“ปอล ป็อกบา” กับบทบาทตัวสำรอง !!!

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หนึ่งในสโมสรที่มีแฟนบอลเยอะที่สุดในโลก…แน่นอนว่าเงินทุนหมุนวียนจากเหล่าซัพพอร์ทเตอร์นั้นช่วยประคองดุลย์การเงินของทีมให้อยู่ในระดับที่ยอดเยี่ยมมาโดยตลอด แม้ว่าในความเป็นจริงแล้วถ้ามองหนี้ส่วนบุคคลของเจ้าของสโมสรอย่าง ตระกูลเกลเซอร์ จะทำให้แฟนบอลปวดหัวกันเป็นแถบๆ เพราะพวกเขาต่างรู้ดีว่าต่อให้ประกาศผลกำไรของทีมออกมาเป็นบวก หรือขนาดก้าวไปเป็นท็อปทรีของทีมที่มีมูลค่าทรัพย์สินรวมมากที่สุดในโลกก็ไม่มีทางได้ใช้เงินกำไรอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยในแต่ละปีได้เลย เนื่องมาจากการดำเนินธุรกิจแบบมหาชนมีผู้ถือหุ้นหลายคนย่อมต้องมีการปันผลกำไรคืนสู่ผู้ลงทุน ซึ่งผู้ที่บริหารงานในส่วนนี้เป็นใครไปไม่ได้นอกจาก เอ็ด วู้ดเวิร์ด อดีตนักบัญชีระดับสูงที่ทางเจ้าของสโมสรดึงมากุมบังเหียนในแผนกนี้ ดังนั้นเงินกำไรก้อนโตในแต่ละปีจึงย่อมถูกแบ่งสรรปันส่วนคืนสู่ผู้ถือหุ้นตามสัดส่วน…สุดท้ายแล้วก็หนีไม่พ้นไปใช้หนี้ให้กับเจ้าของทีมจากแดนมะกันเหมือนเดิมๆ จนกลุ่มแฟนบอลส่วนใหญ่มองว่า เกลเซอร์แฟมิลี่ นั้นเป็น “ปลิง” ที่คอยสูบเลือดสูบเนื้อแสวงหาแต่ประโยชน์เข้าหาตัวเอง แต่ไม่เคยมองถึงการพัฒนาทีมกลับไปสู่บัลลังก์ความสำเร็จเหมือนในยุคก่อน

แฟนบอล ปีศาจแดง ไม่เคยพอใจกับการเอาเงินพวกเขาไปใช้หนี้ให้ตระกูล “เกลเซอร์”

ระบบการบริหารงานแบบ มหาชน ที่ทาง ปีศาจแดง นั้นเลือกดำเนินธุรกิจแบบนี้นั้นมีข้อดีตรงที่ว่า สโมสรสามารถกระจายความเสี่ยงของผู้เป็นเจ้าของทีมไม่ไปจมอยู่กับใครคนใดเพียงคนเดียว ไม่เสี่ยงต่อการล้มละลายหรือโดนผลกระทบด้านการเงินแบบต้องแบกรับเพียงผู้เดียว ดั่งที่เห็นว่าในช่วงวิกฤติโควิด-19 ทางด้าน วู้ดเวิร์ด ได้ประกาศจุดยืนของสโมสรแบบชัดเจนว่า แม้จะได้รับผลกระทบหนักแต่ทีมยังมีเงินทุนทุ่มงบเสริมทัพแบบไม่ต้องห่วง แต่ข้อเสียก็ตามที่เคยกล่าวไปก่อนหน้านี้แล้ว คือ การที่จะเบิกเงินก้อนโตไปใช้ทำอะไรต่างๆ ย่อมต้องมีการลงนามจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่มีเสียงสนับสนุนมากพอ ประเด็นดังกล่าวจะเห็นเคสตัวอย่างกันไปสดๆ ร้อนๆ อย่างการโชว์ว่าวในดีลของ จาดอน ซานโช่ แบบไม่น่าให้อภัย แล้วกลับไปเลือกซื้อปีกขวาดาวรุ่งแบบโนเนมมาถึงสองคนที่ยังใช้งานไม่ได้จริงมาร่วมทีมแบบค้านสายตาเหล่าพลพรรคเร้ดอาร์มี่แบบสุดๆ ยิ่งไปกว่านั้นยังเลือกที่จะไปดึงตัวดาวยิงรุ่นลายครามอย่าง เอดินสัน คาวานี่ ที่ไม่รู้ว่าเขี้ยวเล็บยังใช้งานได้แค่ไหน? มาใส่เบอร์ 7 อันเป็นเบอร์ระดับตำนานของทีมอย่างน่าแปลกใจ…จนหลายๆ คนมองว่าหรือทีมมาถึงจุดที่เป็นทางตัน และจะเริ่มเข้าสู่ยุคมืดไร้แชมป์ยาวๆ เหมือนที่คู่แค้ตลอดกาล หงส์แดงลิเวอร์พูล” เคยเผชิญมาก่อน

สติติของกุนซือแต่ละคนตั้งแต่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน วางมือ…ถือว่า โซลชา ก็ไม่ได้แย่ที่สุด

ปฏิเสธไม่ได้ว่าอย่างน้อยปีนี้ แมนฯยู ก็ทำการทุ่มเงินไปพอสมควรระดับแตะ 100 ล้านยูโรในตลาดรอบล่าสุดเหมือนแบบที่เคยเป็นมา (รวมการซื้อล่วงหน้าของ อาหมัด ดิยัลโล่ จากสโมสร อตาลันต้า) แต่คำถามที่เกิดขึ้นก็คือ ตัวที่พร้อมใช้งานจริงๆ และผ่านเกณฑ์นั้นมีกี่คน? ลองมองย้อนตลาดไปหลายๆ ปีตั้งแต่ วู้ดเวิร์ด เข้ามารับหน้าที่ดูแลงบเบิกง่ายด้านการเสริมทัพ แทบจะนับหัวได้เลยว่ามีกี่รายที่คุ้มต่าเงินที่ทุ่มไป ตรงกันข้ามกันกับดีลที่ล้มเหลวที่มากมายก่ายกองจนแทบนับไม่ถ้วน อาทิ เช่น อังเคล ดิ มาเรีย ปีกเบอร์ 7 ที่แฟนบอลต่างสาบส่ง, ราดาเมล ฟัลเกา ดาวยิงเจ้าของฉายา “เอล ติเกร” ที่กลายร่างเป็นแมวน้อยในลีกอังกฤษ และ อเล็กซิส ซานเชซ แนวรุกทีมชาติชิลีที่ต่อให้เซ็นมาฟรีๆ แต่เสียค่าโง่เรื่องค่าเหนื่อยที่สูงเกือบ 5 แสนปอนด์ต่อสัปดาห์…ถ้านับดีลที่ปังจริงๆ นั้นคงหนีไม่พ้น บรูโน่ แฟร์นานเดส เพลย์เมคเกอร์ขวัญใจแม่ยกคนใหม่ที่โชว์ผลงานได้อย่างเอกอุตั้งแต่ย้ายมาในตลาดมกราปีก่อน อย่างไรก็ตามดีลของ บรูโน่ ทีมซื้อขายก็อวดฉลาดแบบเดิมๆ คือ กดดันผ่านซื้อเพื่อหวังให้ สปอร์ติ้ง ลิสบอน ลดราคาลงมาเพราะรู้ว่ายอดทีมจากแดนฝอยทองนั้นต้องการนำเงินไปใช้หนี้ สุดท้ายเจอคู่ค้าแข็งใส่ต้องยอมจ่ายเท่าเดิมในตลาดรอบสอง ทั้งที่ถ้าได้ตัวมาตั้งแต่ช่วงปิดซีซั่นผลงานของทีมอาจไม่ต้องกระเสือกกระสนลุ้นพื้นที่ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก จนถึงนัดชี้ชะตาที่เจอกับ เลสเตอร์ ซิตี้ ในเกมนัดส่งท้ายก็เป็นได้

