แกเร็ธ เบล สุดยอดฮีโร่ของชาวเวลส์

นักฟุตบอลบางคนสามารถทำให้เกมมีชีวิตชีวา บางคนสามารถสิ่งที่พิเศษ บางคนสร้างแรงบันดาลใจให้กับทีม หรือจุดประกายความหวังในสนาม และบางคนสามารถยกระดับทีมชาติของตนเองไปสู่ความสำเร็จได้ ซึ่งผู้เล่นหนึ่งในนั้นก็คือ แกเร็ธ เบล ปีกทีมชาติเวลส์ ของ เรอัล มาดริด สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกลา ลีกา สเปน

ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบชิงชนะเลิศปี 2014 ที่ มาดริด เอาชนะ แอตเลติโก มาดริด 4-1 และ เบล ซัดไป 1 ประตู นั้น หลังจบเกมสิ่งแรกที่เขาทำคือนำธงชาติเวลส์ผืนใหญ่ที่มีสัญลักษณ์มังกรแดงมาคล้องคอเอาไว้

การคว้าถ้วยยุโรปร่วมกับ มาดริด อีก 3 ครั้ง ในปี 2016,2017 และล่าสุดในปี 2018 ซึ่ง เบล ซัดประตูใส่ ลิเวอร์พูล ไป 2 ลูกก็เช่นเดียวกัน หลังจบเกมเขาเดินออกมาจากสนามพร้อมกับธงชาติเวลส์พาดบนหัวไหล่

Photo: bleacherreport.com

เวลส์ คือ ชีวิต

สำหรับผู้นักฟุตบอลส่วนใหญ่การคว้าถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 4 สมัย พร้อมกับทำประตูสุดสวยในนัดชิงฯ ถือเป็นความสุดยอดในอาชีพที่ไม่มีใครเทียบได้ แต่สำหรับ เบล มันแตกต่างกันออกไป เพราะสำหรับเขานั้น การเล่นให้กับทีมชาติเวลส์มีความหมายเหนือสิ่งอื่นใด

ในวัย 30 ปี เบล ทำสถิติเป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของทีมชาติเวลส์ ด้วยการซัดไป 33 ประตู จาก 83 เกมจนถึงเวลานี้ และเจ้าตัวมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการพาพลพรรค “มังกรแดง”  เข้าไปเล่นในทัวร์นาเมนต์ “ยูโร 2016” ซึ่งนับเป็นรายการใหญ่ครั้งแรกในรอบ 58 ปี พร้อมพาทีมสร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการเข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศ ก่อนพ่ายให้กับ โปรตุเกส ไปอย่างน่าเสียดาย

ขณะเดียวกัน หากเป็นสถานการณ์ปกติในเดือนมิถุนายนนี้ เบล จะต้องนำทีมชาติเวลส์ลงทำศึก “ยูโร 2020” แต่เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า นั้น ทำให้ทัวร์นาเมนต์ต้องถูกเลื่อนออกไป ซึ่งคาดว่าจะกลับมาเล่นกันอีกครั้งในปีหน้า

เบล ซึ่งปัจจุบันได้สวมปลอกแขนกัปตันทีมชาติเวลส์แทน แอชลี่ย์ วิลเลี่ยมส์ อยู่หลายเกม นั้น ถูกเรียกตัวมารับใช้ชาติตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปี 2006 โดยที่เวลานั้นเขาเพิ่งลงเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ของ เซาแธมป์ตัน ในตำแหน่งแบ็คซ้ายไปเพียง 2 เกมเท่านั้น

Photo : skysports.com

ก้าวแรกสู่ทัพ “มังกรแดง”

โรเบิร์ต เอิร์นชอว์ อดีตกองหน้าทีมชาติเวลส์ เล่าว่า “ในตอนแรกที่เข้ามาสู่ทีมเขาเป็นคนขี้อายมาก เมื่อคุณเป็นดาวรุ่งข้ามาในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยนักเตะชุดใหญ่ คุณก็อยากจะแสดงให้เห็นว่า ทำอะไรได้บ้าง? คุณอยู่ในระดับใด? และ เบล ก็เป็นแบบนั้น”

“แต่ในเวลาเดียวกันคุณสามารถเห็นได้เลยว่า เขาเป็นตัวของตัวเอง และแสดงสิ่งที่เขาต้องการออกมา เขาเป็นเด็กเงียบๆ แต่เมื่อเขาเล่นในสนามคุณจะเห็นได้ว่า เขามีความมั่นใจมากขึ้น”

ย้อนกลับไปในเดือนพฤษภคมปี 2006 เบล มีชื่อติดทีมชาติเวลส์ไปเล่นเกมอุ่นเครื่องอย่างไม่เป็นทางการกับ บาสก์ ที่บิลเบา แต่เขาถูกเรียกตัวกลับกระทันหันเพื่อไปช่วยทัพ “มังกรแดง” ชุดอายุต่ำกว่า 21 ปี เล่นกับเอสโตเนีย ในเร็กซ์แฮม ก่อนพาทีมคว้าขัยได้สำเร็จ

อย่างไรก็ตาม เบล ถูกเรียกตัวกลับสู่ทีมชุดใหญ่อีกครั้งหลังจากที่ ไรอัน กิ๊กส์ ปีก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้รับบาดเจ็บ และนั่นก็ทำให้เขาได้ประเดิมสนามอย่างเป็นทางการให้กับ “มังกรแดง” ในเกมกับ ตรินิแดด แอนด์ โตเบโก ด้วยวัยเพียง 16 ปี กับ 315 วัน ซึ่งทำให้เจ้าตัวสร้างประวัติศาสตร์เป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดที่ได้ลงสนามให้กับเวลส์

เอิร์นชอว์ เล่าถึง เบล ซึ่งเป็นคนแอสซิสต์ให้เขาซัดประตู ตรินิแดด แอนด์ โตเบโก ต่อว่า “ก่อนอื่นผมคิดว่า เด็กคนนี้ทำได้ดีมาก ผมเห็นเขาฝึกซ้อมมานิดหน่อย แต่คุณไม่มีทางรู้เลยว่า ผู้เล่นอายุน้อยจะตอบสนองอย่างไรจนกว่าคุณจะเห็นพวกเขาในสนาม”

“แต่เมื่อผมเห็นเขาครองบอล เลี้ยงบอล และความสามารถด้านอื่นๆของเขา ผมคิดทันทีเลยว่า นี่เป็นนักเตะชั้นยอด ตอนนั้น เขาเริ่มผ่อนคลายมากขึ้น เขาล้อเล่นกับพวกเรา และหัวเราะอย่างสนุกสนานอยู่เสมอ เมื่อคุณเห็นรอยยิ้มของเขาคุณจะบอกได้เลยว่า เขากำลังมีความสุข ตอนนี้คุณเห็นเขาเติบโตขึ้น และเป็นผู้เล่นที่ดี นั่นเป็นสิ่งที่พิเศษจริงๆ”

Photo : thetimes.co.uk

เส้นทางในสโมสร

การเล่นระดับสโมสรของ เบล ก้าวกระโดดไปอย่างรวดเร็ว โดยในปี 2007 ท็อตแนม ฮอทสเปอร์ และ แมนฯยูไนเต็ด 2 ทีมดังแห่งพรีเมียร์ลีก ต่างแย่งกันเซ็นสัญญากับเขา และในที่สุดกลายเป็น “ไก่เดือยทอง” ที่ได้ตัวเขาไปร่วมทีม

ในช่วง 2 ปีแรกกับ สเปอร์ส เบล ต้องเจอกับความยากลำบาก หลังจากได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง และมุมมองด้านสถิติต่างๆมันแสดงให้เห็นว่า อดีตเด็กปั้น เซาแธมป์ตัน กำลังล้มเหลวในเส้นทางอาชีพของเขากับ “ไก่เดือยทอง”

อย่างไรก็ตาม แฮร์รี่ เร็ดแน็ปป์ ผู้จัดการทีม สเปอร์ส ในเวลานั้น เป็นคนให้โอกาส เบล และยังเชื่อมั่นในตัวเขาอยู่เสมอ พร้อมทั้งปรับบทบาทจากแบ็คซ้ายขยับขึ้นมาเล่นในตำแหน่งปีกซ้าย ซึ่งมันเป็นเหมือนการเกิดใหม่ของดาวเตะเวลส์อย่างแท้จริง  

