Home บทความฟุตบอล ย้อนรอย 11 นักเตะที่ราคาการย้ายตัวเกินจริงแต่คุ้มค่า ตอนจบ

ย้อนรอย 11 นักเตะที่ราคาการย้ายตัวเกินจริงแต่คุ้มค่า ตอนจบ

0
ย้อนรอย 11 นักเตะที่ราคาการย้ายตัวเกินจริงแต่คุ้มค่า ตอนจบ

ต่อเนื่องจากตอนที่แล้วที่ทีมงาน นำเสนอเกี่ยวกับประเด็นดีลสุดแพงของนักเตะ 11 ราย ที่ทางกูรู นักวิจารณ์ และ แฟนบอล มองว่า สโมสรที่คว้าตัวมา จ่ายค่าตัวไปแพงเกินจริงในมุมมองของพวกเขา แต่ปรากฏว่า กลับโดนนักเตะทำผลงานตอบหน้า เล่นเอาเสียกระบวนกันไปเป็นแถบๆ เพราะเล่นได้เกินกว่าคำว่าคุ้มค่าตัว ซึ่งผ่านไปแล้ว 6 รายด้วยกัน ล้วนแล้วแต่เป็นตัวท็อป กลายเป็นตำนานของทีมได้ทุกราย หากวัดกันที่ถ้วยแชมป์

แน่นอนว่าตลาดนักเตะในปัจจุบัน ค่าตัวการย้ายทีมแต่ละดีล พุ่งสูงขึ้นกว่าในอดีตเอามากๆ แทบจะเทียบกันไม่ได้ อันเป็นผลมาจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นค่าเงินที่เฟ้อจนไม่มีทีท่าว่าจะหยุด การมองมูลค่าด้านการตลาดของนักเตะ ที่สามารถดึงดูดฐานแฟนบอลให้เพิ่มมากขึ้นได้ และ การหาตัวแทนที่ต้องจ่ายแพงไม่แพ้กัน แต่ไม่การันตีว่า ผลงานจะออกมาดีเท่า กลายเป็นว่าทีมยักษ์ใหญ่ ต่อให้ทำธุรกิจกับทีมระดับใดก็ตาม แทบจะต้องควักงบประมาณเกินกว่าที่คาดไว้หลายล้านปอนด์

บทความนี้ พร้อมนำเสนอคอนเทนต์เดิมแบบต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้ขาดตอน ซึ่งจะเหลือผู้เล่นอีก 5 รายด้วยกัน คละเคล้ากันไปต่างยุคต่างสมัย แต่สามารถการันตีล่วงหน้าได้เลยว่า ดีกรีของแต่ละคนไม่แพ้ดาวเตะจากตอนแรก รวมไปถึงระดับฝีเท้าที่คุณภาพยอดเยี่ยมไม่ต่างกัน มาดูไปพร้อมๆ กันเลยว่า จะมีดาวเตะรายไหนติดโผเข้ามาบ้าง? ราคาค่างวดของพวกเขานั้นแพงหูฉีกขนาดไหน?

เปิดหัวกันที่รายแรกเป็นผู้เล่นในตำแหน่งกองหน้า ชื่อของเขานั้นเป็นนักเตะโนเนมแบบสุดๆ แต่ทีมงานแมวมองของ เลสเตอร์ ซิตี้ กลับไปส่องฟอร์มของ เจมี่ วาร์ดี้ ที่เล่นให้กับทีมลีกล่างอย่าง ฟลีตวู้ด ทาว์น แล้วเกิดความประทับใจเอามากๆ เลยตัดสินใจนำเสนอบอร์ดบริหาร เจรจาคว้าตัวมาได้ด้วยราคาราว 1.7 ล้านปอนด์ ซุ่งนับว่าแพงเอามากๆ หากมองว่าเป็นดีลของนักเตะนอกลีก ที่เป็นการแข่งขันกึ่งอาชีพ อย่างไรก็ตาม วาร์ดี้ พิสูจน์แล้วว่า ฝีเท้าของเขานั้นดีพอ พาทีมเลื่อนชั้นจาก เดอะ แชมเปี้ยนชิพ และต่อด้วยการคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก กับ เอฟเอ คัพ ยิงประตูไปแล้วกว่า 130 ลูก แม้ว่าจะเข้าสู่ช่วงท้ายของอาชีพแล้วเจอปัญหาฟอร์มตก แต่เม็ดเงินที่ สุนัขจิ้งจอก ลงทุนไปคุ้มค่าเกินบรรยายจริงๆ

ถัดมาเป็นดีลระดับสถิติโลก ที่ต้องย้อนกลับไปเมื่อ 38 ปีก่อน ที่ทาง นาโปลี กล้าที่จะทุ่มเงินราว 5 ล้านปอนด์ เสี่ยงคว้าตัว ดีเอโก้ มาราโดน่า ดาวเตะทีมชาติอาร์เจนติน่า ที่ไม่ประสบความสำเร็จในการค้าแข้งกับ บาร์เซโลน่า มาร่วมทีม ท่ามกลางความข้องใจเรื่องของการดำเนินธุรกิจ แต่แล้ว มาราโดน่า ก็กลายเป็นฮีโร่ระดับตำนานของทีม พาทัพ อัซซูร่า เถลิงแชมป์ กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี สมัยแรกและสมัยเดียว มาจนถึงตอนนี้ ซึ่งทางสโมสรดังแห่งเมืองเนเปิ้ล ก็ไม่เคยลืมคุณงามความดีของดาวเตะผู้ล่วงลับ ยอมเปลี่ยนชื่อสนามเหย้าให้เป็น ดีเอโก้ อาร์มันโด มาราโดน่า สเตเดี้ยม เป็นเกียรติสูงสุดให้ในปี 2020

ถัดมาเป็นดีลของผู้เล่นในตำแหน่งแบ็คขวา ที่ทาง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือมากฝีมือของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ร้องขอให้บอร์ดบริหารของทีม อนุมัติงบประมาณราว 50 ล้านปอนด์ เพื่อดึงตัว ไคล์ วอล์คเกอร์ มาอุดรูรั่วของทีมตรงจุดนั้น ท่ามกลางข้อสงสัยของแฟนบอล เรือใบสีฟ้า ที่มองว่าดาวเตะจาก ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ มีฝีเท้าดีก็จริง แต่ค่าตัวไม่น่าพุ่งไปแพงถึงระดับดังกล่าว อย่างไรก็ตาม วอล์คเกอร์ ตอบแทนความไว้เนื้อเชื่อใจ ด้วยการเป็นตัวหลักของ ซิตี้ พาทีมคว้าแชมป์ลีกมาได้แล้วถึง 4 สมัย แล้วเมื่อมองย้อนกลับไปดูทีมเก่าอย่าง ไก่เดือยทอง ที่ยังไม่มีแชมป์ลีกมาจนถึงตอนนี้ คงตอบทุกคำถามได้อย่างชัดเจนแล้วว่า ฝีเท้าของเขาไม่ใช่ปัญหา ถ้าอยู่กับทีมที่เหมาะสม

เข้ามาสู่รายรองสุดท้ายเป็นผู้เล่นในตำแหน่งกองกลาง ที่เคยได้รับการยกย่องเป็นอย่างมาก ในการเล่นให้กับ บาร์เซโลน่า ชุดที่ถูกขนานนามว่า ทีมต่างดาว ซึ่งสโมสรเงินหนาอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พยายามโน้มน้าวแบบสุดตัวให้ ยาย่า ตูเร่ ย้ายประเทศมาเล่นในอังกฤษ หลังรู้ว่านักเตะมีปัญหากับเทรนเนอร์ในปี 2010 ด้วยการทุ่มข้อเสนอราว 24 ล้านปอนด์ บวกกับค่าเหนื่อยล่อใจระดับ 2 แสนปอนด์ต่อสัปดาห์ ร้อนไปถึงกูรูอย่าง พอล เมอร์สัน ออกมาตำหนิว่า ใช้เงินมากเกินความจำเป็นเอามากๆ สำหรับนักเตะที่ทำหน้าที่เป็นแค่ โฮลดิ้ง มิดฟิลด์ ไม่ได้มีส่วนร่วมกับการทำประตู แต่แล้ว ตูเร่ ก็แสดงให้เห็นว่า ความจริงแล้ว เขาทำทุกอย่างได้ทั้งหมด ขึ้นอยู่กับบทบาทที่ได้รับมอบหมาย แล้วพาทัพ เรือใบสีฟ้า คว้าแชมป์ลีกและบอลถ้วยภายในประเทศได้หลายรายการ ก่อนจกแยกทางกันไปเพราะโคจรมาเจอกับโจทก์เก่าแบบ กวาร์ดิโอล่า อีกครั้ง

ปิดท้ายกันที่ดีลของผู้เล่นในตำแหน่งกองหลัง ที่ทาง เจอร์เก้นน์ คล็อปป์ บิ๊กบอสของ ลิเวอร์พูล โน้มน้าวบอร์ดของทีมให้คว้าตัว เวอร์จิล ฟาน ไดค์จส มาจาก เซาแธมป์ตัน ให้ได้ แม้ว่าต้องจ่ายแพงระดับ 75 ล้านปอนด์ ที่เป็นสถิติโลกใหม่ของผู้เล่นในตำแหน่งนี้ก็ตาม ซึ่งกูรูขาประจำของ สกาย สปอร์ต อย่าง แกรี่ เนวิลล์ ที่เป็นอดีตนักเตะของทีมคู่อริ กลับมองว่า ราคาที่ หงส์แดดง ต้องจ่ายนั้นดูแพงเกินจริง แล้วไม่มั่นใจว่า ฟาน ไดจ์คส จะทำผลงานได้คุ้มค่าตัว เพราะยังไม่เคยเล่นให้ทีมชั้นนำมาก่อน รวมไปถึงกูรูปากกล้าในประเทศไทยบางราย ที่ออกตัวสุดแรงว่า ดีลนี้มีเงินอย่างเดียวไม่ได้ ต้องโง่ดด้วยถึงยอมจ่าย แต่แล้วผลงานในสนามของ ฟาน ไดจ์คส เล่นเอานักวิจารณ์จุกอกกันไปหมด เพราะพาทีมคว้าแชมป์ยุโรป รวมไปถึงแชมป์ลีกในรอบ 30 ปี มาครองได้สำเร็จ มีชื่อเข้าชิงรางวัล บัลลงก์ ดอร์ ถูกขนานนามว่าเป็นหนึ่งในกองหลังที่เก่งที่สุดในโลกมาจนถึงตอนนี้