ฟอร์มเทพแบบนี้เห็นได้แต่ที่กรุงตูริน

ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องประเด็นที่ร้อนแรงและน่าจับตามองคงหนีไม่พ้นสถานการณ์ของ ปอล ป็อกบา กองกลางดีกรีแชมป์โลกที่ทีมเคยทุ่มซื้อกลับมาจาก ยูเวนตุส ด้วยค่าตัวกว่า 100 ล้านยูโร แล้วเป็นความหวังใหม่ตั้งแต่ย้ายมาพร้อมเพื่อนรักร่วมเอเย่นต์เดียวกันอย่าง โรเมลู ลูกากู กองหน้าดาวยิงสูงสุดของทีมชาติเบลเยี่ยม ซึ่งตบเท้าเข้าร่วมชายคาถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด พร้อมกันเมื่อ 4 ปีก่อน…อนิจจาสุดท้าย ลูกากู ย้ายออกจากทีมไปเมื่อปีก่อนพร้อมเสียงยินดีของแฟนบอลปีศาจแดง แต่ไหงเล่าพอย้ายสังกัดเขากลับกลายเป็นเครื่องจักรสังหารประตูให้กับ อินเตอร์ มิลาน จนกลายเป็นสตาร์เบอร์หนึ่งของทีมไปแล้วในปัจจุบัน ตกลงนักเตะมันไม่เก่งหรือโค้ชของทีมมันใช้ไม่เป็นกันแน่? ….คำุถามดังกล่าวเริ่มแฟลชแบ็คเข้าสู่ห้วงความคิดของแฟนบอลอีกครั้ง เมื่อทาง “เฮียยิ้มโอเล่ กุนนาร์ โซลชา จับทางมิดฟิลด์ร้อยล้านนั่งเป็นตัวสำรองถึงสองเกมติดต่อกัน จนถึงขนาด ฟิล เนวิลล์ อดีตเพื่อนร่วมทีมที่ทำหน้าที่เป็นคอมเมนเตเตอร์ให้กับรายการฟุตบอลในต่างประเทศ ถึงกับออกมาวิจารณ์อย่างหนักในการตัดสินใจดังกล่าว โดยสรุปคอมเมนค์ของ เนวิลล์ ผู้น้องแบบสั้นๆ ได้ว่า “หากทีมอย่าง ยูไนเต็ด อยากประสบความสำเร็จ อยากเป็นแชมป์ คุณต้องให้ ป็อกบา ลงสนาม” โดยที่ประเด็นดังกล่าวกำลังร้อนแรงอยู่ในเว็บบอร์ดฟุตบอลทั้งในและนอกประเทศ เพราะแฟนบอลต่างแตกความเห็นออกเป็นสองขั่วเหมือนสถานการณ์เรื่องการเมืองในประเทศสาระขันท์ในปัจจุบัน

Podcast ที่พูดถึงประเด็นของ ป็อกบา ที่น่าสนใจว่าเขาล้มเหลวกับ ยูไนเต็ด หรือไม่?

เมื่อมองกับแบบไร้อคติใดๆ ในเรื่องผลงานที่ผ่านมาของ ป็อกบา ในสีเสื้อของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด น้อยครั้งนักที่เขาจะสร้างความประทับใจให้กับแฟนบอลได้ตลอดสี่ปีที่ผ่านมา พูดกันตรงๆ ดูจากการเล่นแล้วใครจะเชื่อว่า ไอ้หมอนี่มีค่าตัวถึงระดับร้อยล้านยูโร…หากมองย้อนกลับไปเมื่อเขาสวมเสื้อ ม้าลาย ค้าแข้งอยู่ในแดนมักกะโรนี้ ทุกคนย่อมรู้ดีว่าเขาก้าวข้ามขั้นจากตัวสำรองขึ้นไปเป็นตัวจริง ด้วยการฉวยโอกาสในช่วงที่ อันเดรีย ปีร์โล่ ยอดมิดฟิลด์แดนรองเท้าบู๊ทประสบปัญหาอาการบาดเจ็บพอดี กลายเป็นว่าเมื่อ ยอดเรจิสต้าหายเจ็บ ยังต้องมีพื้นที่ให้ ป็อกบา ลงเล่นอยู่เหมือนเดิมเพราะกลายเป็นฟันเฟืองที่ขาดไม่ได้ไปเสียแล้ว ณ ตอนนั้น ทักษะการครองบอลอันโดดเด่น ความแข็งแกร่งของร่างกาย และยิงประตูจากแถวสองล้วนเป็นเครื่องหมายการค้าของ ป็อกบา แทบทั้งหมดเรียกได้ว่าเป็นกองกลางที่ครบเครื่องต้มยำมากที่สุดคนหนึ่งบนโลก โดยในตอนนั้นแฟนบอล ปีศาจแดง ส่วนหนึ่ง (ย้ำว่าส่วนหนึ่ง) ถึงขนาดบ่น เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ว่า “ทำไมถึงปล่อยเจ้าหมอนี่ย้ายออกไปแบบฟรีๆ ซะได้?” บทสรุปก็อย่างที่เห็นว่า ยูไนเต็ด ต้องขายหน้าขนาดไหนในการดึงตัวแข้งรายนี้กลับมาด้วยเงินหมาศาลเหมือนคนโง่ใช้เงินไม่เป็น…แต่คำถามคือ 4 ปีที่ผ่านมา ป็อกบา ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันบ้าง? แทบไม่ต้องรอคำตอบใดๆ เพราะว่ามันไม่มีเลยนั่นเอง แต่ก็แล้วก็มีอีกประเด็นผุดขึ้นมาอีกว่า “ถ้าไม่เก่งจริงคงไม่ติดทีมชาติตราไก่ชุดคว้าแชมป์โลกจริงหรือไม่?” จนถึงตอนนี้ขนาดฟอร์มไม่เอาอ่าว ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ ก็ยีงเรียกเขาไปติดทีมอยู่เป็นประจำ…สุดท้ายแล้วหนีไม่พ้นคำถามแรกที่เกริ่นไปเหมือนเดิม “หรือว่าโค้ชใช้ไม่เป็นกันแน่?”