เบล สร้างความหวาดหวั่นให้กับบรรดากองหลังในพรีเมียร์ลีก และแนวรับทั่วยุโรป โดยนักเตะอย่าง ไมค่อน อดีตแบ็คขวาทีมชาติบราซิลของ อินเตอร์ มิลาน ก็ตกเป็นเหยื่อ เบล อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะในเกมยุโรปที่ สเปอร์ส พ่ายให้กับ “งูใหญ่” 3-4 และ เบล ซัดแฮตทริค  

ความสุดยอดของ เบล ทำให้เขาได้รับการโหวตให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของ PFA ในปี 2011 และปี 2013 ซึ่งในปีนั้นเขาพ่วงรางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปี รวมึงรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของสมาคมนักข่าวฟุตบอลอังกฤษอีกด้วย ซึ่งมีนักเตะคนเดียวที่เคยทำได้นั่นก็คือ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ อดีตปีก แมนฯยูไนเต็ด

Photo : sportsjoe.ie

ย้ายสู่ “ราชันชุดขาว”

ในซัมเมอร์ปี 2013 เบล เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตเมื่อ มาดริด ยอมจ่ายเงิน 85 ล้านปอนด์ เป็นสถิติโลกในเวลานั้นให้กับ สเปอร์ส คว้าตัวเขาไปยังถิ่นซานติอาโก้ เบอร์นาบิว และในซีซั่นแรกกับ “ราชันชุดขาว” เขาก็ไม่ทำให้สโมสรต้องผิดหวังหลังกระหน่ำไปรวมทุกรายการถึง 22 ประตู

การย้ายไปยัง มาดริด ของ เบล ที่ในเวลานั้นมีนักเตะระดับโลกอย่าง โรนัลโด้, มาร์เซโล่ และอดีตเพื่อนร่วมทีม สเปอร์ส อย่าง ลูก้า โมดริช ทำให้ เบล พัฒนาตัวเองกลายเป็นผู้เล่นระดับท็อปอย่างเต็มตัว และนั่นก็เป็นประโยชน์อย่างมหาศาลต่อทีมชาติเวลส์ด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ในฤดูกาลต่อมา แฟนบอล มาดริด ก็เหมือนเด็กทีเบื่อของเล่นใหม่ พวกเขาเริ่มหันมาโจมตี เบล ที่ยิงไป 18 ประตูในฤดูกาลที่ 2 กับทีม และมันเป็นเหมือนจุดเริ่มต้นที่ทำให้ ปีกชาวเวลส์ เริ่มไม่สบายใจ และฟอร์มตกมาถึง ณ เวลานี้ ทั้งที่เขาพาทีมคว้าแชมป์ยุโรป 4 สมัย และแชมป์ลา ลีกา อีก 1 สมัย

จากการวิพากษ์วิจารณ์ฟอร์มในสนามกลายมาเป็นการโจมตีเรื่องส่วนตัว โดยทุกวันนี้แฟนบอล มาดริด และบรรดาสื่อในแดนกระทิงดุต่างแสดงความคิดเห็นว่า เบล ไม่มุ่งมั่นกับการเล่นฟุตบอลเท่าที่ควร และให้ความสำคัญกับการเล่นกอล์ฟมากเกินไป

กิ๊กซ์ ซึ่งปัจุบันเป็นกุนซือทีมชาติเวลส์ กล่าวว่า “ผมจำได้ว่า โรนัลโด้ (อดีตกองหน้าทีมชาติบราซิล) ก็เคยมีปัญหากับแฟนบอล เรอัล มาดริด และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ก็เช่นเดียวกัน พวกเขาเป็นแบบนั้นมานานแล้ว เมื่อพวกเขาไม่พอใจคุณ พวกเขาเขาจะโยนผ้าเช็ดหน้าสีขาวออกมา ซึ่งนั่นเป็นวิธีการแสดงออกของพวกเขา”  

เมื่อปีที่แล้วรอยร้าวยิ่งเพิ่มมากขึ้นไปอีกเมื่อ ซีเนอดีน ซีดาน กุนซือ มาดริด ให้สัมภาษณ์ว่า มันจะดีที่สุดสำหรับทุกคนฝ่ายที่ เบล ย้ายออกไป ซึ่งสำหรับการเล่นให้ “ราชันชุดขาว” นั้น มันมีแต่ความกดดัน แต่สำหรับเวลส์ เบล เป็นคนสำคัญของทีมอยู่เสมอ

ขณะเดียวกัน สื่อสเปนตั้งคำถามว่า ทำไม เบล ถึงกลับไปซ้อมกับเวลส์ทั้งที่มีข่าวว่าบาดเจ็บ และไม่สามารถลงเล่นให้กับ มาดริด ได้ โดย เปแดร็ก มิยาโตวิช ผู้อำนวยการกีฬา “ราชันชุดขาว” ก็ให้สัมภาษณ์ว่า อดีตปีก สเปอร์ส ให้ความสำคัญกับทีมชาติ และการเล่นกอล์ฟมาก่อนสโมสร

Photo : businessinsider.com

ฮีโร่ชาวเวลส์

ในเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมาในเกมรอบคัดเลือกศึกยูโร 2020 ที่ เวลส์ เปิดรังคาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ สเตเดียม เอาชนะ ฮังการี 2-0 พร้อมกับคว้าตั๋วไปเล่นในรอบสุดท้ายได้สำเร็จนั้น หลังจบเกม เบล สร้างความฮือฮาด้วยการถ้วยป้ายไวนิลมีข้อความว่า “เวลส์ กอล์ฟ มาดริด ตามลำดับ”

ขณะที่บรรดาสื่อมวลชนชื่อดังในสเปนอย่าง “มาร์ก้า” ก็ตอบโต้พฤติกรรมของ เบล ด้วยการพาดหัวข่าวว่า“หยาบคาย การกระทำที่ผิด เนรคุณ ตามลำดับ” แต่สำหรับ เบล เขาไม่สนใจ และกลับมองว่า มันเป็นเรื่องที่น่าตลก

แม้กับ มาดริด เบล จะเหมือนเป็นส่วนเกินของทีม แต่ในประเทศเวลส์แฟนบอลทุกคนยกย่องเขาดุจฮีโร่ แต่บางทีสิ่งที่ทำให้พวกเขารู้สึกถึงความพิเศษยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ตัวตนของ ดาวเตะ “ราชันชุดขาว” ที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย และเป็นเหมือนตัวแทนของประเทศ

สำหรับทีมชาติเวลส์การวางรากฐานสำหรับความสำเร็จนี้ใช้เวลานานหลายปี พวกเขาเคยเจ็บปวดภายใต้การคุมทีมของ จอห์น โตแช็ค และพัฒนาขึ้นในยุคของ แกร์รี่ สปีด อย่างไรก็ตาม การเสียชีวิตของ สปีด นั้น ส่งผลกระทบอย่างมากกับทัพ “มังกรแดง”

คริส โคลแมน ซึ่งเพื่อนร่วมรุ่นของ สปีด เขามาสานงานต่อพร้อมกับมีบรรดานักเตะฝีเท้าดีหลายรายในทีมอย่าง เบล, เบน เดวีส์, โจ อัลเลน และ แอรอน แรมซีย์ โดยบรรดาแข้งเหล่านี้ทำให้ “มังกรแดง” มีขุมกำลังเชิงลึกที่แข็งแกร่งขึ้นกว่ายุคก่อน

จากความยอดเยี่ยมในศึกยูโร 2016 ที่ประเทศฝรั่งเศส เวลส์ กลายเป็นทีมที่พัฒนาขึ้นมาอย่างต่อเนื่องโดยที่มี เบล เป็นตัวชูโรง และศักยภาพของเขาพร้อมจะสร้างช่วงเวลาที่มีค่าให้กับบ้านเกิดของตัวเองอยู่เสมอ

ทุกวันนี้ เบล เปรียบเสมือนผู้แบกความหวังของชาวเวลส์ทั้งชาติเลยก็ว่าได้ เขาเป็นทุกๆอย่างรวมถึงเป็นความภาคภูมิใจของทีม และเมื่อศึกยูโร 2020 กลับมาฟาดแข้งอีกครั้ง ปีกวัย 30 ปี คนนี้จะพาทัพ “มังกรแดง” โชว์ฟอร์มผงาดในทัวร์นาเมนต์อย่างไม่ต้องสงสัย

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวนี้

Scroll to Top