Home บทความฟุตบอล 10 นักเตะที่ดีที่สุดของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้

10 นักเตะที่ดีที่สุดของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้

0
10 นักเตะที่ดีที่สุดของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้

เรามักจะเคยได้ยินประโยค “ทีมที่ไม่มีประวัติศาสตร์ให้พูดถึง” เป็นคำพูดที่ค่อนขอดถึงสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ อยู่บ่อยครั้ง

นับตั้งแต่ยุค 1960 พวกเขาไม่เคยคว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว จนกระทั่ง ชีคห์ มันซูร์ บิน ซาเย็ด อัล นาห์ยาน เดินเข้ามาเทคโอเวอร์สโมสร ทีมเรือใบสีฟ้าก็ได้ครอบครองไปแล้ว 4 สมัย โดยเฉพาะในยุคของ เป๊ป กวาดิโอล่า ที่กวาดแชมป์ในประเทศเป็นว่าเล่น และยังได้จารึกชื่อเป็นทีมแรกในพรีเมียร์ลีกที่เก็บได้ถึง 100 แต้ม

โดยขณะนี้ต้องยอมรับว่า “The Blues” ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในทีมที่น่ากลัวที่สุดในเวทียุโรป บทความนี้จะพาไปรู้จักกับ 10 นักเตะที่ได้ชื่อว่าดีที่สุดของพวกเขากัน…


ปาโบล ซาบาเลต้า(Pablo Zabaleta)

มีช่วงที่ ซาบาเลต้า ต้องตกเป็นเป็นตัวสำรองอยู่บ่อยครั้ง จากผลงานของ ไมกาห์ ริชาร์ดส์ ที่แรงขึ้นมา อย่างไรก็ตามในยุคของกุนซือ โรแบร์โต้ มันชินี่ เขาก็โชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นจนยึดตำแหน่งแบ็คขวาตัวจริงเอาไว้ได้ จนได้มีชื่อติดเป็นผู้เล่นแห่งปีของ PFA ฤดูกาล2012/13, เขาได้รับการยอมรับในเรื่องฝีเท้า และเล่นให้กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ อยู่นานหลายปี

แข้งชาวอาร์เจนติน่า คว้าแชมป์ได้ถึง 5 รางวัลในช่วงที่ค้าแข้งให้กับ ซิตี้ และประตูที่เขายิงใส่ ควีนส์ ปาร์ค เรนเจอร์ส ก่อนที่ทีมจะพลิกมาเก็บชัยชนะ 3-2 ได้ในเกมนั้น ทำให้ ซิตี้ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้เป็นครั้งแรกในปี 2012 ยังคงอยู่ในความทรงจำของเหล่าแฟนบอลเดอะ ซิตี้เซน ตลอดไป


เควิน เดอ บรอยน์(Kevin de Bruyne)

หากวันนั้นฟอร์มของ เควิน เดอ บรอยน์ เข้าฝัก เขาจะกลายเป็นนักเตะที่ดีที่สุดในพรีเมียร์ลีกอย่างไม่ต้องสงสัย ผลงานของเขาในช่วงครึ่งเวลาแรกในเกมที่เจอกับ อาร์เซน่อล เมื่อช่วงเดือนมกราคม(2020)ที่ผ่านมาคือข้อพิสูจน์พรสวรรค์ที่มีอยู่ล้นเหลือในตัวเขา

เขาเติบโตมาราวกับกินลูกฟุตบอลเข้าไปเป็นอาหาร หากเปิดช่องว่างให้ในระยะ 30 หลา ลูกฟุตบอลจะพุ่งเข้าหาก้นตาข่ายในทันที เช่นเดียวกันกับความมหัศจรรย์เรื่องการผ่านบอลไม่ว่าจะทะลุช่อง หรือจ่ายออกด้านข้าง เขาสามารถทำได้อย่างยอดเยี่ยมทั้งหมด เขาคือนักเตะที่สมบูรณ์แบบในตำแหน่งมิดฟิลด์

ถ้าหากขาด เดอ บรอยน์ 100 คะแนนของ ซิตี้ คงเป็นแค่ความฝัน, ซิตี้ คงไม่อาจหยุดยั้ง ลิเวอร์พูล ได้ในฤดูกาล 2018/19 และ ซิตี้ คงไม่เป็น ซิตี้ ดั่งเช่นเวลานี้


เบิร์ต เทราต์แมนน์(Bert Trautmann)

เบิร์ต เทราต์แมนน์ เป็นเชลยสงครามที่โดนปล่อยตัวมาจากค่ายที่เมืองแลงคาเชียร์ เขาเอาชนะความเกลียดชังของแฟนบอลที่มีต่อเขาได้ด้วยการโชว์ผลงานการเซฟประตูอันน่าเหลือเชื่อ

