ศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เข้าสู่ช่วงสุดท้ายที่กำลังขับเคี่ยวกันอย่างเมามันส์ในเรื่องของการลุ้นหนีตกชั้น และ ลุ้นพื้นที่ไปเล่นบอลยุโรปในฤดูกาลหน้า ซึ่งผลการแข่งขันคู่หนึ่งเมื่อคืนที่ผ่านมาส่งผลโดยตรงต่อการลุ้นหนีตกชั้นนั่นก็คือคู่ของ วัตฟอร์ด ที่เปิดบ้านเฉือนชนะ นอริช ซิตี้ ไปได้ 2-1 ส่งผลให้ นกขมิ้นเหลืองอ่อน จมบ๊วยมีเพียงแค่ 21 แต้ม กับโปรแกรมในมือเพียงแค่ 4 นัดที่เหลือ แล้วอนิจจาที่เป็น แตนละวาด ที่อยู่ในโซนปลอดภัยอันดับสุดท้ายที่ 17 มีแต้มเพิ่มเป็น 31 แต้ม เรียกว่าเป็นโปรแกรมที่หักขากันโดยตรง…ใช่เลย!!! ตามทฤษฏี นอริช ยังมีสิทธิ์รอดได้ถ้าหากคว้าชัยในอีก 4 เกมที่เหลือ เก็บได้ทั้งหมด 12 แต้ม แต่มันต้องลุ้นให้ วัตฟอร์ด แพ้รวดโดยเก็บไม่ได้แม้แต่คะแนนเดียว พูดกันตามตรงมันยากราวกับต้องสร้างปาฏิหาริย์อย่างไงอย่างงั้นเลย…ถ้าไม่โลกสวยเกินไปคงต้องยอมรับจริงๆ ว่าทาง นอริช นั้นตกชั้นแล้วแน่ยิ่งกว่าแช่แป้งราว 99.99%
การคุมทัพของ ดาเนียล ฟาร์เก้ ถ้าดูรูปเกมของทีมแล้ว ไม่ได้ขี้เหร่อะไรเลย บุกแลกกับทุกทีมได้สนุก แต่ปัญหามันอยู่ที่ศักยภาพของตัวผู้เล่นมันสู้กันไม่ได้ ไปเปิดเกมรุกแลกใส่ ลิเวอร์พูล แบบนี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่างงั้น…มันอาจเร้าใจแฟนบอลว่าทีมของคุณสู้ได้ดี แต่ท้ายที่สุดแล้วผลลัพธ์มันไม่สวยงามตอนจบ เนื่องจากมือเปล่าเก็บคะแนนไม่ได้แม้แต่แต้มเดียวลงเอยด้วยความพ่ายแพ้อยู่เสมอมา…ทีนี้ลองมาคิดกันดูว่าปัญหาต่อไปที่ทีมต้องเผชิญด่านแรกยามต้องลงไปเล่นในศึก เดอะ แชมเปี้ยนชิพ อีกครั้งคืออะไรกันบ้าง? อันดับแรกที่หนีไม่พ้นย่อมเป็นเรื่องของเงินงบประมาณที่ต้องเจอกับการขาดงบดุลย์เพราะรายได้ของลีกแค่เรื่องลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดก็ต่างกันราวฟ้ากับเหวแล้ว แถมเงินสนับสนุนก็ลดน้อยลงไปครึ่งต่อครึ่ง บวกกับวิกฤติโควิด-19 เข้าไปอีก นับว่าเรื่องเงินทำทีมพังได้ง่ายๆ เลย…แล้วห่วงโซ่ความบรรลัยไม่จบอยู่แค่นั้น “เมื่อทีมไม่มีเงินผู้บริหารจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร?” ทางออกที่ง่ายที่สุดที่ย่อมหนีไม่พ้นการ “ขายซูเปอร์สตาร์ของทีมออกไป”…เรามาเดากันเล่นๆ ว่าใครที่เข้าข่ายกันบ้าง
รายแรก ทอดด์ แคนท์เวลล์ แนวรุกสาระพัดประโยชน์ชาวอังกฤษวัยแค่ 22 ปี ถือว่าทำผลงานได้โดดเด่นอย่างมากเมื่อเทียบกับผลงานของทีมที่จมบ๊วย เขาทำไปถึง 6 ประตู กับ 2 แอสซิสต์ จากการลงสนามเกมลีก 33 นัด สถิติอาจไม่หวือหวาแต่ประโยชน์ในการเล่นของเขานั้นเต็มเปี่ยม สร้างจังหวะการเล่นสวยๆ ช่วยเลี้ยงแหวกกองหลังด้วยความพริ้วเปิดช่องให้เพื่อนร่วมทีมเล่นง่ายๆ มูลค่าทางการตลาดของเขาอยู่แค่ราว 20 ล้านปอนด์เท่านั้น แต่เชื่อว่าถ้ามีการซื้อขายเกิดขึ้นจริงน่าจะพุ่งไปแตะหลัก 25-30 ล้านปอนด์เพราะอายุการใช้งานยังเหลืออีกเพียบบวกกับค่าสัญชาติ…แน่นอนว่า แคนท์เวลล์ เป็นเป้าหมายเบอร์หนึ่งที่ทีมในศึกพรีเมียร์ลีกจ้องกันตาเป็นมัน เตรียมพรากตัวทันทีเมื่อต้นสังกัดของเขาตกชั้นแบบร้อยเปอร์เซ็นต์
รายที่สอง แม็กซ์ อารอนส์ แบ็คขวาดีกรีทีมชาติอังกฤษชุดเล็ก มีข่าวเชื่อมโยงกับยอดทีมแห่งลอนดอนเหนือทั้ง อาร์เซน่อล และ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ตั้งแต่ตลาดเดือนมกราคมที่ผ่านมา แต่ที่ดูมีมูลแล้วเป็นไปได้ในตอนนี้ คือ การย้ายไปร่วมทัพ ไก่เดือยทอง ที่ทาง โชเซ่ มูรินโญ่ กำลังตามหาฟูลแบ็คตัวใหม่อยู่ ซึ่งทั้งอายุการใช้งานของดาวเตะรายนี้ที่เพิ่งจะ 20 ขวบเท่านั้น คงคุ้มราคาค่าตัวที่ถูกตีไว้ราว 20-30 ล้านปอนด์…โดยทาง ปืนใหญ่ คงไม่ต้องการ อารอนส์ ต่อไปแล้วเนื่องจาก เซดริก โซอาเรส นั้นลงสนาม และทำผลงานได้ดูดีมีอนาคตเลยทีเดียว
รายสุดท้าย เบน ก็อดฟรี่ย์ เซนเตอร์แบ็คดีกรีทีมชาติอังกฤษชุดเล็ก…บุคลิกความเป็นผู้นำในแผงหลังของเขาค่อนข้างโดดเด่นเกินอายุ 22 ปี แม้ไม่ได้มีรูปร่างที่สูงโปร่งแต่ก็มีความเร็วเข้ามาทดแทน สามารถพาบอลขึ้นหน้าได้ค่อนข้างดีดันขึ้นไปช่วยเกมบุกได้ในบางจังหวะแถมมีทีเด็ดในการส่องไกลที่น่ากลัว อาจจะต้องพัฒนาในเรื่องของประสบการณ์ในการเข้าบอลบางจังหวะ และการยืนคุมพื้นที่ให้ดูครอบคลุมมากขึ้น แต่ภาพรวมการเล่นนั้นดูเป็นกองหลังตัวกลางที่มีอนาคตสดใสไม่น้อย…โดยสัปดาห์ที่ผ่านมาเขาตกเป็นข่าวว่าได้รับความสนใจจากทีมยักษ์ใหญ่ในศึกบุนเดสลีกา เยอรมัน ทั้งทาง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ และ แอร์เบ ไลป์ซิก ที่พร้อมทุ่มเงินราว 25 ล้านปอนด์แลกลายเซ็นต์ของเขาเลยทีเดียว
แน่นอนว่าถ้า นอริช ตัดสินใจปล่อยนักเตะตัวหลักออกไปจากทีม จะสามารถช่วยพยุงสถานการณ์เรื่องของการเงินของสโมสรในระยะสั้นให้ผ่านพ้นวิกฤติไปได้แบบแก้ผ้าเอาหน้ารอด แต่ในระยะยาวล่ะ? ผลกระทบต่อจิตใจของแฟนบอลที่คาดหวังให้ทีมกลับขึ้นมาเล่นในลีกสูงสุดอีกครั้ง ไม่รู้ต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหน? ไม่มีใครตอบได้ว่ามันจะเกิดขึ้นอีกครั้งหรือไม่? ไม่แน่อาจหายไปจากสาระบบยาวๆ แบบทาง โบลตัน วันเดอร์เรอร์ส ที่แฟนบอลแทบลืมชื่อกันไปแล้วในทุกวันนี้ก็เป็นไปได้เช่นกัน