ย้อนรอย! ชีวิตการคุมทีม 34 ปีของชายที่ชื่อ อาร์แซน เวนเกอร์

เซอร์ อเล็ก เฟอร์กูสัน คือชายที่ถูกยกย่องให้เป็นโครตกุนซือในโลกลูกหนัง ในยุคที่เขากำลังพาทีมไล่คว้าแชมป์อย่าเมามันส์ อาร์เซน่อล ได้ตัดสินใจพาผู้จัดการทีมคนหนึ่งเข้ามานำทัพ เขาเข้ามาเปลี่ยนให้ “ปืนใหญ่” กลายมาเป็นทีมที่เล่นฟุตบอลสวยงาม ก่อนที่จะขึ้นมาท้าทายอำนาจของ ยูไนเต็ด จนโดนยกให้เป็นคู่ปรับตลอดการของ เฟอร์กี้ วันนี้จะพาผู้อ่านไปรู้จักกับจุดเริ่มต้น และจุดสิ้นสุดของชายคนนั้นที่โดนยกย่องให้เป็นอีกหนึ่งสุดยอดกุนซือแห่งยุคสมัย อาร์แซน เวนเกอร์


น็องซี่ 1984/85

จุดเริ่มต้นงานโค๊ช เวนเกอร์ เกิดขึ้นที่สโมสรน็องซี่ ผลงานการเปิดตัวครั้งแรกของเขาในฐานะผู้จัดการทีมทำได้ดีเกินคาดด้วยการพาทีมจบอันดับที่ 11 ของตารางคะแนน และนำทีมผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายของฟุตบอลถ้วยเฟรนซ์ คัพ ซึ่งมาตกรอบด้วยน้ำมือของ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ด้วยสกอร์ 5-2

น็องซี่ 1985/86

หลังจากเริ่มต้นฤดูแรกในการคุมทีมได้อย่างงดงาม ปีต่อมา เวงเกอร์ ก็ต้องรู้จักกับการดิ้นรนหนีตกชั้นเป็นครั้งแรก เมื่อเขานำทีมจบอันดับที่ 18 ของลีกเอิง ต้องไปหนีตกชั้นด้วยการเล่นเพลย์-ออฟ กับทีมมัลเฮาส์ เอฟซี จากลีกเดอซ์ ซึ่งลูกทีมของ เวงเกอร์ เอาชนะได้ในเลกแรกแบบสบายๆ 3-0 แต่เกมเลกสองกลับฟอร์มหลุดรุ่ยแพ้ 2-0 อย่างไรก็ตาม น็องซี่ ยังคงรอดจากตกชั้นแบบหวุดหวิด

น็องซี่ 1986/87

ก่อนจะเริ่มฤดูกาล 1986/87 สโมสรน็องซี่ มีปัญหาทางด้านการเงินอย่างหนัก ทีมจึงต้องตัดสินใจขายผู้เล่นตัวหลักออกจากทีมเพื่อหาเงิน, นี่อาจจะเป็นส่วนหล่อหลอมให้ เวงเกอร์ เป็นผู้จัดการทีมที่สามารถคุมทีมที่มีงบประมาณจำกัดได้ดี แน่นอนว่าฤดูกาลนี้ทีมไม่อาจจะอยู่รอดบนลีกสูงสุดได้อีกแล้ว น็องซี่ เก็บชัยชนะได้เพียงแค่ 8 เกมเท่านั้นตลอดทั้งฤดูกาล และจบซีซั่นด้วยอันดับที่ 19 ของตารางคะแนน


โมนาโก 1987/88

เกียรติประวัติ : แชมป์ลีกเอิง ฝรั่งเศส

แม้ เวนเกอร์ จะมีประสบการณ์คุมทีมแค่เพียง 3 ปีเท่านั้น โมนาโก ก็ยังตัดสินใจเลือกเขาเข้าเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ในปี 1987 ซึ่งเรียกได้ว่าจากหน้ามือเป็นหลังเท้า จากการคุมสโมสรที่แทบจะล้มละลาย ปีต่อมา เวนเกอร์ มีเงินพอที่จะจิ้มเลือกนักเตะที่เขาต้องการได้

เงินที่ได้มาถูกใช้ไปกับ เกล็น ฮอดเดิล นักเตะของท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ในขณะนั้น และ มาร์ก เฮทลี่ย์ จากเอซี มิลาน ทั้งคู่เข้ามาเป็นกำลังหลักให้กับโมนาโก โดยเฉพาะ เฮทลี่ย์ ที่ยิงไปถึง 14 ประตูในฤดูกาลแรกจนพาทีมเป็นแชมป์ลีกเอิง ฝรั่งเศสในปีนั้น

โมนาโก 1988/89

เวนเกอร์ โชว์แววตาการมองนักเตะที่เฉียบขาดให้ได้เห็นอีกครั้ง ด้วยการคว้าตัว จอร์จ เวอาห์ ดาวยิงที่ภายหลังเป็นตำนานของโลกฟุตบอล มาร่วมทัพ ซึ่งในปีแรกนักเตะชาวไซบีเรีย ก็ไม่ทำให้ผิดหวังสังหารไปถึง 14 ประตู

ในฤดูกาลนี้ พวกเขาก็ไม่อาจป้องกันแชมป์ลีกเอิงเอาไว้ได้ แม้จะยิงประตู และเก็บคะแนนได้มากกว่าฤดูกาลที่แล้วก็ตาม สุดท้าย เวนเกอร์ พาทีมจบอันดับที่สามบนตารางคะแนน และต้องอกหักพลาดการคว้าแชมป์เฟรนซ์ คัพ เพราะในรอบชิงชนะเลิศแพ้ให้กับ โอลิมปิก มาร์กเซย 4-3

โมนาโก 1989/90

โมนาโก ต้องจบอันดับที่สามของลีกอีกครั้งในฤดูกาล 1989/90 แม้ รามอน ดิอาซ หัวหอกตัวเก่งจะช่วยทีมยิงไป 15 ประตูก็ตาม แต่ก็ไม่อาจจะแย่งแชมป์มาจาก โอลิมปิก มาร์กเซย มาได้ ด้วยช่องว่างที่ต่างกันถึง 7 คะแนน, ซึ่งในฤดูกาลนี้ โมนาโก เป็นทีมที่มีแนวรับแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก พวกเขาเสียประตูแค่ 24 ประตูจาก 38 นัด

โมนาโก 1990/91

เกียรติประวัติ : แชมป์เฟรนซ์ คัพ

สองปีหลังจากที่พลาดแชมป์เฟรนซ์ คัพ, โมนาโก และเวนเกอร์ ก็ตามกลับมาชำระแค้น โอลิมปิก มาร์กเซย ได้สำเร็จ ด้วยการเฉือนไปด้วยสกอร์ 1-0 ในรอบชิงชนะเลิศ ส่วนผลงานในลีก ลูกทีมของ เวนเกอร์ ทำได้ดีขึ้น ด้วยการจบแบบเป็นรองแชมป์ โดย แชมป์ก็ยังคงเป็นยอดทีมในยุคนั้นอย่าง โอลิมปิก มาร์กเซย

โมนาโก 1991/92

มันเป็นอีกปีที่ โมนาโก ต้องมารับบทเป็นพระรองต่อจาก โอลิมปิก มาร์กเซย ที่คว้าแชมป์ลีกไปครอบครอง ส่วนผลงานในฟุตบอลรายการยุโรปทีมของ เวนเกอร์ ทะลุเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศรายการ ยูโรเปี้ยน คัพ วินเนอร์ คัพ แต่สุดท้ายก็ต้องช้ำใจ พ่ายให้กับ แวร์เดอร์ เบรเมน ทีมจากเยอรมัน 2-0.

โมนาโก 1992/93

เวนเกอร์พาทีมจบอันดับที่ 3 ของลีกเอิงอีกครั้ง ซึ่งฤดูกาล 1992/93 เป็นอีกหนึ่งในประวัติศาสตร์ เพราะ โอลิมปิก มาร์กเซย คว้าแชมป์ไปครองได้ แต่กลับโดนริบแชมป์เนื่องจากโดนข้อหาว่าจ้างล้มบอล ทางลีกพยายามที่จะยกแชมป์ให้ทีมรองจ่าฝูงอย่าง ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ซึ่งทีมจากเมืองหลวงก็ปฎิเสธที่จะรับเอาไว้ ทำให้ในฤดูกาลนี้ ลีกสูงสุดของประเทศฝรั่งเศสไม่มีแชมป์

โมนาโก 1993/94

ฤดูกาลนี้ โมนาโก ได้เซ็นสัญญา เจอร์เก้น คลิ้นส์มันน์ กองหน้าระดับตำนานของทีมชาติเยอรมัน เข้ามาร่วมทีม แต่ทีมกลับทำผลได้อย่างน่าผิดหวัง จบเพียงอันดับที่ 9 ของลีก นี่ถือเป็นฤดูกาลที่ โมนาโก ทำผลงานได้แย่ที่สุดภายใต้การคุมทัพ อาร์แซน เวนเกอร์ ส่วนในฟุตบอลถ้วยเฟรนซ์ คัพ ก็มาโดน โอลิมปิก มาร์กเซย เจ้าเก่า เขี่ยกระเด็นตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย

อย่างไรก็ตาม เวนเกอร์ ก็ยังพอมีผลงานที่น่าจดจำบ้าง เมื่อเขาพาทีมไปไกลถึงรอบรองชนะเลิศ ในฟุตบอลรายการยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ก่อนที่จะแพ้ให้กับแชมป์ในปีนั้นอย่าง เอซี มิลาน ที่คุมทีมโดย ฟาบิโอ คาเปลโล

โมนาโก 1994/95

ฤดูกาล 1994/95 เป็นปีที่ เวนเกอร์ โดนปลดออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีม โดยเป็นเพียงครั้งเดียวตลอดการคุมทีมของเขาที่โดนสโมสรปลดออกจากตำแหน่ง, ช่วงซัมเมอร์ปี 1994 โมนาโก เพิ่งปัดข้อเสนอแย่งชิงตัวกุนซือของพวกเขาไป แต่ไม่นานในเดือนกันยายนปีเดียวกัน โมนาโก ก็สั่งปลดกุนซือ เวนเกอร์ ที่พาทีมจมอยู่อันดับที่ 17 ของตารางคะแนนในขณะนั้น


นาโกย่า แกรมปัส เอต 1995

เกียรติประวัติ : แชมป์เอ็มเพอเรอร์ คัพ

หลังจากโดนปลดออกจาก โมนาโก, เวนเกอร์ ก็เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลไปประเทศญี่ปุ่น เพื่อมาคุมสโมสร นาโกย่า แกรมปัส เอต ทีมที่จบเป็นบ๊วยของเจลีก เมื่อฤดูกาลก่อนหน้านี้

