสม่ำเสมออีกด้วย อย่างไรก็ตามแม้ผลงานของทีมช่วงหลังจะถอยหลังลงคลอง แต่หากไปดูที่สถิติยามพวกเขาออกไปเล่นนอกบ้าน 5 เกมหลังสุดพวกเขายังไม่แพ้ใครเก็บชัยมาได้ถึง 4 เกม และเสมอ 1 เกม นั้นแสดงให้เห็นว่าในเกมที่ต้องตั้งโซนรับไว้ก่อนทีมมักจะทำผลงานได้ดี ซึ่ง 3 ผสานแนวรุกของเจ้าบ้านก็ยังไม่คืนฟอร์มโหด อาศัยเพียงจังหวะฉาบฉวยเข้าไปทำประตูกันเองแทบจะไม่เห็นทีมเวิร์คในการเล่น การมาเจอกับทีมสุดเขี้ยวก็น่าจะสร้างความอึดอัดให้กับรูปเกมการแข่งขันได้ไม่น้อย เกมนี้ทั้งสองทีมมีแนวรับที่ไม่น่าไว้วางใจได้ทั้งคู่ ความเฉียบคมจึงเป็นตัวตัดสิน ซึ่งส่วนตัวยังชอบคุณภาพของฝั่งเจ้าบ้านที่ โม ซาล่าห์ ยังยิงได้อยู่เรื่อยๆ และ มาเน่ ก็มีโอกาสกลับถึงฝั่งยิงหลังเพิ่งประตูปลดปล่อยไปได้ในเกมที่ผ่านมา ผิดกับทางทีมเยือนที่กองหน้าตัวเก่งเพิ่งหายจากอาการบาดเจ็บมาสภาพอาจจะยังไม่เต็มร้อย และฟอร์มการถล่มประตูในช่วงหลังของเขาก็ดรอปลงมาอย่างน่าใจหาย จึงมองว่าหากไปวัดคมกันแล้วมีโอกาสสูงที่ 3 คะแนนเต็มจะตกไปอยู่กับ ลิเวอร์พูล มากกว่า

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม

ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อลิสซอน เบ็คเกอร์ (GK) – เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โอซาน คาบัค, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน – ติอาโก้, จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม, เคอร์ติส โจนส์ – โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่, ซาดิโอ มาเน่

เอฟเวอร์ตัน (4-4-2) : จอร์แดน พิคฟอร์ด (GK) – เมสัน โฮลเกต, เยอร์รี่ มิน่า, ไมเคิ่ล คีน, เบน ก็อดฟรี่ย์ – อเล็กซ์ อิโวบี้, อับดูลาย ดูกูเร่, ทอม เดวี่ส์, ลูก้าส์ ดีญ – กิลฟี่ ซิกูร์ดส์สัน, ริชาร์ลิสัน

ผลสกอร์ที่คาด : ลิเวอร์พูล 1 – 0 เอฟเวอร์ตัน