545 นัด คือจำนวนการลงสนามทั้งหมดให้กับทีมเรือใบสีฟ้า, เทราต์แมนน์ ได้รับการยอมรับเรื่องเชื้อชาติจากแฟนบอลซิตี้ และไม่โดนเรียกว่า “ไอ้นาซี” หลังจากได้เห็นความทุ่มเท และความกล้าหาญที่อยากปกป้องประตูของโกลชาวเยอรมันรายนี้

ในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลเอฟเอ คัพ ปี 1956 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ต้องลงดวลแข้งกับ เบอร์มิ่งแฮมป์ ซิตี้ ซึ่ง ซิตี้ เอาชนะไปได้ด้วยสกอร์ 3-1, เกมนั้น เทราต์แมนน์ ได้รับบาดเจ็บหนักบริเวณคอ แต่เขาก็ยืนอยู่ในสนามครบหนึ่งชัวโมงครึ่ง และช่วยทีมปกป้องประตูเหมือนอย่างที่เขาทำมาตลอด 15 ปี กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้


ไมค์ ซัมเมอร์บี(Mike Summerbee)

เขาลงสนาม 452 เกมให้กับทัพเรือใบสีฟ้าในตำแหน่งปีกซ้าย, ไมค์ ซัมเมอร์บี พาทีมคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ, ลีก คัพ, ยูโรเปี้ยน คัพ, วินเนอร์ คัพ และ ดิวิชั่นสอง

ในช่วงทศววษนั้นแฟนบอลอังกฤษ และแฟนบอลซิตี้ รวมไปถึงบรรดาเพื่อนร่วมทีมของเขา ต่างยกย่องให้ ซัมเมอร์บี เป็นนักเตะไอค่อนในช่วงปลายยุค 60s หลังจากเขาพาสโมสรคว้า 4 ถ้วยรางวัลใหญ่ ในเวลาแค่ 3 ฤดูกาลเท่านั้น


คอลลิน เบล(Colin Bell)

เจ้าของฉายา ‘ราชาแห่งคิปแท็กซ์‘ ลงเล่นให้กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ นานถึง 13ปี เขาเป็นที่ชื่นชอบในหมู่แฟนๆของทีมชาติอังกฤษ รวมถึงแฟนบอลซิตี้

คอลลิน เบล เล่นอยู่ในยุคที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ยิ่งใหญ่ ร่วมกับ ไมค์ ซัมเมอร์บี โดยทั้งคู่ได้รับการยกย่องว่าเป็น 2 ผู้เล่นของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในศตวรรษที่ 20


ยาย่า ตูเร่ (Yaya Toure)

นักเตะบางคนเกิดมาเพื่อที่จะยิ่งใหญ่ ยาย่า ตูเร่ ก็เป็นหนึ่งในคนเหล่านั้น

เขาเขียนชื่อให้แฟนบอลซิตี้ได้รู้จักด้วยตัวเอง โดยเฉพาะการพังประตูชัยส่งให้เรือใบสีฟ้า สิ้นสุดการรอคอยอันยาวนานกว่า 35 ปี คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ มาครองได้ในปี 2011

1 ปีต่อมา ดาวเตะชาวไอวอรี่โคสต์ก็พาเดอะ บลูส์ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งแรกของสโมสรได้สำเร็จ และในปี 2013/14 ซิตี้ก็มาคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งที่ 2ได้ ฟอร์มการเล่นสุดโหดในปีนั้น ตูเร่ จัดการสังหารไปถึง 20 ประตูทั้งๆที่เขาเล่นในตำแหน่งกองกลาง และเขายังสร้างโมเม้นให้เป็นที่แฟนบอลได้จดจำอีกมากมาย


เอริค บรู๊ค (Eric Brook)

เอริค บรู๊ค คือดาวซัลโวตลอดกาลของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาอย่างยาวนาน ก่อนที่จะโดน เซร์คิโอ อเกวโร่ มาแย่งตำแหน่งไป, เขาเล่นอยู่กับ ซิตี้ ในช่วงยุคก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2

ปีกซ้ายสัญชาติอังกฤษ ยิงไป 177 ประตูจากการลงสนาม 494 นัดให้กับซิตี้, เขาพาทีมเป็นแชมป์เอฟเอ คัพ และแชมป์ลีก แน่นอนว่าเขาโดนยกให้เป็นหนึ่งในนักเตะระดับตำนานของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ และทีมชาติอังกฤษ


แว็งซ็องต์ ก็อมปานี (Vincent Kompany)

จำประตูที่ แว็งซ็องต์ ก็อมปานี ซัดใส่ เลสเตอร์ ซิตี้ เมื่อเดือนพฤษภาคมปี2018 กันได้ไหม? ถ้ามีคนมาบอกว่าลูกยิงนั้นโดนเขียนสคริปต์เอาไว้ก็ไม่แปลก, แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆไม่มีใครเขียนเอาไว้.

ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนั้นมันลงล็อคไปหมดทุกเรื่อง, มันช่างสมบูณร์แบบ, เขาเป็นกัปตันทีมที่ต้องต่อสู้กับอาการบาดเจ็บมาตลอดเพื่อจะกลับมาลงสนามกับทีมให้ได้ และเกมนั้นเข้าสู่ช่วง 20 นาทีสุดท้าย ซิตี้ ต้องการฮีโร่ซักคนมาช่วยทีม

หลังจาก ก็อมปานี ตัดสินใจลองส่องไกลลูกนั้น ชะตากรรมของแชมป์พรีเมียลีกปีนั้นก็เปลี่ยนทันที และนี่เป็นของขวัญชิ้นสุดท้ายที่กัปตันทีมเรือใบมอบให้กับแฟนบอลในถิ่นเอติฮัด สเตเดี้ยม ก่อนที่เขาจะตัดสินใจย้ายกลับไปค้าแข้งกับอันเดอร์เลชท์ ที่ประเทศบ้านเกิด

หนึ่งในกองหลังที่ได้ชื่อว่าดีที่สุดในยุคใหม่ ช่วยให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กวาดถ้วยรางวัลระดับเมเจอร์ไปกว่า 10 รายการในยุคของเขา


ดาบิด ซิลบา(David Silva)

พ่อมด” คือฉายาที่แฟนบอลในฟรีเมียร์ลีกใช้เรียกเขา ตลอดช่วงทศวรรษที่ผ่านมา

ดาบิด ซิลบา สร้างสรรค์การเล่นที่น่าตื่นตาตื่นใจมากมายตลอด 10 ฤดูกาลที่เขาลงเล่นให้กับ ซิตี้ เวทมนต์ของเขาพาทัพเรือใบ เก็บชัยชนะได้นับไม่ถ้วน จนกลายมาเป็นสโมสรยักษ์ใหญ่ในยุคปัจจุบัน

ซิลบา ทำไปทั้งหมด 57 ประตู กับ 90 แอสซิสต์ ตลอด 300กว่าเกมที่เขาค้าแข้งอยู่ในถิ่น เอติฮัด สเตเดี้ยม ซึ่งสัญญาของเขากำลังจะหมดลงในเดือนพฤษภาคมนี้(2020) แน่นอนว่าเขาอยากจะกลับไปใช้ช่วงสุดท้ายของชีวิตนักฟุตบอลที่ประเทศบ้านเกิด แต่ถึงอย่างไรชื่อของ ดาบิด ซิลบา จะยังคงอยู่ในความทรงจำของเหล่าเดอะ บลูส์ ตลอดไป


เซร์คิโอ อเกวโร่(Sergio Aguero)

อเกวโร่ เป็นผู้สร้างสรรค์หนึ่งในช่วงเวลาที่เป็นประวัติศาสตร์ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้

เกมสุดท้ายของพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2011/12 ซิตี้ ต้องเปิดบ้านเจอกับ ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส พวกเขาต้องการ 3 คะแนนเท่านั้น เพื่อปลดล็อคการคว้าแชมป์ลีกสูงสุดที่รอคอยมายาวนาน 44 ปี, แต่เมื่อนาฬิกา้กมการแข่งขันเดินทางมาถึงนาทีที่ 90 แมนฯ ซิตี้ กำลังกลับตามหลังผู้มาเยือนอยู่ 1-2 อย่างไรก็ตามสุดท้ายเหล่านักเตะของเรือใบสีฟ้า ก็ใช้เวลาเพียง 4 นาทียิง 2 ประตูแซงกลับมาชนะได้แบบสุดดราม่า

ประตูที่เกิดขึ้นในนาทีที่ 4 ของช่วงทดเวลาบาดเจ็บเกมนั้น เป็นประตูที่ 30 พอดิบพอดีจาก 252 ประตูที่เขาทำให้กับ ซิตี้

เขาพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ 4 สมัย, เป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของสโมสร นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งบนเส้นทางการค้าแข้งของ อเกวโร่ ที่หล่อหลอมให้เขากลายมาเป็นนักเตะระดับตำนานของสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ และปฎิเสธไม่ได้ว่ากองหน้าชาวอาร์เจนติน่าคนนี้เป็นหนึ่งในนักเตะต่างชาติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดการของเวทีพรีเมียร์ลีก


ที่มา www.90min.com

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวนี้