บทวิเคราะห์ฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้ายนัดแรก เป็นการโคจรมาเจอกันของรองจ่าฝูงจ่ากลีกเมืองเบียร์ “เดอะ เร้ดบูลส์” แอร์แบ ไลป์ซิก เตรียมดวลฝีเท้ากับ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ทีมอันดับที่ 4 จากลีกเมืองผู้ดี โดยทั้งสองทีมจะลงปะทะกันในช่วงดึกของวันอังคารที่ 16 กุมภาพันธ์ เวลา 03.00 น. หรือเข้าสู่ช่วงเช้าของวันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ ตามเวลาประเทศไทย ที่สนาม ปุสกัส อารีน่า เมืองบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี
เจ้าบ้าน “เดอะ เร้ดบูลส์” แอร์แบ ไลป์ซิก ด้วยวิกฤติการระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ไม่สามารถเล่นที่สนามเหย้าของพวกเขาเองได้ แน่นอนว่าอาจดูเหมือนจะเสียความได้เปรียบไปเล็กน้อยเพราะต้องเดินทางออกมาเล่นนอกประเทศแทนที่จะได้เซฟแรงเฝ้ารัง ฟอร์มในช่วงหลังค่อยๆ เร่งเครื่องจนน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ จุดเด่นยังอยู่ที่แนวรุกที่เล่นได้อย่างเข้าขารู้ใจแต่แนวรับก็พร้อมแจกของแถมให้ได้ตลอดเช่นกัน เนื่องมาจากแผงหลังชอบดันขึ้นสูงจนโดนเล่นงานด้วยบอลไดเรคท์จังหวะเดียวถึงพื้นที่อันตรายอยู่เสมอ ด้านการลงเล่นนัดล่าสุดนั้นเป็นเกมลีกที่เปิดบ้านเฉือนชนะ เอาก์สบวร์ก แบบหืดจับ 2-1 สำหรับความพร้อมของทีมในเกมนี้จะขาด เบนยามิน เฮนริคส์, คอนราด ไลเมอร์, โดมินิค โซบอสซ์ไล, เอมิล ฟอร์สเบิร์ก และ ฟาบริซ ฮาร์ทมันน์ ที่เข้าโรงหมออยู่ทั้งหมด นอกเหนือจากรายชื่อข้างต้นพร้อมลงบดบี้ขยี้คู่แข่งได้ทั้งหมด โดยสตาร์ที่น่าจับตามองที่สุดในเกมนี้ขอชี้เป้าไปที่ ดานี่ โอลโม่ แนวรุกชาวสเปนที่มีทีเด็ดในจังหวะสอดขึ้นไปทำประตู
ฝั่งทีมเยือน “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล กำลังอยู่ในช่วงวิกฤติแบบสุดๆ ประสบปัญหารอบด้านทั้งสภาพจิตใจของกุนซือ บวกกับผู้เล่นในแนวรับบาดเจ็บเป็นหางว่าว จนจำเป็นต้องถอยเอากองกลางตัวรับสลับกันมายืนเป็นเซ็นเตอร์แบ็คจำเป็น ยิ่งไปกว่านั้นสามประสานในแนวรุกที่เคยเล่นได้อย่างดุดันเร้าใจกลับพร้อมใจกันฟอร์มหายเข้ากลีบเมฆไปทั้งหมด สถานการณ์ปัจจุบันนั้นแพ้ติดต่อกันมาสามเกมแล้วเรียกได้ว่าอาการเข้าขั้นน่าเป็นห่วงเหลือเกิน ด้านการลงสนามนัดล่าสุดนั้นบุกพ่าย “สุนัขจิ้งจอก” เลสเตอร์ ซิตี้ แบบต้านไม่ไหว 1-3 สภาพความพร้อมของทีมในเกมนี้จะอดใช้งาน เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค, โจ โกเมซ, โจเอล มาติป, ฟาบินโญ่, นาบี เกอิต้า และ ดิโอโก้ โชต้า ที่ยังไม่ฟื้นจากอาการบาดเจ็บ ที่เหลือคนอื่นๆ ฟิตสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์พร้อมลงรับใช้ทีมในเกมนี้ได้อย่างไร้ปัญหา แน่นอนว่าตัวแบกของทีมนาทีนี้หนีไม่พ้น จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีมสาระพัดประโยชน์ที่เป็นเหมือนแรงใจกระตุ้นลูกทีมให้อย่างไม่เคยถอดใจ
