Home บทความฟุตบอล โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่ กับเส้นทางที่เต็มไปด้วยอุปสรรคก่อนจะก้าวมาเป็น False9 ระดับโลก

โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่ กับเส้นทางที่เต็มไปด้วยอุปสรรคก่อนจะก้าวมาเป็น False9 ระดับโลก

0
โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่ กับเส้นทางที่เต็มไปด้วยอุปสรรคก่อนจะก้าวมาเป็น False9 ระดับโลก

ต้นปาล์มขนาดใหญ่โค้งลงไปจุ่มน้ำทะเลสีฟ้าคราม โรงแรมสูงตระหง่านฟ้าท่ามกลางแสงแดดแรง ร้านอาหารมากมายริมชายหาดที่ขายกุ้งก้ามกรามไซส์ยักษ์ และเหล้าหรูราคาแพง มันง่ายมากที่ทุกคนจะเห็นว่า ทำไม มาเซโอ จึงเป็นเมืองหลวงของรัฐอาลาโกอัส ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในฐานะเมืองท่าสำคัญของประเทศบราซิล

แต่ มาเซโอ ก็เหมือนเมืองส่วนใหญ่ในบราซิลที่ยังไม่พัฒนานัก โดยเมืองแห่งนี้ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ซึ่งผู้คนส่วนมากใช้ทรัพยากรเกี่ยวกับการท่องเที่ยวเป็นงานหลักของพวกเขาในการหาเงินหล่อเลี้ยงครอบครัว

Photo: bbc.com

จุดเริ่มต้นของการเดินทาง

ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่งในเมือง มาเซโอ เด็กน้อยผู้ขี้อายที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มอาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็กๆกับครอบครัวของเขาได้ตัดสินใจออกเดินทางที่ตามหาความฝันของตัวเอง และประสบความสำเร็จอย่างน่าเหลือเชื่อ จากรัฐอาลาโกอัส สู่ คลับ เดอ เรกาตาส, ฟิกูเรนเซ่, ฮอฟเฟ่นไฮม์ และปัจจุบันกับ ลิเวอร์พูล   โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่ กลายเป็นสุดยอดกองหน้าสไตล์ False9 ที่คอบอลบนโลกใบนี้รู้จักเป็นอย่างดี

โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่ บาร์โบซ่า เดอ โอลิเวียร่า เกิดเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม ปี 1991 ในแถบ Trapiche da Barra ซึ่งเป็นย่านที่คนยากจนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ในวัยเด็กเขาเป็นคนเรียบง่าย และมักจะชอบออกมาเล่นฟุตบอลกับเพื่อนๆใกล้กับสนาม Estádio Rei Pelé หรือที่รู้จักกันในชื่อ Trapichão ซึ่งเป็นสนามกีฬาใน มาเซโอ ที่มีความจุราว 20,000 คน

บ้านหลังเก่าของ ฟิร์มิโน่ ในแถบ Trapiche da Barra นั้น ปัจจุบันได้รับการปรับเปลี่ยนเป็นร้านขายฮอทด็อก แต่ผนังภายในส่วนต่างๆ และกำแพงด้านหลังร้านยังคงเป็นแบบดั้งเดิมเหมือนกับสมัยที่ครอบครัวของ ดาวยิง ลิเวอร์พูล อาศัยอยู่

Photo: agenciaalagoas.al.gov.br

เด็กน้อยผู้บ้าฟุตบอล

บรูโน่ บาร์โบซ่า ดอส ซานโต๊ส เพื่อนในวัยเด็กของ ฟิร์มิโน่ เริ่มเล่าว่า“ในบริเวณนี้มันเต็มไปด้วยความรุนแรง และโหดร้าย แต่คุณแม่ของ ฟิร์มิโน่ พยายามอย่างมากในการปกป้องเขาจากสิ่งเหล่านั้น เขาเป็นคนบ้าฟุตบอลมากๆ”

“แต่มันเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่คุณแม่จะยอมอนุญาตให้ไปเล่นกับเพื่อนๆ ดังนั้น เขาจึงแอบปีนข้ามกำแพงบ้านเพื่อมาเล่นกับเราที่ถนนอยู่เสมอ ครั้งหนึ่งเขาล้ม และต้องเย็บแผลที่หัวเข่า ซึ่งมันยังเป็นแผลเป็นของเขาจนถึงทุกวันนี้”

