นิคลาส เบนท์เนอร์ จากยอดดาวรุ่งสู่แข้งตกอับ

หากย้อนกลับไปในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เชื่อได้ว่าคงไม่มีแฟนบอลคนใดที่ไม่รู้จักกับ นิคลาส เบนท์เนอร์ อดีตกองหน้าดาวรุ่งมากพรสวรรค์ชาวเดนมาร์กซึ่งเคยเล่นให้กับสโมสรดังมากมายอาทิ อาร์เซน่อล, ยูเวนตุส และ โวล์ฟสบวร์ก แต่ใครจะคิดว่า ณ เวลานี้ เขากลับเข้าสู่ช่วงตกต่ำอย่างน่าใจหาย

สำหรับ เบนท์เนอร์ เคยใช้ชีวิตนอกสนามหมดไปกับเรื่องการดื่ม และการพนันเสียเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งบางครั้งเขาใช้ชีวิตไปกับแสงสีตั้งแต่ 6 โมงเย็นจนถึงตี 4 ของวันรุ่งขึ้นมากถึง 5 วันต่อสัปดาห์ แต่ในช่วงวิกฤตไวรัสโคโรน่าระบาดทำให้เขาต้องกักตัวเองอยู่ในโคเปเฮเก้นบ้านเกิดนานถึง 50 วัน และมันก็เป็นเหมือนการลงโทษ อดีตดาวรุ่ง อาร์เซน่อล ไปโดยปริยาย

ขณะเดียวกัน การระบาดของไวรัสโคโรน่านั้น ทำให้ชีวิตของ เบนท์เนอร์ ได้หยุดทบทวนสิ่งต่างๆมากมาย และในวัย 32 ปี เขาใช้ช่วงเวลากักตัวทำหนังสืออัตชีวประวัติของตัวเองร่วมกับ รูน นีลเซ่น นักข่าวชาวเดนมาร์ก

เบนท์เนอร์ เริ่มกล่าวว่า “ในช่วงกักตัวมันทำให้ผมกับ รูน มีเวลามากพอที่จะเจาะลึกเข้าไปเรื่องราวต่างๆโดยไม่มีสิ่งรบกวนใด ๆ เราทำงานกับมันเยอะมากในช่วง 50 วันนั้น เราทุ่มเทให้กับมันหลายชั่วโมง ในขณะที่ รูน มีเวลาเขียนแค่ไม่กี่ชั่วโมงในทางตรงกันข้ามผมก็ได้แต่อธิบายเรื่องราวของตัวเองให้เขาฟัง”

แจ้งเกิดกับ อาร์เซน่อล

Photo : planetfootball.com

ในเส้นทางอาชีพของ เบนท์เนอร์ มันมีหลายเรื่องราวที่ยากจะลืมเลือน อาทิ การเป็นตัวสำรองลงมาซัดประตูชัยให้กับ อาร์เซน่อล ในเกมลอนดอนดาร์บี้แมตช์ ที่สนามเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ในวัยเพียง 19 ปี จนถึงจุดต่ำสุดที่กลายเป็นคนติดบุหรี่ และแอลกอฮอล์

อดีตหัวหอกทีมชาติเดนมาร์ก เล่าต่อว่า “มันสำคัญมากสำหรับผมที่ต้องซื่อสัตย์ต่อตัวเอง  ผมไม่ได้อยากสร้างภาพตัวเองขึ้นมาใหม่โดยให้พวกคุณพูดถึงแต่สิ่งดีๆในชีวิต และทุกสิ่งที่ประสบความสำเร็จของผม  ผมแค่อยากจะให้ภาพของสิ่งที่เกิดขึ้นนอกสนามของตัวเองถูกถ่ายทอดออกมา”

“ผมคิดว่า ผมได้สัมผัสกับความรู้สึกอย่างเต็มที่เมื่อเราทำมัน ผมมีทั้งช่วงเวลาที่สนุกสนาน และช่วงเวลาที่ยากลำบากมากเช่นเดียวกัน”

ก่อนหน้านี้ เบนท์เนอร์ เคยปฏิเสธการถ่ายทอดชีวิตนอกสนามของตัวเองผ่านสื่อหลังได้คำร้องขอจากสำนักพิมพ์แห่งหนึ่ง แต่ท่าทีของเขาอ่อนลงหลังได้คุยกับ นีลเซ่น จนยอมเปิดเผยเรื่องราวของตัวเองในท้ายที่สุด

อดีตกองหน้า “ไอ้ปืนใหญ่” กล่าวว่า “เรื่องแบบนี้มันต้องทำกับคนที่ผมไว้ใจมากๆ ผมรู้สึกว่ามันสำคัญมากสำหรับผมที่จะต้องออกมาพูดในที่สุด ผมไม่เคยพูดเกี่ยวกับสถานการณ์ และชีวิตของตัวเอง แต่ตอนนี้ผมรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องพูดเรื่องของตัวเองออกมาเพื่อให้คนรับรู้ ดังนั้น สิ่งที่ผมทำมันมีทั้งความสุข และความลำบากใจไปพร้อมๆกัน”

ความผิดพลาดในช่วงวัยรุ่น

Photo : midtjyllandsavis.dk

เบนท์เนอร์ ยอมรับความผิดพลาดในอดีตของเขาว่า มีไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตนอกสนามที่หรูหราจากเงินค่าเหนื่อยมหาศาลที่ได้รับ แต่เขาก็ไม่ใช่ดาวรุ่งคนแรกที่ต้องต่อสู้กับการบริหารเงินจำนวนมากในขณะที่ยังอายุน้อย

เบนท์เนอร์ ได้รับเงินก่อนโตจากการเซ็นสัญญาอาชีพกับ อาร์เซน่อล ในวันเกิดอายุครบ 18 ปีของเขา จากนั้น ก็ย้ายไปรับค่าเหนื่อยมหาศาลจากการย้ายไปเล่นกับ เบอร์มิงแฮม ซิตี้ ในศึกเดอะ แชมเปี้ยนชิพ ด้วยสัญญายืมตัวในปี 2006

อดีตหัวหอก อาร์เซน่อล เล่าต่อว่า “เมื่อผมเห็นตัวเลขค่าเหนื่อยในสัญญา ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ผมยอมรับข้อเสนอทันที เบอร์มิงแฮม เสนอค่าจ้างในระดับนักเตะทีมชุดใหญ่ให้กับผม”

ในช่วงเวลายืมตัวกับ เบอร์มิงแฮม มันเป็นโอกาสสำคัญที่จะทำให้ เบนท์เนอร์ มีประสบการณ์ลงสนามมากขึ้นก่อนจะกลับสู่ อาร์เซน่อล แต่กลับกลายเป็นว่า อพาร์ตเมนต์ที่เขาเช่าอยู่ระหว่างค้าแข้งกับ “ตราลูกโลก” นั้น กลายเป็น “คฤหาสน์เพลย์บอยเต็มรูปแบบ” ซึ่งค่าเหนื่อยจำนวน 35,000 ปอนด์ แทบจะหายวับไปกับตา

บุคคลที่เคารพ

Photo : teamtalk.com

อย่างไรก็ตาม เบนท์เนอร์ ยังคงให้ความเคารพต่อ อาร์แซน เวงเกอร์ อดีตกุนซือ อาร์เซน่อล สตีฟ บรูซ อดีตโค้ช เบอร์มิงแฮม รวมทั้ง มอร์เทน โอลเซ่น อดีตเทรนเนอร์ทีมชาติเดนมาร์ก ซึ่งทั้ง 3 คนนี้ คอยช่วยเหลือเข้าอย่างมากในอาชีพนักฟุตบอล

“ผมคิดว่าการมีผู้ใหญ่อยู่กับคุณในช่วงนั้นของอาชีพมันเป็นเรื่องสำคัญ เมื่อคุณเปลี่ยนจากนักเตะทีมเยาวชนไปสู่การเป็นนักเตะอาชีพนั้น มันเป็นช่วงเวลาสำคัญ ผมคิดว่า เราจำเป็นต้องคนมาแนะนำวิธีจัดการชีวิต เวลา และระบบการเงินของคุณเพื่อที่จะช่วยคุณนำทางผ่านประสบการณ์ที่คุณต้องเจอก่อนที่คุณจะเติบโต”

“ผมเป็นเด็กหนุ่มที่มีความอยากรู้อยากเห็นในหลาย ๆ แง่มุม ความอยากรู้อยากเห็นของผมเกี่ยวกับทุกสิ่งที่มาพร้อมกับฟุตบอลนั้นรุนแรงมาก และผมก็ไม่ได้เตรียมพร้อมสำหรับสิ่งนั้นเลย ดังนั้น มันคงจะดีมากที่มีคนพูดว่า ไม่เป็นไรที่จะอยากรู้อยากเห็น แต่จงจำภาพเหล่านั้นเอาไว้ให้ดี” เบนท์เนอร์ กล่าว

เบนท์เนอร์ เคยได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในกองหน้าดาวรุ่งที่มีพรสวรรค์มากที่สุดในยุโรป แต่ ความอยากรู้อยากเห็นของเขาในเรื่องนอกสนามมันก็มีมากเกินไปจนบดบังเส้นทางสู่การก้าวไปเป็นนักเตะระดับท็อป

มีหลายคนตั้งคำถามว่า เขาทำให้ เวงเกอร์ ผิดหวังหรือไม่ เบนท์เนอร์ ตอบว่า “ผมคิดว่า ตัวเองทำได้มากกว่านี้แน่นอน ผมสามารถพัฒนาฝีเท้าได้ไกลกว่านี้ หากมองย้อนกลับไปตอนนี้ผมเห็นด้วยว่า ตัวเองทำให้ เวนเกอร์ ผิดหวัง แต่ตอนนั้นผมไม่ได้คิดอะไรเลย”

เคยทำผลงานได้ดี

Photo : goal.com

อย่างไรก็ตาม เบนท์เนอร์ กระตือรือร้นที่จะชี้ให้เห็นว่า อาชีพของเขาไม่ได้ตกต่ำไปทั้งหมด โดยตลอด 7 ปี กับ อาร์เซน่อล เขายิงได้ 45 ประตู จาก 171 เกมรวมทุกรายการทั้งที่ส่วนใหญ่ถูกส่งลงสนามในฐานะตัวสำรอง และกับทีมชาติเดนมาร์ก เขาซัดไป 30 ประตู จาก 81 เกม

กองหน้าวัย 32 ปี กล่าวต่ออีกว่า “บางครั้งมันก็น่าผิดหวังนะที่ผู้คนลืมเกี่ยวกับสิ่งที่คุณทำในสนาม  เพราะผมเคยทำหลายอย่างในสนามมาแล้ว แต่ผู้คนมักจะเชื่อมโยงผมกับสิ่งต่างๆในแง่ลบ ผมมีช่วงเวลาที่ดีและน่าจดจำในสนามมากมาย และสิ่งสำคัญคือต้องบอกว่า ผมภูมิใจในสิ่งที่ผมประสบความสำเร็จ”

ในเวลานี้ เบนท์เนอร์ เป็นคนที่แตกต่างจากสมัยวัยรุ่น แต่นิสัยของเขาที่เชื่อมั่นในตนเองนั้น แทบไม่เปลี่ยนแปลงเลย ซึ่งนิสัยเหล่านั้นทำให้เขาต้องปะทะคารมกับอดีตเพื่อนร่วมทีม อาร์เซน่อล มาแล้วหลายคน อาทิ เธียร์รี่ อองรี ตำนานดาวยิงทีมชาติฝรั่งเศสที่เคยตำหนิเขาในการใช้เวลาแต่งตัว 2 ชั่วโมงในสนามซ้อม “ไอ้ปืนใหญ่”

ขณะเดียวกัน ปัญหาเรื่องการใช้ชีวิตนอกสนามของ เบนท์เนอร์ มันก็เริ่มเข้ามาในช่วงที่เขาได้รับบาดเจ็บ และต้องพักรักษาตัวหลายเดือน โดยความตื่นเต้นของคาสิโนกลายเป็นสิ่งทดแทนอะดรีนาลีนในการเล่นฟุตบอล

เริ่มเข้าสู่วงจรอบายมุข

Photo : elbocon.pe

เบนท์เนอร์ เล่าว่า “การเล่นในคาสิโนมันทำให้ผมมีความรู้สึกเหมือนการทำประตู สเปอร์ส ต่อหน้าแฟนบอล อาร์เซน่อล ที่บ้าคลั่ง 60,000 คน ผมคิดว่า การพนันมันไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการนักในตอนนั้น แต่เมื่อผมได้รับบาดเจ็บ มันเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้อะดรีนาลีนผมพุ่งพล่านได้ เมื่อผมไม่ได้ลงสนาม คาสิโน ทำให้ผมตื่นเต้นได้ตามผมต้องการ มันเติมเต็มความอยากรู้อยากเห็นในตัวผม”

นอกจากการพนันแล้ว เบนท์เนอร์ ก็เดินหน้าเข้าสู่การดื่มสุราอย่างเต็มตัว ซึ่งสาเหตุหลักที่ทำให้เขาหันหน้าไปพึ่งแอลกอฮอล์นั้น เป็นเพราะไม่ได้เจอลูกชายที่เพิ่งคลอดหลังแยกทางกับคู่หมั้น โดยชีวิตของเขาได้รับความสนใจจากสื่อทั้งในอังกฤษ และเดนมาร์ก

เบนท์เนอร์ เล่าว่า “เราทุกคนมีปัญหาของตัวเอง และการต่อสู้ของเราที่ต้องต่อสู้ ไม่ว่าคุณจะเป็นนักฟุตบอลอาชีพ หรือคุณจะเป็นนักข่าว เราทุกคนล้วนมีสิ่งที่ต้องเผชิญ แต่เห็นได้ชัดว่าแฟน ๆ จ่ายเงินเป็นจำนวนมากเพื่อไปที่สนาม และพวกเขาคาดหวังผลงานโดยไม่ต้องคิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้”

“ในฐานะผู้เล่นคุณต้องเรียนรู้ที่จะรับมือกับสถานการณ์ภายนอกสนามโดยที่ไม่ต้องนำพวกมันเข้าสู่สนามเมื่อลงแข่งขัน และสำหรับบางคนนั่นอาจเป็นเรื่องยาก และยิ่งปัญหาใหญ่เท่าไหร่ทางออกก็ยากขึ้นเท่านั้น มันอาจทำให้คุณค่อยๆห่างจากฟุตบอล สิ่งที่ผู้คนไม่รู้ มันสามารถดึงคุณไปในทิศทางอื่นได้”

“มันยากยิ่งกว่าสำหรับผู้เล่นในตอนนี้ ตอนที่ผมยังเป็นผู้เล่นอายุน้อย Twitter และ Instagram และสื่อสังคมออนไลน์ทั้งหมด มันเพิ่งจะเริ่มเข้ามา ดังนั้น ผมจึงไม่ได้รับความสนใจอย่างเต็มที่เหมือนตอนนี้ ซึ่งคุณสามารถถูกโจมตีทางโลกออนไลน์ได้ทันที มันทำความเชื่อในตัวเองของคุณลดลงมาก และคุณจะรู้สึกสงสัยในตัวเอง”

“ผมแน่ใจว่ามีผู้เล่นหลายคนที่กำลังดิ้นรนกับสิ่งที่ผมต่อสู้มา พวกเขาอาจจะไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ต่อสาธารณะมากเท่าที่ผมทำอยู่ในตอนนี้ แต่ผมหวังว่าถ้าพวกเขาอ่านหนังสือของผมหรือพวกเขาเห็นอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ มันจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับพวกเขา เพราะมันเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่ต้องเผชิญ”

กลับมาเกิดใหม่

Photo : dr.dk

ในปี 2016 เบนท์เนอร์ เจอจุดตกต่ำที่สุดในชีวิต เขาตัดสินใจยกเลิกสัญญากับ โวล์ฟสบวร์ก และกลายเป็นโรคซึมเศร้า แต่หลังจากนั้น 1 กองหน้าชาวเดนมาร์กก็เริ่มมีอาการดีขึ้นก่อนจะตัดสินใจเซ็นสัญญากับ โรเซนบอร์ก ในนอร์เวย์ 

เบนท์เนอร์ กล่าวว่า “โรเซนบอร์ก ไม่ได้มุ่งเน้นแค่การให้ผมกลับมาเล่นฟุตบอลเพียงอย่างเดียว แต่พวกเขายังให้โอกาสผมได้กลับมาเป็นคนเดิม นั่นเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่สำหรับผม การได้ใช้ชีวิตอยู่บนภูเขาทางตอนเหนือของนอร์เวย์มันทำให้ผมห่างไกลจากทุกสิ่ง มันพิเศษมาก และมันอาจเป็นสิ่งที่ผมภาคภูมิใจที่สุดการได้กลับมาเป็นตัวเองอีกครั้ง ผมได้รับคุณค่าที่แท้จริงกลับคืนมาในชีวิตของผม”

เบนท์เนอร์ ใช้เวลา 2 ฤดูกาลกับ โรเซนบอร์ก และยิงไป 35 ประตู จาก 86 เกมที่ลงสนาม จากนั้น ในปี 2019 เขาย้ายกลับไปเล่นในบ้านเกิดกับ เอฟซี โคเปเฮเกน แต่เวลานี้ เจ้าตัวกลายเป็นนักเตะไร้สังกัดไปเรียบร้อยแล้ว  

 “ตอนนี้ผมแค่สนุกกับฟุตบอลกับเพื่อน ๆ และเตรียมที่ตัวเป็นโค้ช ผมสมัครเรียนโค้ชไปแล้วในเดือนธันวาคมนี้ ดังนั้น ผมกำลังวางแผนที่จะอยู่ในวงการฟุตบอลต่อไป ถ้าไม่ใช่ในฐานะนักเตะก็อาจจะเป็นผู้จัดการทีม”

“มันน่าตื่นเต้นมาก ผมโชคดีมากที่ได้รับการฝึกสอนจากผู้จัดการทีมที่ยิ่งใหญ่หลายคน ดังนั้น หากผมมีข้อสงสัยหรือต้องการพูดคุยเกี่ยวกับบางสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการฝึกสอน ผมมีเบอร์โทรศัพท์พวกเขาอยู่ ผมสามารถโทรหาพวกเขาได้เสมอ” เบนท์เนอร์ กล่าวปิดท้าย

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวนี้

Scroll to Top