บทวิเคราะห์ฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบก่อนรองชนะเลิศ เกมบอลถ้วยที่เก่าแก่ที่สุดในโลกที่เป็นการดวลกันของสองกุนซือต่างยุคระหว่าง “ท๊อฟฟี่สีน้ำเงิน” เอฟเวอร์ตัน ของตัวแทนโค้ชยุคเก่า “อันเช่” คาร์โล อันเชล็อตติ เปิดสนามเหย้า กูดิสัน พาร์ค ต้อนรับการมาเยือนของ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ของทาง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ยอดผู้จัดการทีมยุคใหม่ โดยทั้งสองทีมจะลงสนามปะทะกันในช่วงดึกของคืนวันเสาร์ที่ 20 มีนาคม เวลา 03.00 น.หรือเข้าสู่ช่วงเช้ามืดของวันอาทิตย์ที่ 21 มีนาคม ตามเวลาประเทศไทย ณ เมืองลิเวอร์พูล ประเทศอังกฤษ

เจ้าบ้าน “ท๊อฟฟี่สีน้ำเงิน” เอฟเวอร์ตัน เหลือความสำเร็จเพียงรายการนี้รายการเดียวให้ลุ้นจึงจำเป็นต้องทุ่มแบบสุดตัวอย่างแน่นอน แม้ว่านัดนี้จะได้เปรียบเพราะได้เล่นในรังของตัวเอง แต่เชื่อว่าทาง อันเช่ คงไม่น่าจะกล้าบ้าบิ่นถึงขนาดกล้าเซอร์ไพรส์ทีมเยือนที่เป็นต่อด้วยการเปิดหน้าแลกเป็นแน่ แทคติกส์ที่เลือกใช้ในเกมนี้คงเป็นตั้งรับให้เหนียวแน่นแล้วรอจังหวะสวนกลับ เป้าหมายแรกที่ตั้งไว้ย่อมเป็นการไม่เสียประตูเอาไว้ก่อน อย่างน้อยต้องยื้อไปถึงขั้นต่อเวลาพิเศษให้ได้ แต่คงมีแอบหวังปล่อยหมัดน็อคจากจังหวะฉาบฉวยหรือลูกตั้งเตะอยู่บ้าง ด้านการลงสนามนัดล่าสุดเป็นเกมลีกแดนผู้ดีที่ยางแตกพ่ายคาบ้านให้กับ “เดอะ คลาเร็ตส์” เบิร์นลีย์ แบบหมดท่า 1-2 สำหรับความพร้อมของทีมในเกมนี้จะอดใช้งานตัวเจ็บหน้าเดิมอย่าง เยอร์รี่ มิน่า และ ฌอง-ฟิลลิปส์ ฌีบาแม็ง ที่เข้าโรงหมออยู่เหมือนเคย ส่วนในรายของ ฮาเมส โรดริเกซ และ โดมินิค คาลเวิร์ต-เลวิน สองแนวรุกคนสำคัญที่ต้องรอเช็คฟิตจนนาทีสุดท้ายคงจะเข็นลงเล่นแบบไม่มีทางเลือก ที่เหลือคนอื่นๆ ฟิตสมบูรณ์เต็มที่พร้อมลงรับใช้ทีมในเกมนี้ได้ทั้งหมด โดยสตาร์ที่น่าจับตามองที่สุดในเกมนี้ขอวัดใจที่ อัลลัน กองกลางตัวตัดเกมที่เป็นคีย์แมนในการทำลายแนวรุกอันร้อนแรงของอาคันตุกะ

ฝั่งทีมเยือน “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เพิ่งจะผ่านเข้ารอบต่อไปในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก แบบชิวๆ ด้วยการเปิดบ้านย้ำชัยเหนือ “สิงห์หนุ่ม” โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค แบบนิ่มๆ 2-0 แถมเลือกใช้ระบบ False 9 เล่นงานคู่แข่งให้จับทางไม่ถูกอีกด้วย เรียกว่าการพลิกแพลงแทคติกส์ของ เป๊ป นาทีนี้จับทางได้ยากสุดๆ เกมรุกจัดชุดไหนลงคุณภาพคับแก้วไม่ต่างกัน เกมรับหายห่วงไม่มีอะไรให้ต้องกังวลเก็บกินเรียบได้หมด ตอนนี้ยังอยู่ในเส้นทางที่ลุ้นแชมป์ได้ทุกรายการที่ลงแข่งขัน เชื่อว่าพวกเขาคงมีแรงกระตุ้นท้าทายตัวเองเพื่อหวังสร้างประวัติศาสตร์กวาดทุกแชมป์แน่ๆ สภาพความพร้อมของทีมในเกมนี้จะขาด สกอตต์ คาร์สัน, นาธาน อาเก้ และ ฟิลิปป์ แซนด์เลอร์ ที่ยังไม่ฟื้นจากอาการบาดเจ็บ นอกเหนือจากรายรายชื่อข้างต้นพร้อมบุกล่าชัยได้แบบไร้กังวล แน่นอนว่าสตาร์ที่เป็นความหวังสูงสุดในแนวรุกหนีไม่พ้น เควิน เดอ บรอยน์ ที่เพิ่งเบิกสกอร์มาสดๆ ร้อนๆ ในแมตช์ล่าสุด

วิเคราะห์ก่อนเกม สถิติที่มองข้ามไม่ได้เลยของคู่นี้ คือ อันเช่ ยังไม่เคยพา เอฟเวอร์ตัน เอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ของทาง เป๊ป ได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว แถมแพ้หมดทุกเกมอีกด้วย เหมือนว่าจะบอกกลายๆ ว่าเป็นบอลที่แพ้ทางกันด้านแท็คติกแบบปฏิเสธได้ยาก เชื่อว่าเกมนี้เจ้าถิ่นน่าจะมีการปรับระบบการเล่นด้วยการอัดผู้เล่นแดนกลางเพื่อหวังชิงพื้นที่ตรงกลางสนาม ไม่ให้มิดฟิลด์ของคู่แข่งมีเวลาขึ้นเกมบุกง่ายๆ เผลอๆ อาจใช้ท่าไม้ตายอย่างระบบไดมอนด์ที่เป็นแผนขึ้นชื่อของกุนซือชาวอิตาเลียน ในส่วนของเกมบุกคงหวังปล่อยทีเด็ดแบบดอกเดียวอยู่ เนื่องจากโอกาสที่จะเจาะแนวรับของอาคันตุกะนั้นคงมีน้อยเต็มทน ส่วนทางผู้มาเยือนโมเมนตัมของทีมไม่มีแกว่งเลยแม้แต่น้อย แม้จะพลาดเสียสถิติเก็บชัยติดต่อกันต่อเนื่องทุกรายการไปแล้ว แต่เรียกฟอร์มเก่งกลับมาได้ไวเกินคาด เหมือนขุนพลและโค้ชของทีมมองว่าความพ่ายแพ้ในเกมดังกล่าวเป็นแค่ข้อบกพร่องเล็กน้อยแค่เกมเดียว สิ่งเดียวที่พวกเขาเป็นรองในเกมนี้นั้นเป็นเรื่องของความฟิตที่ลงเล่นเกมยุโรปมาในช่วงกลางสัปดาห์เท่านั้น อย่างไรก็ตามคงไม่มีผลมากนักเนื่องจากสามารถปรับแต่งแท็คติกได้หลากหลาย และมีผู้เล่นให้เลือกใช้แบบล้นมือด้วยคุณภาพที่แทบไม่ต่างกัน นัดนี้คงมาครองบอลนวดไปเรื่อยๆ เหมือนเดิมจนกว่าจะสบช่องจบสกอร์ ท้ายที่สุดแล้วมั่นใจว่าเกมบอลถ้วยนัดเดียวแต่ละฝ่ายคงใส่กันเต็มแม็กซ์ ไม่มีกั๊กไม่มียั้งวัดใจกันไปเลย แล้วทีมที่เหนือกว่าตามหน้าเสื่ออย่าง เรือใบสีฟ้า คงจะอาศัยศักยภาพของผู้เล่นที่ฝีเท้าดีกว่าแบบคนละชั้นบดเอาชนะไปได้แบบหวุดหวิด

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม

เอฟเวอร์ตัน (4-3-1-2) : จอร์แดน พิคฟอร์ด (GK) – เบน ก็อดฟรี่ย์, ไมเคิ่ล คีน, เมสัน โฮลเกต, ลูก้าส์ ดีญ – อัลลัน, ทอม เดวี่ส์, อังเดร โกเมซ – ฮาเมส โรดริเกซ – ริชาร์ลิสัน, โดมินิค คาลเวิร์ต-เลวิน

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (4-3-3) : เอแดร์สัน (GK) – ชูเอา คันเซโล่, รูเบน ดิอาส, จอห์น สโตนส์, โอเล็กซานเดอร์ ชินเชนโก้ – เควิน เดอ บรอยน์, โรดรี้, อิลคาย กุนโดกัน – ฟิล โฟเด้น, กาเบรียล เฆซุส, ราฮีม สเตอร์ลิง

ผลสกอร์ที่คาด : เอฟเวอร์ตัน 0 – 1 แมนเชสเตอร์ ซิตี้