ทาคุมิ มินามิโนะ กับเส้นทางจาก โอซาก้า สู่ แอนฟิลด์

ในนาทีที่ 56 ของเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่มที่ ลิเวอร์พูล เปิดรังแอนฟิลด์ เฉือนเอาชนะ เรดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก 4-3 เมื่อเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา มันเป็นช่วงเวลาที่ ทาคูมิ มินามิโนะ กองหน้าทีมชาติญี่ปุ่น วอลเล่ย์ทำประตูอย่างสุดสวยต่อหน้า “เดอะ ค็อป” ทั้งสนาม แต่มันเป็นการทำสกอร์ในฐานะคู่แข่งของ “หงส์แดง”

ประตูดังกล่าวของ มินามิโนะ มันแสดงให้เห็นถึงทักษะ และการจัดระเบียบร่างกายที่ยอดเยี่ยมของเขา ซึ่งหลังจากยิงประตูได้นั้น ภาพได้จับไปที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีมชาวเยอรมันของ ลิเวอร์พูล ที่กำลังยิ้มพร้อมกับพยักหน้าให้การยอมรับความสามารถของหัวหอกเลือดซามูไร 

มันไม่ใช่เพียงแต่สกอร์ของ มินามิโนะ เท่านั้นที่ทำให้เขาได้รับการจับตามอง แต่ฟอร์มการเล่นโดยรวมของเขาในเกมกับ ลิเวอร์พูล นั้น ก็ทำได้เป็นอย่างดี โดย ดาวเตะวัย 25 ปี ปั่นป่วนผู้เล่น “หงส์แดง” ได้ตลอดทั้งเกม รวมถึงเกือบช่วยให้ ซัลซ์บวร์ก เก็บแต้มจากแอนฟิลด์ได้สำเร็จ

Photo: bleacherreport.com

หลังจบเกมในค่ำคืนวันนั้น มันเป็นการเปลี่ยนแปลงอนาคตของ มินามิโนะ ไปอย่างสิ้นเชิง รายงานข่าวระบุว่า ในห้องแต่งตัวนักเตะ ลิเวอร์พูล หลายคนพูดถึง มินามิโนะ อย่างมาก พร้อมทั้งเรียกร้องให้ คล็อปป์ พาเจ้าตัวมาเล่นกับ “หงส์แดง” ให้ได้

3 เดือนต่อมา ลิเวอร์พูล ประกาศเซ็นสัญญากับ มินามิโนะ จาก ซัลซ์บวร์ก ด้วยค่าตัว 7.5 ล้านปอนด์ พร้อมกับทำให้เขากลายเป็นนักเตะชาวญี่ปุ่นคนแรกในประวัติศาสตร์ของ “หงส์แดง” และปัจจุบันเด็กจากเมืองโอซาก้าคนนี้ กำลังพิสูจน์ตัวเองในถิ่นแอนฟิลด์  

มินามิโนะ เป็นคนที่กระหายจะเล่นฟุตบอลอยู่เสมอ โดยย้อนกลับไปในวัยเด็กเขาฝ่าฝืนคำสั่งของคุณพ่อ และพี่ชายด้วยการไปเล่นฟุตบอลกับเด็กที่โตกว่า และมีร่างกายแข็งแกร่งกว่าเขา ซึ่งมันเป็นเหมือนการส่งสัญญาณในความมุ่งมั่นของเจ้าตัว

เคอิตะ โยชิกาว่า โค้ชคนแรกของ มินามิโนะ ในสมัยเป็นเด็กเล่าว่า “ทาคูมิ เป็นนักฟุตบอลที่หาได้ยากในปัจจุบันนี้ เขาสามารถพัฒนาตัวเองก้าวไปสู่ระดับที่สูงขึ้นได้”

Photo : premierleaguenewsnow.com

ในปี 2007 มินามิโนะ เข้าสู่สังกัดของ เซเรโซ่ โอซาก้า ทีมดังในศึกเจลีก ในฐานะนักเตะเยาวชน พร้อมกับแสดงศักยภาพสร้างความตกตะลึงให้กับผู้จัดการทีม และสตาฟฟ์โค้ช เพราะถึงแม้จะเป็นผู้เล่นในแนวรุกแต่เขาก็ไล่บีบแย่งบอลจากคู่แข่งทุกจังหวะราวกับว่า มันเป็นเกมสุดท้ายของชีวิต และยังคว้าตำแหน่งดาวซัลโวได้อีกด้วย

ตามปกติแล้วในวงการลูกหนังญี่ปุ่นจะมุ่งเน้นหนักในเรื่องทีมเวิร์ค, พละกำลัง และใช้การเพรซซิ่งเป็นหลักตลอดทั้งเกม แต่สำหรับ มินามิโนะ เขาได้เพิ่มความมุ่งมั่น, เทคนิค และความสามารถพาะตัวเข้าไปอีก พร้อมกับนำมาประยุกต์ใช้ในสนามได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ขณะเดียวกัน เลเวียร์ คัลปิ อดีตเทรนเนอร์ชาวบราซิลของ เซเรโซ่ โอซาก้า ชื่นชอบในตัว มินามิโนะ เป็นอย่างมาก ก่อนจะให้โอกาสประเดิมสนามกับทีมชุดใหญ่เมื่อปี 2012 ด้วยวัยเพียง 17 ปีเท่านั้น เพราะมองเห็นว่า อดีตดาวยิง ซัลซ์บวร์ก เป็นผู้เล่นที่มีพรสวรรค์

ในเวลานั้น มินามิโนะ เป็นเพียงแค่ดาวรุ่งหน้าใหม่ในทีม ซึ่งกำลังศึกษาระดับมัธยมปลาย และ คัลปิ ให้เขาลงเล่นเป็นครั้งแรกกับทีมชุดใหญ่ในเกมกับ โอมิยะ อาร์ดิย่า ในบทบาทตัวรุกริมเส้นภายใต้ระบบ 4-3-3  ทั้งที่ มินามิโนะ คุ้นเคยกับการเล่นเป็นกองหน้าตัวกลางมาตลอด

อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจของ คัลปิ ที่เปลี่ยนบทบาทของ มินามิโนะ นั้น ช่วยสร้างประโยชน์อย่างมหาศาลให้กับอดีตเด็กปั้น เซเรโซ่ โอซาก้า อย่างมหาศาล เพราะมันทำให้เขาเพิ่มทักษะในการช่วยทีมเล่นเกมรับมากยิ่งขึ้น

มินามิโนะ เคยให้สัมภาษณ์ว่า “ในสมัยเป็นนักเตะเยาชนผมไม่เคยเล่นเป็นตัวริมเส้นเลย ดังนั้น ในตอนแรกที่ถูกเปลี่ยนตำแหน่งผมสับสนนิดหน่อย แม้กระทั่งตอนที่ผมลงเล่นในบางเกม ผมก็รู้สึกว่า ตัวเองยังห่างไกลจากโอกาสทำประตู และผมก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า จะเล่นเกมรับอย่างไร”

ในช่วงแรกกับบทบาทตัวริมเส้น มินามิโนะ มีปัญหากับการปรับตัวพอสมควร เนื่องจากสไตล์ที่มุ่งมั่นแย่งบอลอย่างเอาเป็นเอาตายของเขานั้น ทำให้เจ้าตัวต้องโดนใบแดงถึง 2 ใบในช่วง 3 ฤดูกาลกับ เซเรโซ่ โอซาก้า แต่แน่นอนว่า มันเป็นช่วงเวลาแห่งการเรียนรู้สำหรับดาวรุ่ง

หัวหอก ลิเวอร์พูล มี โรนัลโด้ ตำนานกองหน้าทีมชาติบราซิล เป็นไอดอล ซึ่งเขาเริ่มติดตาม “โล้นทองคำ” ตั้งแต่ฟุตบอลโลก 2002 ที่ญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพร่วมกับเกาหลีใต้ จากนั้น มินามิโนะ ได้ศึกษาทักษะ และการเล่นต่างๆของ โรนัลโด้ พร้อมนำมาปรับใช้กับตัวเอง

Photo: essentiallysports.com

หลังจากแสดงให้เห็นถึงฝีเท้า และพรสวรรค์ที่น่าตื่นเต้นที่ เซเรโซ่ โอซาก้า ในปี 2015 มินามิโนะ ได้โอกาสครั้งใหญ่ในชีวิตด้วยการย้ายไปเล่นกับ ซัลซ์บวร์ก ในออสเตรีย โดยที่เขานำความกระหาย, ความดุดัน และความมุ่งมั่นมาสู่ต้นสังกัดใหม่ทันทีที่มาถึง

ปีเตอร์ ซีดเลอร์ อดีตโค้ชชาวเยอรมัน ซัลซ์บวร์ก กล่าวถึง มินามิโนะ ว่า “เขาเป็นนักฟุตบอลที่มีวินัยมาก และเขาทำทุกอย่างตามที่ผมแนะนำอยู่เสมอ”

ตลอดระยะเวลา 5 ปี กับ ซัลซ์บวร์ก มินามิโนะ ได้พัฒนาตัวเองอย่างก้าวกระโดด รวมทั้งยังได้เรียนรู้การเล่นฟุตบอลในระดับสูงพร้อมมาปรับใช้ได้อย่างยอดเยี่ยม ซึ่งมันชัดเจนมากหากมองย้อนกลับไปถึงฟอร์มการเล่นของเขากับ ลิเวอร์พูล

จากการเป็นกองหน้าดาวรุ่งมากพรสวรรค์สู่การเปลี่ยนบทบาทเป็นตัวริมเส้นที่เล่นเกมรับได้อย่างแข็งแกร่งภายใต้ระบบการเล่นที่เข้มงวดของ คัลปิ ที่ เซเรโซ่ โอซาก้า ก่อนจะซึมซับฟุตบอลอาชีพระดับสูงกับ ซัลซ์บวร์ก นั้น ตอนนี้ มินามิโนะ เป็นผู้เล่นที่มีพร้อมแล้วจะก้าวไปสู่อีกระดับกับ ลิเวอร์พูล ภายใต้การทำงานร่วมกับ คล็อปป์

เจสซี่ มาร์ช ผู้จัดการทีม ซัลซ์บวร์ก อธิบายถึง มินามิโนะ ว่า “เขาเป็นคนที่เข้าใจฟุตบอลอย่างแท้จริง เขาเข้าใจถึงวิธีการเล่น และแท็คติคได้เป็นอย่างดี ทากิ เป็นคนที่มีแรงขับเคลื่อนตัวเองสูงมาก และมักจะหาวิธีที่จะทำให้ตัวเองดีขึ้นทุกวัน มันเป็นเพียงเรื่องของเวลาที่เขาจะประสบความสำเร็จกับ ลิเวอร์พูล”

Photo: bleacherreport.com

ในเวลานี้ มินามิโนะ ลงเล่นให้กับ ลิเวอร์พูล ไปแล้ว 3 เกม และแม้จะยังยิงประตูไม่ได้เลย แต่เขาก็ไม่แสดงความวิตกกังวลในการปรับตัว และยังคงมีความกระตือรือร้นอย่างเต็มเปี่ยมในการเรียนรู้กับทุกๆอย่างในทัพ “หงส์แดง”

แน่นอนว่า โอกาสของ มินามิโนะ กับ ลิเวอร์พูล จะมาในเวลาที่เหมาะสม ลองนึกถึงบรรดาผู้เล่นอย่าง แอนดี้ โรเบิร์ตสัน แบ็คซ้ายทีมชาติสก็อตแลน์, ฟาบินโญ่ กองกลางชาวบราซิล และอเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน มิดฟิลด์ชาวอังกฤษ ต่างใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะได้มีส่วนร่วมกับทีมของ คล็อปป์ 

มินามิโนะ พร้อมจะรอเวลาของเขาเช่นกัน สไตล์การเล่นที่มุ่งมัน ความเป็นนักสู้ และการเข้าใจในแท็คติคเป็นอย่างดี มันจะทำให้เขาเป็นผู้เล่นที่สมบูรณ์แบบสำหรับ ลิเวอร์พูล ภายใต้ระบบของ คล็อปป์ ได้อย่างแน่นอน

จริงอยู่ที่ มินามิโนะ อาจไม่ได้เป็นดาวเด่นของ ลิเวอร์พูล เช่นเดียวกับบรรดาแนวรุกคนอื่นๆอย่าง โมฮัมเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน่ หรือ โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่ แต่ศักยภาพ และความเข้าใจเกมของเจ้าตัวจะทำให้เขาเป็นหนึ่งในนักเตะชั้นยอดของ “หงส์แดง” ในแบบเดียวกับที่ เดิร์ค เคาท์ หรือ หลุยส์ การ์เซีย เคยทำให้กับสโมสร

มินามิโนะ เป็นผู้เล่นที่พร้อมจะทำงานหนัก และเตรียมพร้อมสำหรับการเรียนรู้เพื่อให้ตัวเองบรรลุความสำเร็จกับ ลิเวอร์พูล และมันจะกลายเป็นแรงผลักดันที่ยิ่งใหญ่กว้าเดิมเพราะในปี 2015 เขาเคยให้สัมภาษณ์ว่า อยากทำงานภายใต้การคุมทีมของ คล็อปป์

ณ เวลานี้ มินามิโนะ ทำความฝันของตัวเองสำเร็จมาหนึ่งขั้นแล้ว และเขาจะมีอนาคตสดใสกับ ลิเวอร์พูล อย่างแน่นอนหากยังใช้ทัศนคติเดิมจากที่ โอซาก้า ซึ่งมันพาเขามาจนถึง แอนฟิลด์ ในวันนี้

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวนี้

Scroll to Top