เพื่อนคนอื่นๆ ยังจำได้ว่า พวกเขาจะขว้างก้อนหินไปที่หลังคาบ้านของ ฟิร์มิโน่ เพื่อเป็นการส่งสัญญาณชวนเขาออกมาเล่นฟุตบอล และเพื่อนบางคนก็มักจะใช้บันไดพาดกับกำแพงช่วยให้ หัวหอก  ลิเวอร์พูล ปีนออกมาได้ง่ายขึ้น 

“แม่ของ โรแบร์โต้ กังวลว่า ความรุนแรงในแถบที่เขาอาศัยอยู่นั้น มันอาจทำให้เขากลายเป็นโจร แต่ตัวเขาไม่เคยคิดถึงเรื่องแบบนั้นเลย” เดดู เพื่อนเก่าอีกคนหนึ่งของ ฟิร์มิโน่ ซึ่งปัจจุบันยังคงอาศัยอยู่ใน Trapiche da Barra กล่าวเสริม

“เขาเป็นเด็กเงียบๆ ขี้อาย และชอบยิ้ม เขาบ้าฟุตบอลมาก แม้ว่า เขาจะไม่มีลูกบอลที่บ้านเลยก็ตาม บางครั้งเขาก็ต้องเอาส้มมาเตะเป็นลูกฟุตบอล ความฝันของเขาคือ การเป็นนักฟุตบอลอาชีพ แต่ความเป็นจริงเราอยู่ในจุดที่มันไปถึงตรงนั้นยากมากๆ ในชีวิตของเขามันยากมากที่จะทำตามความฝันให้ประสบความสำเร็จ แต่เขาทำได้ ผมมีความสุขไปกับเขาด้วย เขาสมควรได้รับสิ่งนั้นแล้ว” เดดู กล่าว

เมื่อพูดคุยกับใครก็ตามที่รู้จัก ฟิร์มิโน่ หรือ โฮเซ่ คอร์อิเอโร่ และ มาเรียน่า คาเซร่า คุณพ่อ-คุณแม่ของเขานั้น ก็จะมีความรู้สึกเหมือนกันอยู่เสมอ โดยหนึ่งคำในภาษาโปรตุเกสที่ระบุถึงตัวตน ดาวเตะ “หงส์แดง” ได้เป็นอย่างดีนั่นก็คือ “humilde” ที่แปลว่า ความอ่อนน้อมถ่อมตน

โฮเซ่ คุณพ่อของ ฟิร์มิโน่ มีอาชีพเป็นคนขายน้ำดื่มตามเทศกาลการแสดงดนตรี และการแข่งขันฟุตบอล ซึ่งมันเป็นแหล่งรายได้เพียงอย่างเดียวของครอบครัว และ หัวหอกทีมชาติบราซิล ก็มักจะไปช่วยคุณพ่อทำงานอยู่เสมอ

บรูโน่ บาร์โบซ่า ซึ่งปัจจุบันยังคงติดต่อกับ ฟิร์มิโน่ ผ่านทางWhatsApp เป็นครั้งคราวเล่าต่อว่า  “เขาเป็นคนดี และคิดถึงผู้อื่นอยู่เสมอ เขาเคยมอบรถเข็นวีลแชร์ให้กับคุณยายของผมด้วย และความฝันของเขาคือ พาพ่อ- แม่ และน้องสาวออกไปจากที่นี่”

เมื่อเดินออกจากบ้านของ ฟิร์มิโน่ ไปเพียงหนึ่งนาที เราจะพบกับสนามคอนกรีต 5 เหลี่ยมที่เต็มไปด้วยฝุ่น และขยะที่ถูกทิ้งไว้มากมาย ซึ่งที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่ กองหน้าแซมบ้า ใช้ฝึกทักษะต่างๆ และการควบคุมบอลของเขาอย่างมุ่งมั่น

เดดู กล่าวว่า “เขามักจะดู โรนัลดินโญ่ และ โรนัลโด้ ทางทีวีอยู่เสมอ และต้องการที่จะเป็นเหมือนพวกเขา เขามักจะพูดถึงทักษะของ โรนัลดินโญ่ และเขาก็ทำเลียนแบบได้เช่นเดียวกัน เขาเล่นได้ดีกว่าเพื่อนคนอื่นๆ และบางครั้งเขาก็ชอบเลี้ยงบอลลอดขาพวกเราด้วย”

จากลูกหนังข้างถนนสู่ฟุตบอลบนผืนหญ้า

สนามฟุตบอลเล็ก ๆ ตั้งอยู่ที่ปากทางเข้าโรงเรีย Escola Estadual Professor Tarcisio de Jesus ซึ่งเป็นสถานที่ที่ ฟิร์มิโน่ เข้าเรียนครั้งแรกในวัย 7 ขวบโดยบนประตูใหญ่มีข้อความแปะไว้ว่า “เริ่มต้นด้วยการทำสิ่งที่สำคัญ และทำในสิ่งที่เป็นไปได้ อีกไม่นานคุณจะสามารถสร้างบางสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ด้วยตัวเอง”

Photo: agenciaalagoas.al.gov.br

อาลี ซานติอาโก้ อดีตผู้บริหารโรงเรียน Escola Estadual Professor Tarcisio de Jesus  เป็นคนที่ริเริ่มสร้างทีมฟุตบอลของโรงเรียนแห่งนี้ เขากระตุ้นให้นักเรียนทุกคนมีความฝันที่ยิ่งใหญ่ แต่ก็ไม่เคยคิดเลยว่า จะมีลูกศิษย์คนหนึ่งไปติดทีมชาติบราซิล

ซานติอาโก้ อธิบายว่า “หนึ่งในสิ่งที่ทำให้ผมสร้างทีมฟุตบอลคือ เมื่อผมกลับจากวันหยุด ผมได้รู้ข่าวว่านักเรียน 3 คนถูกฆ่าตาย มันเป็นความรุนแรงจริงๆ ในช่วงเวลานั้น และการเสียชีวิตของพวกเขามันทำให้ผมเจ็บปวดมาก ผมคิดว่า เราจะต้องแสดงให้เด็กๆ เห็นว่า มีบางสิ่งที่ทำได้ดีกว่าความรุนแรง เพราะถ้าเราไม่ทำ สุดท้ายพวกเขาก็จะหันไปทำสิ่งเหล่านั้นแทน”

ทีมโรงเรียนของ Escola Estadual Professor Tarcisio de Jesus  ไม่เพียงแต่ส่งผลให้มีพฤติกรรมที่ดีขึ้นในหมู่นักเรียนเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังทำให้ ซานติอาโก้ สามารถพูดคุยกับคนอื่นด้วยความภาคภูมิจใจด้วยว่า มีนักเรียนคนหนึ่งชื่อ โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่ เป็นนักฟุตบอลที่ดีที่สุดของโรงเรียน

ในความยอดเยี่ยมของ ฟิร์มิโน่ มันทำให้เขาได้โอกาสเซ็นสัญญาชั่วคราวกับทีมระดับท้องถิ่นในเมือง มาเซโอ อย่าง คลับ เดอ เรกาตาส  (Clube de Regatas Brasil) หรือ CRB ในวัย 14 ปี ดังนั้น เขาจึงไม่สามารถลงแข่งขันกับทีมอื่นในนามของโรงเรียนตัวเองได้อีกแล้วได้ อย่างไรก็ตาม เจ้าตัวยังได้รับอนุญาตให้ฝึกซ้อม และเล่นในนัดกระชับมิตรได้

ซานติอาโก้ เล่าต่อว่า “เขาเป็นเด็กที่เงียบมากๆ แต่มักจะขอลูกบอลไปซ้อมอยู่เสมอ ผมจำได้ว่า ลูกบอลจะมีให้เฉพาะเด็ก ๆ ได้เล่นในบางช่วงเวลาเท่านั้น แต่เขาจะยิ้ม และทำท่าแบมือขอลูกบอลจากผม บางครั้งผมก็ต้องให้เขาไป เพราะผมอดใจไม่ได้เมื่อได้เห็นรอยยิ้มนั้น”

เมื่อทีมโรงเรียนต้องโคจรมาพบกับ คลับ เดอ เรกาตาส รอบชิงชนะเลิศของการแข่งขันชิงแชมป์ระดับท้องถิ่น ฟิร์มิโน่ ได้เดิมพันกับ ซานติอาโก้ ว่า ถ้าเขายิงประตูได้จะขอให้ ซานติอาโก้ นำกระเป๋าของเขากลับไปส่งให้ที่บ้าน และแน่นอนว่า หลังจบเกม ทีมของ ดาวยิง ลิเวอร์พูล เอาชนะไปถึง 8-0

“ในวันรุ่งขึ้นผมอยู่ที่ออฟฟิศ เมื่อเขามาถึงโรงเรียน เขาเดินผ่านผมไปด้วยเสียงหัวเราะ แต่ไม่ได้พูดอะไรเลย จากนั้นเขาก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มที่กว้างขึ้น และเดินผ่านผมไปอีกครั้ง นั่นเป็นวิธีที่เขาแสดงตัวตนของตัวเองผ่านรอยยิ้ม” ซานติอาโก้ เล่าพร้อมเสียงหัวเราะ

เส้นทางสู่การเป็นนักฟุตบอลอาชีพ

ในปีต่อมา ฟิร์มิโน่ ต้องทำการทดสอบฝีเท้าครั้งสำคัญกับ คลับ เดอ เรกาตาส ซึ่งครั้งนี้คุณแม่ของเขาก็ตามมาดูด้วยความตื่นเต้นหลังได้รับคำแนะนำจากเพื่อนบ้านว่า ลูกของเธอมีพรสวรรค์ และทักษะในเรื่องฟุตบอล

Photo: bbc.com

“สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของผมในทันทีคือ คุณภาพของเขา” กิลแยร์เม ฟาเรียส โค้ชทีมเยาวชนของ คลับ เดอ เรกาตาส เล่าความหลังในห้องนั่งเล่นของเขา ซึ่งเต็มไปด้วยถ้วยรางวัล รวมถึงเสื้อ ลิเวอร์พูล พร้อมลายเซ็นต์ของศิษย์เก่าอย่าง ฟิร์มิโน่

ฟาเรียส เล่าต่อว่า “โรแบร์โต้ เป็นคนเงียบๆ แต่วิธีที่เขาเล่นกับลูกบอลนั้น ยอดเยี่ยมมาก ผมพาเขาไปที่สนามซ้อม และภายใน 3 เซสชั่น ผมบอกให้เขาหยุด แล้วผมก็บอกเขาว่า เตรียมเอกสารของนายให้พร้อม นายจะมาเล่นให้เรา”

ด้วยความช่วยเหลือของ ฟาเรียส และ มาเซลลัส ปอร์เตลล่า ทีมแพทย์ของ คลับ เดอ เรกาตาส  ทำให้ ฟิร์มิโน่ มีโอกาสเดินทางไปทางตะวันออกเฉียงเหนือของบราซิล เป็นเวลา 2 ปี เพื่อทำการแข่งขันศึกจูเนียร์ แชมเปี้ยนชิพ ในสังกัด โดยในเวลานั้น เขาถูกจับให้เล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวรับ และมักจะได้ลงสนามร่วมกับ วิลเลี่ยน โจเซ่ หัวหอกชาวบราซิล ที่ปัจจุบันเล่นอยู่กับ เรอัล โซเซียดาด ในลาลีกา สเปน  

ในช่วงหนึ่ง ฟิร์มิโน่ ต้องเดินทางโดยรถบัสไป-กลับเมืองเซาเปาโล เป็นเวลาถึง 120 ชั่วโมง เพื่อแข่งขันในทัวร์นาเมนต์ระดับชาติ มันทำให้ขาและเท้าของเขาบวมมาก แต่ความกระตือรือร้นของเขาไม่เคยจางหายไป โดย ฟาเรียส เล่าต่อว่า“ผมได้ฝึกฝนเด็กที่มีความสามารถหลายคน แต่ก็ไม่มีใครที่แสดงความทุ่มเทเหมือนกับ ฟิร์มิโน่ อีกแล้ว”

ปอร์เตลล่า ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นที่ปรึกษา และเอเย่นต์ของ ฟิร์มิโน่ กล่าวเสริมว่า “โรแบร์โต้ เป็นคนมองโลกในแง่ดี และมีความมุ่งมั่นอยู่เสมอ ผมไม่เคยเห็นผู้เล่นอื่นเหมือนเขาเลย ผมเคยพูดว่า วันหนึ่งคุณจะเห็นเด็กคนนี้ในทีมชาติบราซิล ทุกคนบอกว่า ผมบ้าแน่ๆ แต่วันนี้เขาอยู่ตรงนั้นแล้ว”

หลังจากวันเกิดปีที่ 16 ของ ฟิร์มิโน่ ไม่นาน ปอร์เตลล่า ขอให้ โตนินโญ่ อัลเมด้า โค้ชทีมเยาวชนของ คลับ เดอ เรกาตาส ติดต่อกับ ลูเซียโน่ บิลู โลเปซ อดีตกองกลางของสโมสรและส่งไฮไลท์การเล่นของ หัวหอก ลิเวอร์พูล ไปให้ดู

บิลู โลเปซ รู้สึกประทับใจในฝีเท้าของ ฟิร์มิโน่ เป็นอย่างยิ่ง เขาจึงเป็นคนอาสาช่วยพา แข้ง “หงส์แดง” ไปทดสอบฝีเท้ากับสโมสรระดับชั้นนำในบราซิลอย่าง เซา เปาโล รวมไปถึงอดีตต้นสังกัดเก่าของเขาอย่าง ฟิกูเรนเซ่

ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ เซา เปาโล นั้น ฟิร์มิโน่ แทบจะไม่เห็นลูกบอลเลย และไม่ได้รับข้อเสนอใดๆทั้งสิ้น  แต่เขาก็ไม่สะทกสะท้าน และเลือกเดินทางไปทางใต้สู่รัฐซานตากาตารีนา เพื่อทดสอบฝีเท้ากับ ฟิกูเรนเซ่ และที่นั่น เขาปล่อยให้ฝีเท้าพูดแทนความเงียบของตัวเอง

เข้าสังกัด ฟิกูเรนเซ่ และได้ประเดิมสนามในฐานะนักเตะชุดใหญ่ครั้งแรก

Photo : blogs.correiobraziliense.com.br

เฮเมอร์สัน มาเรีย อดีตโค้ช ฟิกูเรนเซ่ ชุดอายุต่ำกว่า 17 ปี เล่าว่า“โรแบร์โต้ มาเพื่อทดสอบฝีเท้าในช่วงกลางปี 2008 โดยทั่วไปแล้วการทดสอบจะใช้เวลาสูงสุด 1 เดือน แต่มันก็ขึ้นอยู่กับผู้เล่นแต่ละคน ซึ่งอาจใช้เวลาน้อยกว่านั้น เช่น 2 สัปดาห์ หรือ 10 วัน เป็นต้น”

“แต่ โรแบร์โต้ ใช้เวลาเพียง 30 นาทีเท่านั้น เขายอดเยี่ยมจริง ๆ เขาไม่ได้ทำอะไรผิดพลาดเลย เขาแสดงให้เห็นถึงคุณภาพทางเทคนิคที่น่าเหลือเชื่อ และยิงประตูด้วยการจักรยาน 2 ลูก จากนั้น ทุกคนพูดถึงเขาและผมก็รู้ว่า เรามีผู้เล่นที่พิเศษมาก ๆ ในมือของเรา”

มาเรีย เปลี่ยนตำแหน่งของ ฟิร์มิโน่ ในสนามทันที โดยกองหน้า ลิเวอร์พูล ถูกจับไปเล่นใกล้แนวรุกมากขึ้น ถึงแม้ฟอร์มในสนามยังคงสุดยอด แต่ภายนอกสนาม ฟิร์มิโน่ ยังคงอ่อนน้อม และขี้อายเหมือนเดิมซึ่ง มาเรีย ยังเรียกชื่อของเขาผิดว่า “อัลแบร์โต้” เป็นเวลา 2 สัปดาห์ โดยที่เจ้าตัวไม่ทักท้วง

บิลู โลเปซ เล่าต่ออีกว่า “ไม่นานหลังจากที่ผมนำ โรแบร์โต้ ให้กับ ฟิกูเรนเซ่ ผมได้รับโทรศัพท์จากผู้ประสานงานสโมสร ซึ่งเขาบอกผมว่า โรแบร์โต้ ดูเงียบเกินไปจากนั้น ผมรีบโทรหา โรแบร์โต้ ทันที และบอกเขาว่า นายต้องคุยกับคนอื่นๆบ้างนะ เขาก็ตอบรับ แต่แล้วเขาก็ยังยิ้ม และขี้อายเหมือนเดิม”

ในปี 2009 ก่อนที่จะได้เล่นให้กับทีมชุดใหญ่ของ ฟิกูเรนเซ่ นั้น ฟิร์มิโน่ ได้รับคำเชิญให้เข้าร่วมการทดสอบฝีเท้าที่ โอลิมปิก มาร์กเซย ในศึกลีก เอิง ฝรั่งเศส แต่การเดินทางของเขาไปยังทางภาคใต้ของแดนน้ำหอมนั้น ต้องมีจุดแวะพักที่สเปน

ในความจริงแล้ว ฟิร์มิโน่ จะแวะพักที่สเปนเพื่อเปลี่ยนเที่ยวบินเท่านั้น แต่ทางเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองที่สนามบินมาดริดกล่าวหาว่า เขาพยายามลักลอบเดินทางเข้าประเทศโดยไม่มีเอกสารสำคัญบางอย่าง จึงส่งผลให้กองหน้าชาวบราซิลถูกเนรเทศกลับบ้านเกิดด้วยน้ำตา

เมื่อกลับมาถึงบราซิล ฟิร์มิโน่ ได้พบกับ มาเรีย อีกครั้ง และ มาเรีย ก็ปลอบใจเขาว่า ครั้งหนึ่ง คาฟู ตำนานแบ็คขวาทีมชาติบราซิล ก็เคยเจอกับความผิดหวังคล้าย ๆ กันในช่วงต้นอาชีพของเขาก่อนที่จะพาพลพรรค “เซเลเซา” คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกในเวลาต่อมา

1 เดือนต่อมา ฟิร์มิโน่ ได้เดินไปยัง มาร์กเซย์ อีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นเที่ยวบินตรง เนื่องจาก โอแอล จัดการเอกสารต่างๆให้กับเขาเป็นที่เรียบร้อย และก็ยอมจ่ายเงิน 1 ล้านยูโร เพื่อเป็นค่าฉีกสัญญาของเขาให้กับ ฟิกูเรนเซ่ แต่ท้ายที่สุดการเซ็นสัญญากลับไม่เกิดขึ้น

ฌอง- ฟิลิปป์ ดูแรนด์ อดีตหัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายสรรหานักเตะของ มาร์กเซย์ อธิบายว่า “กับสิ่งที่เขาประสบความสำเร็จในวันนี้ ตั้งแต่นั้นมา ผมต้องยอมรับว่า มันเป็นความผิดพลาดของพวกเราที่ไม่สามารถเซ็นสัญญากับเขาได้”

ในสัปดาห์ต่อมาหลังจากวันเกิดปีครบ 18 ปี ฟิร์มิโน่ เขาได้เปิดตัวกับทีมชุดใหญ่ในสีเสื้อดำ-ขาวพร้อมกับหมายเลข 16 ของ ฟิกูเรนเซ่ และด้วยฝีเท้าที่สุดยอดทำให้เขาได้รับกายกย่องว่า เป็นผู้เล่นดาวรุ่งที่มีพรสวรรค์มากที่สุดในเซเรีย บี ของบราซิล

จากบ้านเกิดมุ่งหน้าสู่แผ่นดินยุโรป

Photo : espn.com.br

ในปี 2010 ชื่อเสียงของ ฟิร์มิโน่ เริ่มแพร่กระจายมาในยุโรป โดยบรรดาทีมดังอย่าง อาร์เซน่อล ใน พรีเมียร์ลีก และ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ในศึกเอริวิซี่ ลีก ต่างไล่ล่าลายเซ็นของเขา แต่สุดท้ายเป็น ฮอฟเฟ่นไฮม์ ในศึกบุนเดสลีกา เยอรมัน ได้ตัวเขาไปครอบครองด้วยค่าตัวราว 4 ล้านยูโร

 การเปลี่ยนชีวิตท่ามกลางแสงแดดของรัฐซานตากาตารีนา มาสู่หิมะทางตะวันตกเฉียงใต้ของเยอรมัย เป็นเรื่องที่ท้าทาย แต่ ฟิร์มิโน่ จดจำสิ่งที่โค้ชทุกคนของเขาสอนมาว่า การอุทิศตนเอง และทุ่มเทให้กับฟุตบอล นั้น จะทำให้เขาแตกต่างจากคนอื่นๆ โดยหลังจากผ่านไป 2-3 ฤดูกาลกับ ฮอฟเฟ่นไฮม์ เขาได้รับการโหวตให้เป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีของบุนเดสลีกา

ในเดือนกรกฎาคมปี 2015 ลิเวอร์พูล เอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คว้าตัว ฟิร์มิโน่ ไปร่วมทีมด้วยค่าตัว 29 ล้านปอนด์ โดย อเล็กซานเดอร์ โรเซ่น ผู้อำนวยการกีฬาของ ฮอฟเฟ่นไฮม์ เปิดเผยว่า “การจากไปของเขาทำให้เรายิ้มทั้งน้ำตา”  

Photo : liverpoolecho.co.uk

สุดยอด Fasle9 แห่งวงการฟุตบอลยุคปัจจุบัน

นับตั้งแต่นั้นมา เส้นทางอาชีพของ ฟิร์มิโน่ เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมากับ ลิเวอร์พูล เขาคว้าถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก, แชมป์ยูฟ่า ซุเปอร์ คัพ, แชมป์สโมสรโลก และกำลังจะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้ รวมถึงสร้างสถิติกลายเป็นนักเตะชาวบราซิลคนแรกที่ทำประตูได้ 50 ลูกในลีกสูงสุดเมืองผู้ดี

จากเด็กชายผู้ได้รับประโยชน์จากความเอื้ออาทรของผู้อื่น ฟิร์มิโน่ ไม่เคยลืมรากของตัวเอง ในเดือนกรกฎาคมปี 2018 เขากลับไปที่โรงเรียนเก่า Escola Estadual Professor Tarcisio de Jesus เพื่อมอบอาหาร, ของเล่น,และเสื้อผ้าให้กับเด็กๆ ในท้องถิ่น

นอกจากนี้ ฟิร์มิโน่ ยังบริจาคเงินจำนวน 60,000 ปอนด์ เพื่อจ่ายค่ารักษาพยาบาลต่างๆให้กับโรงพยาบาลในรัฐซานตากาตารีนา รวมทั้งมอบอาหาร และน้ำดื่มให้กับคนไร้บ้านในแถบ มาเซโอ เกือบ 200 ชีวิต

อย่างไรก็ตาม ยังมีความรู้สึกที่ ฟิร์มิโน่ ไม่ได้รับการชื่นชมอย่างเต็มที่ในบ้านเกิดของตัวเอง เพราะเขาไม่เคยเล่นให้กับสโมสรยักษ์ใหญ่ในบราซิลอย่าง เซา เปาโล, เกรมิโอ, ฟลาเมนโก้, ซานโต๊ส หรือ โครินเธียนส์ เหมือนกับซุเปอร์สตาร์แซมบ้าคนอื่นๆ

แต่เชื่อได้ว่า ชายชื่อ โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่ จะเป็นฮีโร่ของผู้คนในแถบ มาเซโอ อย่างแน่นอน “โรแบร์โต้ เป็นนักเตะชาวบราซิลที่เก่งที่สุดในตอนนี้ ตัวเขาเองไม่เคยพูดแบบนั้นหรอก แต่สำหรับผมเขาเป็นแบบนั้นแน่นอน” เซอร์จิโอ คนซ่อมมือถือในแถบชายหาดเมือง มาเซโอ กล่าวด้วยรอยยิ้ม

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวนี้