Home บทความฟุตบอล ทำนายชะตา พรีเมียร์ลีก ทีมตกชั้น และตั๋ว UCL

ทำนายชะตา พรีเมียร์ลีก ทีมตกชั้น และตั๋ว UCL

0
ทำนายชะตา พรีเมียร์ลีก ทีมตกชั้น และตั๋ว UCL

ไม่นานเกินรอ…วันอาทิตย์นี้เอง เราๆ ท่านๆ และเหล่าแฟนฟุตบอลศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ก็จะได้ทราบบทสรุปสุดท้ายของซีซั่นนี้แล้วว่า จะลงเอยเช่นไร? แม้ว่าสีสันการลุ้นแชมป์จะจบลงไปแล้วหลังจากที่ “หงส์แดงลิเวอร์พูล โชว์ฟอร์มระดับเทพคว้าถ้วยไปแบบม้วนเดียวจบ จนอดีตแชมป์อย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้แต่นั่งกุมขมับเพราะแช่งยังไงฟอร์มของ ลิเวอร์พูล ก็ไม่ยวบสักที….อ้าว!!! แล้วสีสันที่เหลืออยู่ของบอลลีกแดนผู้ดีปีนี้ เหลืออะไรบ้างล่ะ?

แน่นอนว่าคงไม่พ้นตั๋วไปเล่นศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก สองใบสุดท้ายสำหรับอันดับที่ 3 กับ 4 ที่นอกจากจะการันตีเงินเข้าคลังสโมสรแบบมหาศาลแล้ว ยังช่วยดึงดูดนักเตะระดับบิ๊กเนมให้ตัดสินใจย้ายมาร่วมทัพง่ายขึ้นอีกด้วย ซึ่งทีมที่กำลังขับเคี่ยวกันอย่างเมามันในตอนนี้ประกอบไปด้วย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เชลซี และ เลสเตอร์ ซิตี้ ส่วนสิ่งสุดท้ายที่น่าลุ้นไม่แพ้กัน คือ การลุ้นหนีตกชั้นที่มี บอร์นมัธ, วัตฟอร์ด และ แอสตัน วิลล่า ที่สองจากสามทีมในนี้ต้องบ๊ายๆ บอกลาลีกสูงสุดในบั้นปลาย…มาดูกันว่าบทวิเคราะห์ภาพรวมที่เป็นความคิดเห็นส่วนตัวจะออกมาเป็นอย่างไรกันบ้าง?

ขอเริ่มกันที่การลุ้นหนีตกชั้นก่อนเป็นอันดับแรกว่ากันที่โอกาสรอดของ บอร์นมัธ ทีมรองบ๊วยที่มีแค่ 31 แต้ม โปรแกรมนัดสุดท้ายของพลพรรค “เดอะ เชอร์รี่ส์” ไม่ใช่งานง่ายเลยเพราะต้องบุกไปเยือนถิ่น กูดิสัน พาร์ค ของขุนพล “ท็อฟฟี่สีน้ำเงิน เอฟเวอร์ตัน ที่มีกุนซือจอมเก๋าอย่าง คาร์โล อันเชล็อตติ เป็นนายใหญ่ เงื่อนไขของ บอร์นมัธ นั้นต้องบุกไปเก็บชัยชนะให้ได้สถานเดียว แถมต้องลุ้นให้คู่แข่งอย่าง วัตฟอร์ด และ แอสตัน วิลล่า นัดกันแพ้ทั้งตู่ พวกเขาถึงจะกระโดดขึ้นจากรองบ๊วยไปอยู่อันดับที่ 17 อย่างปาฏิหาริย์สุดๆ ซึ่งถ้าว่ากันตามตรงแล้วโอกาสที่จะเกิดขึ้นนั้นยังมีอยู่แม้ว่ามันจะน้อยเหลือเกิน ในความเห็นส่วนตัวแล้วเชื่อว่าพวกเขาได้ทิ้งโอกาสทองครั้งสุดท้ายไปแล้วในเกมกับ เซาแธมป์ตัน จึงไม่น่ามีเหตุการณ์พลิกล็อคเกิดขึ้น ต่อให้ลูกทีมของ อันเช่ จะไม่มีอะไรให้ลุ้นแต่ด้วยศักดิ์ศรี และความเป็นมืออาชีพแล้วคงไม่ยอมให้มาหยามถึงถิ่นแบบง่ายๆ เป็นแน่…คงต้องบอกลา เดอะ เชอร์รี่ส์ กันไว้แต่เนิ่นๆ ได้เลย

ต่อกันที่ชะตากรรมของทีมอันดับที่ 18 แตนอาละวาด ที่อยู่ดีไม่ว่าดีผู้บริหารเกิดอาการอินดี้สั่งปลด ไนเจล เพียร์สัน บอสใหญ่ของทีมในช่วงชี้ชะตาซะอย่างนั้น แล้วจับดันเอา เฮย์เดน มัลลินส์ ขึ้นมารับเผือกร้อนแทน ก็อย่างที่เห็นกันไปว่าประเดิมนัดแรกก็โดน เรือใบสีฟ้า บุกมาสอนบอลถึงถิ่น วิคาเรจ โร้ด แบบขาดลอย 4-0 แพ้แบบสู้ไม่ได้เห็นคร่าวๆ แล้วว่าโค้ชมือไม่ถึง…โดยโปรแกรมนัดชี้ชะตาพวกเขาต้องบุกไปเยือนถิ่น เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ของยอดทีมแห่งลอนดอนเหนือ อาร์เซน่อล ที่มาคืนฟอร์มได้ถูกเวลาผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศศึก เอฟเอ คัพ แบบหักปากกาเซียน แม้ว่าเกมล่าสุดจะยางแตกฟอร์มหลุดบุกพ่าย สิงห์ผงาด แบบน่าเสียดาย 0-1 แต่เข้าใจได้ว่าแรงกระตุ้นมันต่างกันชุบชีวิตให้เจ้าบ้านตามมาหลอกหลอน แตนอาละวาด ในการหนีตกชั้นแบบสองต่อ…เงื่อนไขในเกมนี้ของ วัตฟอร์ด อันแรกคือไม่ต้องคิดอะไรมากชนะไว้ก่อน ยิงให้เยอะที่สุด แล้วลุ้นผลคู่ แอสตัน วิลล่า ให้ชนะแต่ยิงน้อยกว่าสองประตู, แพ้แต่ต้องลุ้นให้ วิลล่า แพ้ด้วยผลต่างมากกว่าสองประตู และเสมอแต่ต้องลุ้นให้ วิลล่า นั้นแพ้สกอร์ใดก็ได้ เป็นอันจบภารกิจ ซึ่งถามว่าโอกาสเป็นไปได้นั้นยัง 50/50 ในทางทฤษฎี แต่ความเห็นส่วนตัวแล้วเชื่อว่า มิเกล อาร์เตต้า คงอยากสร้างแรงกระตุ้นให้กับขุนพลของทีมก่อนที่ไปชิงถ้วยไร้พ่ายจึงต้องเต็มที่หน่อย และเชื่อว่าคงไม่แพ้คาบ้านให้กับ วัตฟอร์ด เต็มที่หน้าเสมอแบบสุดมันคงมีโอกาสเป็นไปได้มากที่สุด

ทีนี้ตัวแปรสุดท้ายอยู่ที่เกมของ แอสตัน วิลล่า ที่ต้องบุกไปเยือนถิ่น ลอนดอน สเตเดี้ยม พบกันลูกทีมของ เดอะ จีเนียส มอยส์ อย่าง เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ที่อยู่รอดปลอดภัยไม่มีอะไรให้ต้องลุ้นแล้ว…สิงห์ผงาด เหมือนดึงตัวเองขึ้นมาจากหลุมในเกมที่เปิดบ้านเก็บสามแต้มเหนือ อาร์เซน่อล ได้แบบเหนือความคาดหมาย ภารกิจของพวกเขาจึงต้องมาชี้ขาดในนัดสุดท้าย เอาจริงๆ แล้ว ช่างโชคดีเหลือเกินที่เมื่อเทียบโปรแกรมกับอีกสองทีมร่วมชะตากรรมเดียวกันถือว่างานเบาสุด อย่างไรก็ตามเงื่อนไขาที่ทำให้พวกเขาอยู่รอดแบบร้อยเปอร์เซนต์แบบพึ่งลำแข้งของตัวเอง คือ เก็บสามคะแนนให้ได้ นอกเหนือจากนั้นหากเสมอก็ต้องลุ้นให้ วัตฟอร์ด เสมอเช่นกัน แต่ในกรณีที่แพ้ต้องห้าให้ผลต่างลบมากกว่า แตนอาละวาด โดยถ้ามองในเรื่องของแรงกระตุ้นนั้น แอสตัน วิลล่า ดูเหมือนจะมีแพสชั่นที่มาเต็มที่สุดในกลุ่มหนีตกชั้น ความเห็นส่วนตัวจึงมองว่าเกมนี้ วิลล่า มีโอกาสบุกมาเก็บแต้มได้อย่างน้อยหนึ่ง หรือสามคะแนนเลยทีเดียว…ท้ายที่สุดแล้ว แอสตัน วิลล่า มีสิทธิ์สูงสุดจากบรรดาสามทีมที่ต้องเบียดแย่งโควต้าสุดท้ายเรื่องความอยู่รอด ซึ่งที่แทบไม่กล่าวถึง บอร์นมัธ เลยเพราะมองว่าโอกาสของ เดอะ เชอร์รี่ส์ ต่ำเตี้ยเรี่ยดินที่สุดแทบจะมองข้ามไปได้เลยด้วยซ้ำ แถมบรรดาผู้เล่นเหมือนถอดใจไปแล้วจากการพ่ายคาบ้านในเกมล่าสุด