ฟอร์มของ ป็อกบา จังหวะหลุดๆ ในสีเสื้อปีศาจแดง

แฟนบอลคงจำภาพติดตาในเกมล่าสุดที่ ป็อกบา ลงสนามเป็นตัวจริงให้กับ ยูไนเต็ด ได้เป็นอย่างดี เพราะเขาเป็นคีย์แมนในเกมดังกล่าวที่ทำให้เกิดผลแพ้ชนะกับ อาร์เซน่อล ได้ก่อนจบเกมด้วยการทำทีมเสียจุดโทษแบบโง่เง่าสุดๆ…หากมองกันอย่างเป็นกลาง ปีศาจแดง พยายามทำทุกวิถีทางแล้วเพื่อปรับเข้าหา ป็อกบา ทั้งในเรื่องระบบการเล่นและแทคติกส์ แม้กระทั่งหานักเตะใหม่ๆ ฝีเท้าดีมาประสานงานร่วมกับเขา แต่จนถึงบัดนี้ก็ไม่เกิดความเปลี่ยนแปลงใดๆ ที่ดูเป็นสัญญาณที่ดีจากเขาเลย แตกต่างจาก เฟร็ด กองกลางจอมขยันที่แฟนบอลต่างก่นด่าว่าเป็น บราซิลเสินเจิ่น ซื้อมาได้ยังไงตั้งแพง อุตส่าห์ไปตัดหน้าเพื่อนบ้านน่ารำคาญอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาในนาทีสุดท้าย จนในตอนนี้ความพยายามของดาวเตะแดนกาแฟเริ่มเป็นผลแล้ว เขากลายเป็นหนึ่งในนักเตะที่ช่วยตัดบอลได้มากที่สุดต่อเกมในแดนกลาง คอยวิ่งไล่บี้อัดคู่แข่งแบบไม่ลดละ ปัดกวาดหน้าแผงกองหลังจนงานก่อนถึงคู่เซ็นเตอร์แบ็คที่เป็นจุดอ่อนเบาลงอย่างมาก…ตัดภาพมาที่ ป็อกบา ภาพที่แฟนบอลเห็นกันจนชินตาหนีไม่พ้น เล่นยากๆ ในแดนของตนเอง โชว์จังหวะครองบอลให้คู่แข่งเขามาปะทะ แล้วก็ทิ้งตัวหวังจะได้ฟาล์วจากผู้ตัดสินเหมือนนักเตะซูเปอร์สตาร์รายอื่นๆ แต่มันก็ไม่เคยเป็นผลในหลายๆ ครั้ง แถมสิ่งที่เขาทำลงไปนั้นก่อนเกิดความเสียหายให้ทีมถึงขนาดเสียประตูชี้เป็นชี้ตายอยู่ตลอด…ปัญหาอยู่ที่ตัวโค้ชหรือทัศนคติของนักเตะผู้อ่านคงต้องไปตีความกันดูเอาเองว่าสิ่งที่เขียนมามันเป็นเหตุการณ์จริงหรือไม่? ยิ่งไปกว่านั้นทัศนคติในการเล่นฟุตบอลของ ป็อกบา นั้นดูไม่เติบโตตามวัย ชอบใจร้อนอารมณ์เสีย เร่งจังหวะตัวเองจนลนไปหมด ลูกจ่ายยาวๆ ที่เป็นเครื่องหมายการค้าก็แทบไม่มีให้เห็นทั้งที่แนวรุกของทีมมีแต่ตัวความเร็วจัดให้เขาทิ้งบอลยาวสวยๆ แล้วตามไปเก็บได้สบายๆ องค์ประกอบครบเครื่องขนาดนี้…ทำไมถึงเล่นไม่ออก?

แผงมิดฟิลด์ตอนนี้เต็มที่คงเหลือที่ว่างให้ เดอ บีค หรือ ป็อกบา ลงได้เพียงคนเดียว?

บทสรุปอนาคตของ ป็อกบา ในโรงละครแห่งความฝันจะเป็นอย่างไรต่อไปคงไม่มีใครตอบได้ เนื่องจากทีมเพิ่งจะใช้เงื่อนไขขยายสัญญาของเขาออกไปอีกหนึ่งปี…จะบอกว่า โซลชา ทำถูกแล้วที่ดรอปเขาเป็นตัวสำรองจนทำให้ทีมบุกเก็บชัยเหนือ เอฟเวอร์ตัน ได้ในเกมล่าสุดก็ฟันธงไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่การอัดตัวรับลงมาสองคนหน้าแผงหลังมันทำให้เกมดูดีกว่าเจ้าถิ่นจริงๆ เพราะทำให้ บรูโน่ นั้นมีอิสระในการทำเกมรุกแบบไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง แต่การที่เปลี่ยนเอา ป็อกบา ลงมาช่วงท้ายเกมก็ไม่ได้ทำให้ทีมดูลดทอนศักยภาพลงไปเลย…แต่มันจะ ใจป๋า เกินไปไหมที่เก็บนักเตะราคาหลักร้อยล้านปอนด์เอาไว้บนม้านั่งสำรองรอเวลาที่เหมาะสม เชื่อว่าหลา่ยๆ คนคงคิดแบบเดียวกัน ยูไนเต็ด ไม่ได้ร่ำรวยถึงขนาดนั้นเป็นแน่ การมีนักเตะระดับ ป็อกบา อยู่ในทีมย่อมมีประโยชน์แน่ๆ ไม่เกมใดก็เกมหนึ่ง แต่จะให้เขารับบทบาทตัวโจ๊กเกอร์เหมือนที่ผ่านมามันเหมาะสมแล้วจริงๆ ใช่มั้ย? คำถามนี้ โซลชา คงต้องกลับไปขบคิดให้ดีๆ เพราะยังมี ดอนนี้ ฟาน เดอ เบค มิดฟิลด์ทีมชาติฮอลแลนด์ที่ทุ่มซื้อมาแพงสุดในตลาดรอบนี้รอโอกาสลงสนามอยู่อีกรายเช่นกัน…ปัญหานี้คงต้องรีบแก้โดยด่วนเพราะ ป็อกบา คงไม่แฮปปี้กับการนั่งจนก้นด้านเป็นแน่ เผลอๆ อาจจะนั่งรอรับค่าเหนื่อยแบบชิวๆ จนหมดสัญญาก่อนย้ายฟรีไปตามฝันกับ เรอัล มาดริด ก็เป็นไปได้…หากรีบตัดไฟตั้งแต่ต้นลมรีบแก้ที่ต้นเหตุตั้งแต่เนิ่นๆ ถ้า่จะใช้ก็ต้องมีคู่มือที่ถูกต้อง ถ้าไม่ใช้ก็ขายแล้วเอาเงินมาเสริมทีม เชื่อว่าแฟนบอลคงจะมีความสุขมากกว่าทนทุกข์กับลูปนรกเหมือนทุกวันนี้เป็นแน่…

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวนี้

Scroll to Top