กุนซือชาวฝรั่งเศส เริ่มต้นชีวิตการคุมทีมในแดนปลาดิบอย่างยากลำบาก, เขาพาทีมเก็บชัยชนะได้เพียง 1 นัดเท่านั้นจาก 8 นัดแรกที่คุมทีม, อย่างไรก็ตาม เวนเกอร์ ก็กลับมาพาทีมเล่นดีขึ้นเรื่อยๆ และการเอาชนะซานเฟรช ฮิโรชิม่า 3-0 ในรอบชิงชนะลิศฟุตบอลรายการเอ็มเพอเรอร์ คัพ ทำให้สโมสรนาโกย่า แกรมปัส เอต ปลดล็อคคว้าแชมป์แรกของสโมสรได้อย่างยิ่งใหญ่ นอกจากนี้ เวนเกอร์ ก็ได้รับเลือกให้เป็นผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมของ เจ ลีก ประจำฤดูกาล 1995 อีกด้วย

นาโกย่า แกรมปัส เอต 1996

เกียรติประวัติ : เจแปนนิส ซูเปอร์คัพ

เริ่มต้นฤดูกาลด้วยการพาทีมพิชิต โยโกฮาม่า มารินอส 2-0 ในรายการเจแปนนิส ซูเปอร์คัพ และในช่วงกลางฤดูกาลของเจ ลีก, เวนเกอร์ ได้รับการติดต่อมาจาก อาร์เซน่อล ให้เข้ามารับหน้าที่กุนซือต่อจาก บรูซ ริอ็อค, นัดสุดท้ายของกุนซือชาวฝรั่งเศสกับ นาโกย่า แกรมปัส เอต เกิดขึ้นในเดือน สิงหารคม ปี 1996.


อาร์เซน่อล 1996/97

ใครวะ อาร์แซน? เป็นคำถามที่แฟนบอลสงสัย เมื่อ เวนเกอร์ เข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการทีม อาร์เซน่อล เมื่อปี 1996 และฤดูกาลแรกในถิ่น ไฮบิวรี่ ของเขาก็ทำสาวกกันเนอร์รู้จักชายที่ชื่อ อาร์แซน เวนเกอร์ มากขึ้น, เขาประเดิมการคุมทีมนัดแรกด้วยการบุกไปชนะ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส 2-0 ที่สนามอีวูด พาร์ค

ทีมปืนใหญ่จบฤดูกาลด้วยการคว้าอันดับสามในพรีเมียร์ลีก ด้วยคะแนนที่เท่ากับรองจ่าฝูง นิวคาสเซิ่ล และห่างจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แชมป์ของลีก 7 คะแนน, ส่วนบอลถ้วยในประเทศทั้งสองรายการตกรอบ 4 ด้วยการพ่ายให้กับ ลีดส์ ยูไนเต็ด และ ลิเวอร์พูล.

อาร์เซน่อล 1997/98

เกียรติประวัติ : แชมป์พรีเมียร์ลีก, แชมป์เอฟเอ คัพ

เวนเกอร์ สามารถสร้างประวัติศาสตร์ได้ตั้งแต่คุมทัพ อาร์เซน่อล แบบเต็มฤดูกาลครั้งแรก ด้วยการพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก และเอฟเอ คัพ ซึ่งทำให้เขากลายเป็นผู้จัดการทีมต่างชาติคนแรกที่คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้, ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ ทีมปืนใหญ่ มีแต้มตามหลังจ่าฝูง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อยู่ถึง 12 คะแนน แต่ช่วง 15 เกมสุดท้าย พวกเขามาโชว์ฟอร์มสุดโหดเก็บชัยชนะได้ถึง 14 เกม ทำให้มีแต้มพุ่งทะยานแซงทีมของ เซอร์ อเล็ก เฟอร์กูสัน ได้สำเร็จ

ส่วนในรายการเอฟเอ คัพ, อาร์เซน่อล เอาชนะ นิวคาสเซิ่ล ได้ในรอบชิงชนะเลิศ 2-0 จากการช่วยกันยิงของ นิโกล่าส์ อเนลก้า และมาร์ค โอเวอร์มาร์ส, โดยในฤดูกาล 1997/98 มาร์ค โอเวอร์มาร์ส และเดนนิส เบิร์กแคมป์ คู่หูชาวดัตช์ ช่วยเดอะ กันเนอร์ ทำไปรวมกันถึง 38 ประตู.

อาร์เซน่อล 1998/99

หลังจากดื่มด่ำกับความสำเร็จในฤดูกาล 1997/97 ฤดูกาลถัดมา เวนเกอร์ ก็ต้องรับรู้ถึงรสชาติของความผิดหวังอีกครั้ง, อาร์เซน่อล ต้องเสียแชมป์ให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยแต้มที่ห่างกันเพียงแค่คะแนนเดียวเท่านั้น, การบุกไปพ่ายให้กับ ลีดส์ ยูไนเต็ด 1-0 ในเกมนัดที่ 37 ของฤดูกาล เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ อาร์เซน่อล ไม่สามารถป้องกันแชมป์เอาไว้ได้

ส่วนในรายการเอฟเอ คัพ ทัพปีศาจแดง ก็มาซ้ำเติมด้วยการเขี่ยทีมปืนใหญ่ ตกรอบรองชนะเลิศ(นัดรีเพย์)ด้วยสกอร์ 2-1 ที่สนาม วิลล่า พาร์ค จากประตูโซโล่เดี่ยวสุดสวยของ ไรอั๊น กิ๊ก, ขณะที่ในรายการยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ก็ต้องจอดป้ายเพียงแค่รอบแบ่งกลุ่ม สุดท้ายในรายการลีกคัพตกรอบ 4 ด้วยการบุกไปโดย เชลซี ถล่มเละเทะ 5-0.

อาร์เซน่อล 1999/2000

เกียรติประวัติ : แชริตี้ ชิลด์

อาร์เซน่อล ต้องรู้สึกเกลียดการยิงจุดโทษอย่างแน่นอนในฤดูกาล 1999/2000, หลังในรายการยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่มทำได้แค่จบเป็นอันดับ 3 ของกลุ่ม ทำให้พวกเขาต้องหล่นมาเล่นถ้วยเล็กอย่าง ยูฟ่า คัพ และต้องพลาดแชมป์จากการดวลจุดโทษแพ้ กาลาตาซาราย ส่วนในรายการเอฟเอ คัพ และลีก คัพ ต้องแพ้ให้กับ เลสเตอร์ ซิตี้ และมิดเดิลสโบรห์ ด้วยการยิงจุดโทษเช่นกัน

แม้จะเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์แชริตี้ ชิลด์ ในเดือนสิงหาคม แต่ทีมปืนใหญ่ก็เป็นได้แค่รองแชมป์พรีเมียร์ลีก เท่านั้น พวกเขามีแต้มตามหลังทีมของเซอร์ อเล็ก เฟอร์กูสัน ห่างไกลถึง 18 คะแนน แต่ฤดูกาลนี้ก็ไม่ได้เลวร้ายไปนักสำหรับ เวนเกอร์ เพราะเขาได้เซ็นสัญญากองหน้าคนใหม่เข้ามาร่วมทัพ กองหน้าคนใหม่ยิงให้สโมสรถึง 26 ประตูในฤดูกาลแรก และกองหน้าคนนั้นชื่อว่า เธียร์รี่ อองรี

อาร์เซน่อล 2000/01

เป็นอีกฤดูกาลที่ เวนเกอร์ ไร้ถ้วยแชมป์กับทีมปืนใหญ่, ในพรีเมียร์ลีก อาร์เซน่อล มีแต้มห่างจากแชมป์อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถึง 10 คะแนน, ส่วนในรายการเอฟเอ คัพ ปืนใหญ่ เดินทางเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศเจอกับ ลิเวอร์พูล ก่อนที่จะจบรายการด้วยการเป็นเพียงแค่รองแชมป์เท่านั้น ทั้งๆที่สามารถทำประตูออกนำไปได้ก่อน แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับความร้อนแรงของ ไมเคิ่ล โอเว่น ในปีนั้น.

ด้านฟุตบอลรายการยุโรป ในทีสุด อาร์เซน่อล ภายใต้การนำทัพของ เวนเกอร์ ก็สามารถผ่านเข้าไปเล่นรอบน็อคเอ้าท์ได้สำเร็จ แต่ก็ต้องมาตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย ด้วยการแพ้ให้กับ บาเลนเซีย ด้วยกฎอเวย์โกล.

อาร์เซน่อล 2001/02

เกียรติประวัติ : แชมป์พรีเมียร์ ลีก, เอฟเอ คัพ

ฤดูกาลที่ 4 ในการคุมทัพปืนโตของ เวนเกอร์, เขาจัดการพาทีมพิชิตดับเบิ้ลแชมป์ได้เป็นครั้งที่ 2 หลังจากเก็บชัยชนะได้ 15 จาก 16 เกมหลังสุดในลีก โดยเกมที่พาพวกเขากลับมาคว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้อีกครั้ง คือนัดที่บุกไปยัดเยียดความปราชัยให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ถึง โอลด์ แทรฟฟอร์ด 1-0 ในนัดรองสุดท้ายของฤดูกาล

ด้านนัดชิงชนะเลิศรายการเอฟเอ คัพ สามารถเอาชนะ เชลซี ได้ด้วยสกอร์ 2-0 ที่สนามมิลเลนเนียม สเตเดี้ยม ประเทศเวลล์ จากประตูของ เรย์ พาร์เลอร์ และเฟรดริก ลุงเบิร์ก, ในฤดูกาลนี้ เธียร์รี่ อองรี โชว์ฟอร์มสุดโหดด้วยกันสังหารไปถึง 32 ประตู จากการลงสนามให้ทีม 49 นัด และนี้เป็นจุดเริ่มต้นของยุคสมัยที่ทีมปืนใหญ่โดนขนานนามว่า “ไร้เทียมทาน

อาร์เซน่อล 2002/03

เกียรติประวัติ : แชมป์เอฟเอ คัพ

เดอะ กันเนอร์ ดูเหมือนจะสามารป้องกันแชมป์ลีกสูงสุดเอาไว้ได้ เพราะก่อนช่วงคริสต์มาส พวกเขาขึ้นมานำเป็นจ่าฝูงเดี่ยวๆบนตารางคะแนน แต่น่าเสียดายที่ช่วงครึ่งหลังของฤดูกาลไปสะดุดเสมอมากเกินไป ทำให้ทีมคู่ปรับเจ้าเก่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาปาดหน้าคว้าแชมป์ลีกไปครอง, อย่างไรก็ตามลูกทีมของ เวนเกอร์ ก็ยังคงรักษาแชมป์ไว้ได้ 1 รายการคือ เอฟเอ คัพ หลังจากในรอบน็อคเอ้าท์ พวกเขาได้กำจัดขวากหนามอย่าง เชลซี และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ให้พ้นทาง ก่อนที่สุดท้ายจะไปเช็คบิล เซาแธมป์ตัน ได้ในรอบชิงชนะเลิศ ด้วยประตูชัยของ โรแบร์ ปิแรส

อาร์เซน่อล 2003/04

เกียรติประวัติ : แชมป์ไร้พ่าย พรีเมียร์ ลีก

อาร์เซน่อล คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกไปครอบครองได้อย่างยิ่งใหญ่ โดยที่ไม่มีสโมสรไหนในลีกสามารถสร้างรอยแผลให้กับพวกเขาได้เลยแม้แต่เกมเดียว จากสถิติการลงสนาม 38 นัด เก็บชัยชนะได้ 26 เกม เสมอ 12 เกม

สิ่งที่ทำให้การคว้าแชมป์ไร้พ่ายครั้งนี้ของทีมปืนใหญ่น่าอภิรมย์ขึ้นไปอีกคือการที่บุกไปเก็บ 1 คะแนนได้เกมที่เจอกับท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ ส่งผลให้ ปืนใหญ่ เป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกสุดยิ่งใหญ่ครั้งนี้ ต่อหน้าแฟนๆที่สนาม ไวท์ ฮาร์ท เลน ของคู่อริเบอร์หนึ่งตลอดกาล, แม้การที่ต้องตกรอบรองชนะเลิศรายการยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ด้วยน้ำมือของ เชลซี เป็นสิ่งที่น่าเสียดายในฤดูกาลนี้ แต่จวบจนถึงปัจจุบัน อาร์แซน เวนเกอร์ ก็ยังเป็นผู้จัดการทีมคนเดียวในพรีเมียร์ลีกที่พาทีมสร้างตำนานแชมป์ไร้พ่ายได้สำเร็จ

อาร์เซน่อล 2004/05

เกียรติประวัติ : แชมป์เอฟเอ คัพ, แชริตี้ ชิลด์

สถิติไร้พ่ายอันยาวนานของ อาร์เซน่อล ต้องหยุดลงในนัดที่ 49 จากการพ่ายให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-0 ด้วยจุดโทษของ รุด ฟาน นิสเตลรอย และอีกหนึ่งประตูของ เวย์น รูนี่ย์, โดยสุดท้ายถ้วยแชมป์พรีเมียร์ในฤดูกาลนี้ก็ตกไปอยู่กับทีมอริร่วมเมืองลอนดอน เชลซี ด้วยคะแนนที่ทิ้งห่างกันถึง 12 แต้ม

อย่างไรก็ตาม เวนเกอร์ สามารถนำแชมป์เอฟเอ คัพ กลับมาที่ถิ่นลอนดอนเหนือได้อีกครั้ง, ด้วยการเอาชนะการดวลจุดโทษต่ออริแห่งยุค แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

อาร์เซน่อล 2005/06

ซีซั่นนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ อาร์เซน่อล ไม่ได้กลับมาเป็นทีมระดับท็อปของลีกจนถึงปัจจุบัน(2020), แต่เส้นทางในรายการยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกของ ปืนใหญ่ ปีนี้ยังคงอยู่ในความทรงจำของเหล่าเดอะ กูนเนอร์ส หลายๆคน, อาร์เซน่อล สามารถล้มทั้ง เรอัล มาดริด ยักษ์ใญ่แห่งลาลีกา, ยูเวนตุส ยักษ์ใหญ่จากเซเรีย อา และ บียาร์เรอัล ม้ามืดในปีนั้น จนผ่านเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศเจอกับ บาร์เซโลน่า

ในนัดชิงชนะเลิศทัพปืนใหญ่ต้องมาเรื่องผู้เล่น 10 คนตั้งแต่ต้นเกมเมื่อ เยนส์ เลห์มัน ผู้รักษาประตูมือกาวของทีม โดนไล่ออกในนาทีที่ 18 แม้ช่วงครึ่งแรกจะเป็นฝ่ายออกนำไปก่อน 1-0 แต่ด้วยจำนวนผู้เล่นที่น้อยกว่าก็ไม่สามารถต้นทานพลังเกมบุกของยอดทีมแห่งแคว้นคาตาลันได้ มาโดนยิงแซง 2 ประตูรวดในครึ่งเวลาหลัง จบการแข่งขันด้วยการเป็นแค่รองแชมป์เท่านั้น, ด้านผลงานในลีกพวกเขาจบที่อับดับ 4 ของตารางคะแนน และฤดูกาลนี้ยังเป็นจุดสิ้นสุดของสนามเหย้า“ไฮบิวรี่”อีกด้วย

อาร์เซน่อล 2006/07

เวนเกอร์ พา อาร์เซน่อล เข้าสู่ยุคสมัยใหม่ ด้วยการลงเล่นในบ้านหลังใหม่ เอมิเรตส์ สเตเดียม, กุนซือชาวฝรั่งเศส ต้องนำทีมต่อสู้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ เชลซี ที่ขึ้นเป็นมหาอำนาจของลีกในขณะนั้น, การพ่ายแพ้ต่อ แบล็กเบิร์นโรเวอส์ และ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ทำให้ทีมปืนใหญ่ต้องกระเด็นตกรอบ เอฟเอ คัพ และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ส่วนรายการลีก คัพ ต้องมาพ่ายในนัดชิงชนะเลิศให้กับเชลซี ด้วยฝีเท้าของ ดิดิเยร์ ดร็อกบา ชื่อที่ยังคงตามมาหลอกหลอน อาร์เซน่อล ไม่เคยลืม

อาร์เซน่อล 2007/08

การที่ต้องเสีย เธียร์รี่ อองรี ไปให้กับ บาร์เซโลน่า ทำให้หลายๆคนคิดว่า อาร์เซน่อล จะต้องเจอกับปัญหาหนักแน่นอน แต่ เวนเกอร์ ก็ทำให้เห็นว่าไม่ได้เป็นอย่างที่หลายคนพูดในช่วงครึ่งฤดูกาลแรก

เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ และ เอดูอาร์โด ดา ซิลวา สองคู่หูคนใหม่ ช่วยกันยิงประตูพาทีมปืนโต ขึ้นมารั้งเป็นจ่าฝูงของลีกในเดือน กุมภาพันธ์ และในรายการฟุตบอลถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กับ เอฟเอ คัพ ยังทะลุเข้าไปถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย, แต่ความโชคร้ายก็มาเยือนเดอะ กันเนอร์ ในเกมที่เจอกับ เบอร์มิงแฮม ซิตี้ เมื่อ เอดูอาร์โด ดา ซิลวา โดนเสียบหนักถึงขั้นขาหัก จากนั้นฟอร์มของ อาร์เซน่อล ก็ค่อยๆดิ่งลงเรื่อยๆทันที

ลูกทีมของ เวนเกอร์ จบเป็นที่ 3 ของลีก ส่วนบอลถ้วยอีกสองรายการก็โดน ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เขี่ยตกรอบ.

อาร์เซน่อล 2008/09

ตำแหน่งท็อปโฟร์ของ อาร์เซน่อล โดนคุกคามอย่างหนักจาก แอสตัน วิลล่า ที่นำทัพโดยมาร์ติน โอนีล ตั้งแต่เริ่มต้นฤดูกาลมา แต่เมื่อถึงช่วงตลาดหน้าหนาว ปืนใหญ่ ได้เสริมทัพโดยการดึง อังเดร อาร์ชาวิน เข้ามา ทำให้ในช่วงครึ่งฤดูกาลหลังทุกอย่างก็ง่ายขึ้น

ในปีที่ 12 ของ เวนเกอร์ ที่คุมทัพปืนใหญ่ เข้าใกล้การคว้าถ้วยแชมป์อีกครั้ง แต่ก็โดน ดิดิเยร์ ดร็อกบา และ เชลซี ตามมาหลอกหลอนในรอบรองชนะเลิศรายการเอฟเอ คัพ ส่วนในรายการยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ก็ต้องยอมพ่ายแพ้ให้กับความยอดเยี่ยมของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

อาร์เซน่อล 2009/10

ในฤดูกาลนี้ อาร์เซน่อล กลับมามีลุ้นคว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้อีก แต่การสะดุดไม่ชนะในบ้าน 4 จาก 5 เกมสุดท้าย ทำให้แชมป์ต้องตกไปอยู่กับ เชลซี ที่มี คาโล อันเชลอตติ รับหน้าที่กุนซืออยู่ในขณะนั้น

ส่วนเส้นทางในรายการยูฟ่าแชมเปี้ยรส์ ลีก พวกเขาผ่านเข้ามาเล่นในรอบ 8 ทีมสุดท้ายอีกครั้ง และก็ต้องมาเจอกับคู่แค้นอย่าง บาร์เซโลน่า เกมเลกแรกที่อังกฤษจบด้วยผลเสมอ 2-2 ด้านเกมเลกสองที่คัมนูป์ แม้จะยิงประตูขึ้นนำไปได้ก่อน แต่กลับมาโดน ลิโอเนล เมสซี่ ยอดแข้งยุคเปิดโหมดก็อดยิงคนเดียว 4 ลูกรวด เส้นทางในรายการยุโรปของ อาร์เซน่อล ก็จบลงทันที

อาร์เซน่อล 2010/11

เป็นอีกฤดูกาลที่ อาร์เซน่อล ต้องจบแบบไร้ถ้วยแชมป์ เป็นปีที่ 6 ติดต่อกันเข้าไปแล้ว โดยช่วงเดือนกุมภาพันธ์พวกเขายังคงอยู่ในตำแหน่งที่มีลุ้นแชมป์ลีก, เข้าไปเล่นรอบชิงชนะเลิศรายการลีก คัพ เจอกับ เบอร์มิงแฮม ซิตี้, ผ่านไปเล่นรอบ 16 ทีมสุดท้ายรายการยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เจอกับ บาร์เซโลน่า และเข้าไปเล่นรอบ 8 ทีมสุดท้ายในรายการเอฟเอ คัพ

แต่การพ่ายแพ้ เบอร์มิงแฮม ในรอบชิงชนะเลิศ ทำให้ เวนเกอร์ ต้องอกหักจากถ้วยแชมป์อีกครั้ง, ในรายการยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ก็ไม่สามารถผ่านด่านยอดทีมแห่งแคว้นคาตาลันได้ ก่อนที่จะตกรอบฟุตบอลถ้วยเก่าแก่ของอังกฤษด้วยน้ำมือของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และสุดท้ายทัพปืนใหญ่จบเพียงแค่อันดับที่ 4 เท่านั้นในเวทีพรีเมียร์ลีก

อาร์เซน่อล 2011/12

เวนเกอร์ ต้องปวดหัวในฤดูกาลนี้ เพราะต้องเสียนักเตะคนสำคัญของทีมไป 2 คนคือ เชสก์ ฟาเบรกาส ที่ย้ายไปทำตามฝันที่บาร์เซโลน่า และ ซามีร์ นาสรี ที่ย้ายไปตามหาแชมป์กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แต่อย่างไรก็ตามกุนซือชาวฝรั่งเศสยังโชคดีอยู่บ้างที่รักษา โรบิน ฟาน เพอร์ซี ที่สังหารไปถึง 30 ประตู พร้อมคว้ารางวัลดาวซัลโวของลีกไปครองในฤดูกาลนี้

อาร์เซน่อล มีช่วงที่ต้องตามหลัง ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ ทีมอันดับที่ 4 ของตาราง ถึง 13 คะแนน เกือบที่จะไม่ได้ไปเล่นบอลถ้วยใหญ่ยุโรป แต่ช่วง 10 เกมสุดท้ายของฤดูกาล พลพรรคเดอะ กันเนอร์ มาเร่งเครื่องเก็บชัยชนะได้ถึง 9 เกม ทำให้สุดท้ายกลับมาติดอันดับท็อปโฟร์ได้สำเร็จ

ช่วงตลาดหน้าหนาวปืนใหญ่ได้เซ็นสัญญายืมตัว เธียร์รี่ อองรี มาจาก นิวยอร์ก เรดบลูส์ กลับมาเล่นในถิ่นลอนดอนเหนืออีกครั้ง, แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยอายุที่โรยราทำให้ตำนานดาวยิงสูงสุดของอาร์เซน่อลก็ไม่สามารถช่วยให้ทีมประสบความสำเร็จได้

อาร์เซน่อล 2012/13

อาร์เซน่อล ไม่ใช่สโมสรที่หลายคนมองว่าจะประสบความสำเร็จอีกต่อไป ทำให้ โรบิน ฟาน เพอร์ซี ดาวยิงตัวเก่งตัดสินใจย้ายไปหาถ้วยแชมป์กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั่นทำให้งานที่ เสนเกอร์ จะพาทีมกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งดูเหมือนจะยากไปทุกที, สเปอร์ กลับมาท้าทายการไปเล่นรายการยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ของ อาร์เซน่อล อีกครั้ง ด้วยการทำอันดับนำหน้ามาโดยตลอดในฤดูกาล แต่ เวนเกอร์ ก็ยังพาทีมกลับมาได้อีกครั้ง ชัยชนะ 8 จาก 10 เกมหลังสุด ทำให้ปืนใหญ่ยังได้ไปโลดแล่นในรายการถ้วยหูใหญ่อีกครั้งในฤดูกาลหน้า

ด้านในรายการฟุตบอลถ้วยในประเทศ ทีมปืนใหญ่ ต้องมาโดนทีมที่อยู่ระดับดิวิชั่นต่ำกว่าอย่าง แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส และแบร์ดฟอร์ด ซิตี้ เขี่ยตกรอบทั้งสองรายการ นั้นทำให้เกิดคำถามขึ้นกับเหล่าสาวกกูนเนอร์ว่ายุคสมัยของ เวนเกอร์ ควรจะจบลงหรือยัง?

อาร์เซน่อล 2013/14

เกียรติประวัติ : แชมป์เอฟเอ คัพ

เวนเกอร์ ต้องใช้เวลาถึง 9 ปี เพื่อพาทีมกลับมามีถ้วยรางวัลอีกครั้ง, การซื้อ เมซุต โอซิล เข้ามาเสริมทัพ ทำให้ อาร์เซน่อล ได้รับรู้ถึงคำว่า “เวิล์ดคลาส” อีกครั้ง, เพลย์เมกเกอร์ชาวเยอรมัน ช่วยให้ อาร์เซนอล ผ่านด่าน สเปอร์, ลิเวอร์พูล, เอฟเวอร์ตัน ไปชิงชนะเลิศกับ ฮัลล์ ซิตี้ ก่อนที่จะชนะด้วยสกอร์ 3-2 ปิดจ็อบคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ไปครองได้อีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม เวนเกอร์ และอาร์เซน่อล ยังคงไม่สามารถประสบความสำเร็จในลีกได้ พวกเขาจบฤดูกาลด้วยอันดับที่ 4 อีกครั้ง โดยในซีซั่นนี้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นฝ่ายคว้าแชมป์ลีกสูงสุดไปครอง

อาร์เซน่อล 2014/15

เกียรติประวัติ : แชมป์เอฟเอ คัพ

การเซ็นสัญญา อเล็กซิส ซานเชซ ดาวยิงจากบาร์เซโลน่า เข้ามาร่วมซุ้มปืน ยังไม่อาจเปลี่ยนแปลงให้ทีมของ เวนเกอร์ กลับมาลุ้นแชมป์ลีกสูงสุดได้ แต่ ศูนย์หน้าชาวชิลี ช่วยให้ อาร์เซน่อล คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ได้เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน ด้วยการไล่ยิงถล่ม แอสตัน วิลล่า 4-0 ในรอบชิงชนะเลิศ ด้านรายการยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ทีมปืนใหญ่ มีความหวังอีกครั้ง เมื่อรอบ 16 ทีม ไม่ได้จับฉลากมาปะทะกับทีมยักษ์ใหญ่ของยุโรป แต่สุดท้าย เวนเกอร์ ก็ต้องมาตกรอบด้วยสโมสรที่เขาเคยสร้างชื่อไว้เมื่อครั้งอดีตอย่าง โมนาโก

อาร์เซน่อล 2015/16

เวนเกอร์ ควรที่จะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครองได้เป็นครั้งที่ 4 ให้กับตัวเองในฤดูกาลนี้ หลังจากเอาชนะจ่าฝูงของลีกที่ไม่มีใครคาดคิดอย่าง เลสเตอร์ ซิตี้ ในวันวาเลนไทน์ ทำให้ ปืนใหญ่ มีคะแนนตามหลังทีมจิ้งจอก แค่เพียง 1 คะแนนเท่านั้น แต่หลังจากนั้น 2 เกมถัดมา พวกเขากลับไปแพ้ให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และสวอนซี ซิตี้ ส่วน เลสเตอร์ กลับมาเก็บ 3 คะแนนได้ ด้วยการชัยชนะเหนือ สโต๊ก ซิตี้ สุดท้าย เคลาดิโอ รานิเอรี พา “เดอะ ฟ็อกซ์” สร้างเทพนิยายคว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้อย่างยิ่งใหญ่ ส่วน อาร์เซน่อล ไม่อาจเอื้อมไปคว้าแชมป์ได้ จบเป็นรองจ่าฝูงอย่างน่าเสีบดาย

ส่วนการคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ครั้งที่ 3 ติดต่อกันของ อาร์เซน่อล โดนหยุดโดย วัตฟอร์ด ที่บุกมายิงดับคาบ้านแบบสุดช็อค, ทำให้ เวนเกอร์ ต้องมือจบปีแบบมือเปล่าอีกครั้ง

อาร์เซน่อล 2016/17

เกียรติประวัติ : แชมป์เอฟเอ คัพ

แม้จะประสบความสำเร็จในการคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ได้เป็นครั้งที่ 7 แต่ก็เกิดคำถามขึ้นอย่างจริงจังจากเหล่าสาวกกูนเนอร์สว่า เวนเกอร์ คุมทีมมาเป็นเวลานานเกินไปแล้วหรือยัง?, กุนซือชาวฝรั่งเศส ไม่สามารถพาทีมจบตำแหน่งท็อปโฟร์ได้เป็นครั้งแรกของเขา ส่วนในรายการยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก สามารถทะลุเข้ามาเล่นรอบ 16 ทีมสุดท้ายได้อีกครั้ง แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับ บาเยิร์น มิวนิค แบบหมดสภาพด้วยสกอร์รวม 10 ประตูต่อ 2 นี่เป็นสกอร์ที่ อาร์เซน่อล ภายใต้การคุมทัพของ เวนเกอร์ แพ้ขาดที่สุดตั้งแต่มาคุมทีมในถิ่นลอนดอนเหนือ

แต่อย่างน้อย การคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ อีกครั้ง ก็ยังคงมีสิ่งที่น่าจดจำอยู่บ้าง เวนเกอร์ พาทีมล้มทีมมหาอำนาจของลีก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ของโครตกุนซือ เป๊ป กวาดิโอล่า ได้ในรอบรองชนะเลิศ ก่อนจะไปคว่ำอริร่วมเมืองลอนดอน เชลซี ในรอบชิงชนะเลิศ, มันควรเป็นการปิดฉากปีสุดท้ายของ เวนเกอร์ ที่ค่อนข้างสวยงาม หากเขายอมลงจากตำแหน่งในปีนี้

อาร์เซน่อล 2017/18

ทว่า กุนซือชาวฝรั่งเศส ยังคงตัดสินใจอยู่กับทีมปืนใหญ่เพิ่มอีกหนึ่งปี และจุดจบของเขาก็กลับกลายเป็นสิ่งที่ไม่น่าจดจำ

อาร์เซน่อล จบฤดูกาลด้วยการรั้งอันดับที่ 6 ในลีก ส่วนด้านรายการเอฟเอ คัพ ลูกทีมของ เวนเกอร์ ต้องกระเด็นออกจากรายการตั้งแต่รอบแรก ด้วยการพ่ายให้กับทีมระดับดิวิชั่นต่ำกว่าอย่าง น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ มันทำให้ เวนเกอร์ รับรู้ได้ทันทีว่ายุคสมัยของเขาถึงเวลาต้องปิดฉากจริงๆแล้ว สุดท้ายในเดือนเมษายน 2018 กุนซือชาวฝรั่งเศสประกาศชัดเจนว่าจะอำลาถิ่น เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม หลังจากสิ้นสุดฤดูกาลนี้

เวนเกอร์ มีความหวังที่จะคว้าแชมป์ยุโรปได้ครั้งแรกกับทีม หลังพาทีมทะลุผ่านเข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศรายการยูฟ่า ยูโรป้าลีก แต่ แอตเลติโก มาดริด ของดิเอโก้ ซิเมโอเน่ ก็มาดับเทียนความหวังนั้นลง

การบุกไปเอาชนะ ฮัดเดอร์ฟิลด์ ทาวน์ ในเดือนพฤษภาคม ปี 2018 ถือเป็นการปิดฉากการทำงานร่วมกับทัพ “ปืนใหญ่” มากว่า 22 ปี ของ อาร์แซน เวนเกอร์


แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวนี้

Scroll to Top