วิเคราะห์ก่อนเกม การดวลกันนัดนี้เปรียบเสมือนการวัฝีมือของยอดเทรนเนอร์สัญชาติเยอรมันต่างเจเนอเรชั่นระหว่างคลื่นลูกใหม่อย่าง ยูเลี่ยน นาเกลส์มันน์ ที่ทำทีมมีสไตล์เฉพาะตัวพร้อมเปิดหน้าแลกชวนทะเลาะกับทุกทีมไม่เกรงใครหน้าไหน หลังจะรั่วก็ช่างมันยิงมายิงกลับแบบไม่มีโกงขอเสี่ยงวัดรอยเท้ากับ เจอร์เก้น คล็อปป์ ยอดผู้จัดการทีมมือเก๋าที่ผ่านเวทีระดับหินๆ มาแล้วร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ จากแท็คติก เกเก้น เพรสซิ่ง วิ่งไม่มีหยุดอุดไม่ค่อยเป็น มั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมว่าแนวรุกของพวกเขาก็ไม่ได้เป็นรองใครหน้าไหนเช่นกัน เชื่อเหลือเกินว่าต่อให้รอบนี้จะเตะกันสองนัดแต่รับรองว่าใส่กันไฟลุกตั้งแต่เกมแรกเป็นแน่ เนื่องจากทั้งคู่ต้องการกลบจุดบอดในเกมรับด้วยการชิงบุกใส่คู่แข่งแบบเอาเป็นเอาตาย หากวัดเฉพาะฟอร์มนาทีนี้ เดอะ เร้ดบูลส์ น่าจะมีขวัญกำลังใจที่เหนือกว่า หงส์แดง ที่ออกอาการฝ่อให้เห็นแบบปฏิเสธได้ยาก ผู้ชนะเกมนี้คงตัดสินกันที่ความเฉียบคมในการจบสกอร์ล้วนๆ ซึ่งมองแล้ว ไลป์ซิก นาทีนี้แนวรุกแดนบนฟอร์มกำลังเข้าฝักหมดทุกคน มีการเข้าทำที่หลากหลายทั้งจังหวะเซตเกมหรือลูกเซตพีซ ท้ายที่สุดแล้วมีโอกาสสูงที่จะกุมความได้เปรียบเอาไว้ได้ก่อน ด้วยการอาศัยความฟิตที่เหนือกว่าเพราะได้พักมานานกว่าบดเอาชนะไปได้แบบสูสี จากการที่แนวรับของอาคันตุกะนั้นยังปรับตัวเล่นด้วยกันไม่ลงตัวเท่าใดนัก แถมช่วงหลังมักเกิดข้อผิดพลาดส่วนบุคคลที่ทำให้ทีมพลาดปราชัยมาแล้วหลายเกม
รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
แอร์เบ ไลป์ซิก (3-4-1-2) : ปีเตอร์ กูลัคซี่ (GK) – ลูคัส คลอสเตอร์มันน์, วิลลี่ ออร์แบน, มาร์เซล ฮัลส์เตนแบร์ก – นอร์ดี้ มูคิเอเล่, เควิน คัมเพิล, อมาดู ไฮดาร่า, อันเจลิโน่ – ดานี่ โอลโม่ – ยุสซุฟ โพลเซ่น, คริสโตเฟอร์ เอ็นกุนกู
ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อลิสซอน เบ็คเกอร์ (GK) – เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โอซาน คาบัค, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน – เจมส์ มิลเนอร์, จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม, เคอร์ติส โจนส์ – โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่, ซาดิโอ มาเน่
ผลสกอร์ที่คาด : ไลป์ซิก 2 -1 ลิเวอร์พูล