มาต่อกันที่ประเด็นที่คนแฟนบอลพุ่งกระแสจับตามองมากที่สุดในเกมลีกอังกฤษนัดส่งท้าย คือ โควต้าพื้นที่ฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก อันดับที่ 3 และ 4 เริ่มต้นกันที่คู่ของทีมอันดับที่ 4 อย่าง เชลซี ที่ต้องเปิดรัง สแตมฟอร์ด บริดจ์ ต้อนรับการมาเยือนของ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอร์เรอร์ส ซึ่งไม่ใช่งานง่ายของเจ้าถิ่นเพราะทีมเยือนก็ต้องการสามคะแนนเพื่อการันตีไปเล่นศึก ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก เช่นเดียวกันเพราะแต้มยังทิ้งทีมตามหลังมาไม่ขาด เงื่อนไขของ สิงห์บลู อันแรกแบบการันตีตีตั๋วแบบแน่นอน คือ ห้ามแพ้ทุกอย่างจะจบไม่ต้องกังวลผลอีกคู่เลยแม้แต่น้อย แต่ถ้าเกิดหากพลาดพลั้งแพ้ขึ้นมาต้องลุ้นให้ เลสเตอร์ ซิตี้ เอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ให้ได้เท่านั้นเพราะลูกได้เสียเป็นรอง ปีศาจแดง อยู่เยอะมาก โดยถ้ามององค์ประกอบแล้วยากที่ สิงห์โตน้ำเงินคราม จะพังพาบคาถิ่น เนื่องจาก หมาป่า แม้จะเป็นทีมที่น่ากลัวแต่เกมบุกมีมิติเดียวมากเกินไป และถ้าเกิดเปิดหน้าแลกกันจริงๆ เกมบุกของลูกทีม แฟร้งค์ แลมพาร์ด ไม่เป็นรองใครหน้าไหนพร้อมชนทุกทีมแบบไม่กลัวเช่นกัน เชื่อว่าโอกาสไปลุย UCL นั้นสูงเอามากๆ แต่จะลงเอยจบด้วยอันดับไหนเท่านั้น

ถัดมาที่คู่เอกอย่างทีมอันดับที่ 5 เลสเตอร์ ซิตี้ เปิดรัง คิง พาวเวอร์ รับการมาเยือนของทีมอันดับที่ 3 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โอกาสของเจ้าบ้านนั้นเหมือนจะเลือนรางแต่โทษใครไม่ได้เพราะอยู่ดีๆ ก็ฟอร์มแผ่วลงตามแบบฉบับของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ที่ชอบธาตุไฟแตกเวลาอยู่ในช่วงเวลาสำคัญอยู่เสมอ ชอบปรับเปลี่ยนแทคติกส์จนทีมเล่นแบบไร้ทิศทาง แถมดันโชคร้ายต้องมาโดนอาอารบาดเจ็บของผู้เล่นตัวหลักเล่นงานเข้าไปอีกยิ่งย่ำแย่เข้าไปใหญ่ ซึ่งเงื่อนไขที่ไม่ต้องสนผลอีกคู่ คือ ต้องเอาชนะ ปีศาจแดง ให้ได้ทุกอย่างจะจบลง ถ้าเสมอต้องลุ้นให้ เชลซี แพ้คาบ้านเท่านั้นจึงจะได้ไปเล่นถ้วยหูใหญ่ในฐานะทีมอันดับที่ 4 เนื่องจากลูกได้เสียดีกว่า แต่เมื่อมองจริงๆ แล้วสภาพทีมของ สุนัขจิ้งจอก ชั่วโมงนี้การเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แทบจะยากจนเป็นไปไม่ได้เลยเพราะมีดีกว่าแค่เรื่องความฟิตเท่านั้น ตัวผู้เล่นที่สามารถใช้งานได้ในนัดนี้ 11 ตัวจริงนั้นดีกว่าทีมกลางตารางแบบเล็กน้อยเท่านั้น การขาดหายไปของ เจมส์ แมดดิสัน และ เบน ชิลเวลล์ ส่งผลต่อเกมบุกจนตื้อตันไปไม่เป็นจะหวังพึ่ง เจมี วาร์ดี้ ให้บันดาลทุกอย่างคงเป็นไปได้ยาก แล้วทางทีมเยือน ปีศาจแดง เองก็รู้โอกาสของตัวเองดีว่าควรมาไม้ไหนเพราะว่าขอแค่ไม่แพ้ก็พอ โดยที่เป็นงานที่ไม่ยากเย็นอะไรเลย รอรับแล้วสวนกลับเป็นแทคติกส์ถนัดของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา อยู่แล้ว ยิ่งกองหลังของเจ้าบ้านต้องใช้สามผู้เฒ่าเต่าอย่าง จอนนี่ อีแวนส์, ไรอัน เบนเน็ตต์ และ เวส มอร์แกน ต่อกรกับแนวรุกความเร็วสูงของทีมเยือนด้วยแล้วดูท่าไหนก็เป็นรองทุกประตู…สรุปแล้วเชื่อว่าการคำนวณของเครื่องซูเปอร์คอมพิวเตอร์ ที่เคยออกมาทำนายว่าทีมที่ได้ไปลุยถ้วย บิ๊กเอียร์ ฤดูกาลหน้าจะเป็น “เชลซี กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” คงถูกเผงแบบไม่ต้องสงสัยอย่างแน่นอน

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวนี้