มิเกล อาร์เตต้า ยังไม่ดีพอสำหรับ “ปืน” ?

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 20 ธันวาคมปี 2019 อาร์เซน่อล สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประกาศแต่งตั้ง มิเกล อาร์เตต้า เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ โดยตอนนี้ อดีตมิดฟิลด์ “ไอ้ปืนใหญ่” พาต้นสังกัดรั้งอันดับ 15 ในตารางคะแนน และตามหลังทีมในโควต้ายูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ถึง 10 แต้ม เลยทีเดียว ซึ่งหลายคนคิดว่า อาร์เตต้า ไม่ดีพอ

การที่แฟนบอล อาร์เซน่อล ยังไม่สามารถเข้าไปชมในสนาม เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ได้นั้น มันอาจทำให้อาร์เตต้า ลูกสึกกดดันไม่มากนัก แต่ในโลกโซเชียลมีเดียกระแส #ArtetaOut กำลังเดือดอย่างมากหลังจากทีมรักของพวกเขาผลงานไม่ดีเท่าที่ควร

“เราต้องยอมรับว่า ฟอร์มในพรีเมียร์ลีกของเราในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมามันยังไม่ดีพอสำหรับสโมสรแห่งนี้ เราพยายามทุกทางแล้วเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ แต่มันไม่เป็นไปตามที่หวังเอาไว้ เราต้องการความสม่ำเสมอ เราต้องการเวลา เราทุกคนรู้ดีว่า เมื่อสโมสรตัดสินใจร่วมงานกับผมในโปรเจคต์นี้ มันต้องใช้เวลา” อาร์เตต้า กล่าวเปิดใจ 

เอดู ผู้อำนวยการด้านเทคนิคของ อาร์เซน่อล ยังคงแสดงความเชื่อมั่นในตัว อาร์เตต้า อย่างเต็มเปี่ยม และดูเหมือนว่า เขาพร้อมจะให้เวลากับ เทรนเนอร์วัย 38 ปี อย่างเต็มที่ พร้อมกับให้โอกาส อาร์เตต้า เป็นผู้นำทัพ “ไอ้ปืนใหญ่” ต่อไป

Photo : skysports.com

สถานการณ์ปัจจุบัน อาร์เซน่อล แย่แค่ไหน ?

คนที่มองโลกในแง่ดีจะบอกว่า สิ่งต่างๆไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เห็น และ อาร์เตต้า ก็เพิ่งพา อาร์เซน่อล คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ได้สำเร็จเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ถึงแม้จะไม่สามารถพาทีมเข้าไปเล่นในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในปีนี้ได้ก็ตาม

แต่อีกแง่หนึ่งมองได้ว่า อาร์เตต้า ทำผลงานได้อย่างย่ำแย่หลังจาก 10 เกมพรีเมียร์ลีกล่าสุดนั้น เขาพา อาร์เซน่อล เก็บชัยชนะได้เพียงเกมเดียว และทำให้ทีมมีสถิติออกสตาร์ทย่ำแย่ที่สุดในรอบ 39 ปีของ “เดอะ กันเนอร์ส”  

อีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจคือ อาร์เตต้า เข้ามาคุมทีมในเดือนธันวาคมปีก่อน ซึ่งเป็นช่วงที่สถานการณ์ยากลำบากจากวิกฤตไวรัสโควิด 19 ไม่ว่าคุณจะเข้าไปทำงานที่สโมสรใดก็ตาม แต่โค้ชชาวสเปนก็ยังพาทีมคว้าแชมป์ได้ 1 รายการ ดังนั้น จะบอกว่า เขาไม่ดีพอก็คงจะโหดร้ายเกินไป

บางทีการคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ เมื่อปีที่แล้วก็ทำให้เกิดความคาดหวังสูงเกินไป เพราะสาวก อาร์เซน่อล หลายคนคิดว่า มันเป็นจุดเริ่มต้นไปสู่ความสำเร็จของพวกเขาเหมือนในอดีต แต่ความเป็นจริง อาร์เตต้า รู้ดีว่า ทุกอย่างมันต้องใช้เวลา

Photo : skysports.com

ปัญหาภายในสโมสร

กีเยม บาลาเก้ กูรูวงการฟุตบอลสเปน แสดงความคิดเห็นว่า “ปัญหามันไม่สามารถแก้ไขได้ทันที อาร์เตต้า กำลังดิ้นรนอย่างหนัก เพราะเขาไม่มีผู้เล่นที่ดีพออยู่ในมือ ผมคิดว่า เขาก็ยอมรับเช่นกันว่าการเปลี่ยนแปลงรอบตัวเขาที่จะทำให้คว้าชัยชนะได้อย่างสม่ำเสมอนั้น มันไม่ได้เกิดขึ้นทันที”

“สิ่งที่น่ากังวลที่สุดคือ การไม่มีนักเตะชั้นนำในทีม และตอนนี้มันก็เป็นเรื่องยากที่จะซื้อหรือเปลี่ยนแปลงทุกอย่างโดยเร็ว คุณจะสร้างผู้นำในทีมภายในเวลาไม่กี่เดือนได้อย่างไร? แต่แน่นอน อาร์เตต้า เป็นโค้ชที่ยอดเยี่ยม”

“นอกจากนี้ ยังมีคำถามอยู่ตลอดเวลาว่า จะทำอย่างไรกับ เมซุต โอซิล สถานการณ์ที่อึมครึมระหว่าง อาร์เตต้า และ โอซิล นั้น ยังคงมีอยู่ และเมื่อคำนึงถึงภาระทางการเงินในการมี โอซิล ที่แทบไม่ได้เป็นตัวหลักของทีมในช่วงหลังนั้น อาร์เตต้า จะหาทางออกอย่างไร”

“แต่ความรู้สึกของผมคือ อาร์เตต้า จะเปิดโอกาสให้ โอซิล ได้พิสูจน์ตัวเอง ซึ่งไม่ใช่แค่เหตุผลทางการเงิน แต่มันเป็นเพราะทุกคนรวมถึง อาร์เตต้า รู้ดีว่า โอซิล เป็นนักเตะชั้นยอด”

บาลาเก้ แสดงความคิดเห็นต่อว่า “ผมรู้สึกว่า เอดู ไม่สามารถพูดได้อย่างอิสระเท่าที่เขาต้องการเนื่องจากสถานการณ์ในสัญญาที่ โอซิล มีอยู่ และผมคิดว่าน่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เขาไม่สามารถพูดออกมาได้”

Photo : sportskeeda.com

ไม่มีนักเตะที่มีคุณภา

การที่ไม่มีนักเตะอย่าง โอซิล ลงสนามนั้น มันสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาที่มากขึ้นเนื่องจาก อาร์เตต้า ไม่มีผู้เล่นบทบาทจอมทัพหมายเลข 10 และตัวรุกริมเส้นที่มีคุณภาพมากพอในการสร้างสรรค์เกมรุกให้กับ อาร์เซน่อล

อาร์เตต้า ต้องปลูกฝังแนวคิดการเป็นผู้ชนะให้กับนักเตะ อาร์เซน่อล เหมือนกับในอดีตอย่างที่ อาร์แซน เวนเกอร์ อดีตยอดกุนซือชาวฝรั่งเศสเคยทำมา และต้องสร้างแรงกระหายในการเล่นให้กับพลพรรค “เดอะ กันเนอร์ส” มากกว่านี้

อาร์เตต้า เป็นโค้ชที่มีความสามารถ และอนาคตไกล แต่เขายังมีอะไรให้เรียนรู้อีกมาก ซึ่งตอนที่เขามาถึงถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ในวันแรกนั้น เขาบอกกับทุกคนในสโมสรว่า ประตูของเขาเปิดให้ทุกคนเสมอเขาและขอให้ทุกคนเติบโตไปด้วยกัน

คงไม่ใช่ครั้งแรกที่โค้ชมือใหม่อย่าง อาร์เตต้า พยายามอธิบายทุกอย่างที่เขาต้องการให้ทุกคนเข้าใจ ซึ่งเทรเนอร์ชาวสเปนก็พบแล้วว่า มันเป็นงานยากที่จะหล่อหลอมทุกคนเข้าด้วยกันในระยะเวลาที่รวดเร็ว และเขาก็รู้ดีว่า ตัวเองยังคงต้องทำงานอย่างหนักต่อไป

Photo : skysports.com

แท็คติค

มีประกายแห่งความหวังว่า อาร์เซน่อล  กำลังเดินไปในทิศทางที่ถูกต้องหลัง อาร์เตต้า เข้ามาคุมทีม และสิ่งหนึ่งที่ชัดเจนมากคือ ทุกคนในสโมสรเชื่อในสิ่งที่เขาเสนอนำออกมา ซึ่งตอนนี้ เขาปรับเปลี่ยนสไตล์การเล่นของ “ไอ้ปืนใหญ่” ไปจากเดิม

ในเชิงแท็คติคบางคนมองว่า อาร์เตต้า ระมัดระวังเกินไป และตอนนี้เหมือนเขาจะลืมไปแล้วว่า สิ่งที่ต้องการคืออะไรกันแน่ โดย อาร์เซน่อล พยายามสร้างเกมจากแดนหลัง และเข้าเพรสซิ่งฝั่งตรงข้ามกันทีที่เสียบอล

อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่า อาร์เซน่อล ขาดความคิดสร้างสรรค์ในแดนกลาง และขาดคุณภาพ รวมถึงความมั่นใจในการทำเกมรุก ซึ่งทำให้พวกเขาเจอกับความยากลำบากในการเจาะแนวรับคู่แข่ง ดังนั้น อาร์เตต้า และ เอดู ต้องซื้อนักเตะเกมรุกระดับบิ๊กเนมมาเสริมทีมเพิ่มเติมหากหวังจะประสบความสำเร็จ

Photo : onefootball.com

เวลา

วิลเลี่ยน, บากาโย ซาก้า, กาเบรียล มากัลเญส, โธมัส พาร์เตย์, ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง, กรานิต ชาก้า และ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ เป็นผู้เล่นระดับคุณภาพในทีมชุดแรกของ อาร์เซน่อล ซึ่งนักเตะเหล่านี้สามารถทำให้ “ไอ้ปืนใหญ่” ลุ้นตั๋วยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้

อย่างไรก็ตาม อาร์เตต้า โชคร้ายอย่างยิ่งที่จะไม่ได้ใช้งาน ปาร์เตย์ ซึ่งได้รับบาดเจ็บในเกมลีกที่บุกไปพ่าย ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ 2-0 เมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา โดย ปาร์เตย์ นั้น มีส่วนสำคัญกับแดนกลางของ อาร์เซน่อล และเป็นเหมือนผู้นำในสนาม

ขณะเดียวกัน อาร์เตต้า กับ เอดู นั้น สนิทสนมกันอย่างมาก ซึ่งรายงานข่าวระบุว่า การเจรจาของทั้งคู่สรุปได้ว่า อาร์เซน่อล มีขุมกำลังที่ใหญ่แต่ยังขาดคุณภาพ และจะมีนักเตะหลายคนถูกปล่อยยืมตัวออกไปหาประสบการณ์ในตลาดนักเตะรอบหน้า

ช่วงเวลาแห่งการแข่งขันจะมาถึงในทีม อาร์เซน่อล จะมาถึงในช่วงฤดูร้อนเมื่อผู้เล่นหลายคนกลับมาจาการยืมตัว และ อาร์เตต้า กับ เอดู จะเป็นคนตัดสินว่า ใครจะได้ไปต่อ และใครจะต้องเป็นคนที่เดินออกจากสโมสร

ไม่มีข้อสงสัยใด ๆ ที่ อาร์เซน่อล คิดว่า อาร์เตต้า จะสามารถก้าวขึ้นมาเป็นโค้ชชั้นยอดได้ แต่เขาจะต้องได้รับความช่วยเหลือจากคนรอบข้าง และจนถึงตอนนี้ เราก็ยังไม่เห็นเลยว่า ทุกคนใน “ไอ้ปืนใหญ่” จะหมดความเชื่อในในกุนซือคนหนุ่มของพวกเขา

Photo : sportco.io

ความไว้วางใจ

“ผมพูดตั้งแต่มาที่นี่แล้วว่า ผมรู้สึกว่าตัวเองได้รับการสนับสนุนจากเจ้าของสโมสรอย่างแท้จริงๆ โดยเฉพาะผู้อำนวยการด้านเทคนิค และทีมงานทุกคนที่อยู่ในสโมสรแห่งนี้ มันเป็นความรู้สึกที่ผมสัมผัสได้กับทุกคนในสโมสร”

“ผมมีเคมีที่ตรงกันกับนักเตะ และคิดว่า พวกเขาเชื่อในตัวผม และในสิ่งที่ผมพยายามทำ ผมมักจะพูดอยู่เสมอว่า ขอบคุณ เพราะผมไม่เห็นอะไรที่ขัดกับสิ่งที่ตัวเองพยายามทำ” อาร์เตต้า กล่าวอย่างเชื่อมั่น

แผนงานในระยะยาวคือส่วนสำคัญของของทั้ง อาร์เซน่อล และ อาร์เตต้า ซึ่งหากเขาจะประสบความสำเร็จในถิ่น เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม แฟน “เดอะ กันเนอร์ส” ต้องยอมรับว่า ทุกอย่างมันต้องใช้เวลา

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวนี้

Scroll to Top