อนาคตของเชลซีภายใต้กุนซือแฟรงค์ แลมพาร์ด

หากพูดถึงการเสริมทีมในฤดูกาลที่ผ่านมา ทีมที่เงียบเหงามากที่สุดทีมนึงคงหนีไม่พ้นสิงโตน้ำเงินครามเชลซี

ผลจากการติดโทษแบนซื้อขายนักเตะผิดกฎทำให้เชลซีไม่สามารถเสริมผู้เล่นได้ถึง 2 ตลาด แต่ครั้นยังโชคดีที่ตัวที่เซ็นล่วงหน้ามาแล้วอย่างคริสเตียน พูลิซิช และคนที่ยืมมาก่อนหน้านั้นอย่างมาเตโอ โควาซิช สามารถลงเล่นทะเบียนเล่นได้

แต่ก็เทียบไม่ได้ที่ต้องมาเสีย เอเดน อาซาร์ นักเตะดีที่สุดในทีมไป รวมทั้ง ดาวิด ลุยซ์ ในช่วงก่อนปิดตลาดนักเตะอังกฤษไม่นาน การเสียนักเตะซีเนียร์ในทีมไปหลายคน รวมถึงการเสริมผู้เล่นไม่ได้ ย่อมส่งผลมหาศาลต่อทีมในฤดูกาลนี้แน่นอน

แต่ทว่าเหตุการณ์เหล่านี้ อาจเป็นโอกาสอันดีที่เชลซีจะได้ฤกษ์การสร้างทีมใหม่จริงๆจังๆ โดยใช้ผู้เล่นเยาวชนในมือของตัวเองที่มีคุณภาพหลายต่อหลายคน เป็นแกนหลัก ในอดีตมีผู้เล่นหลายต่อหลายคนที่ต้องย้ายออกจากเชลซีไปเล่นให้ทีมอื่น ด้วยเหตุผลที่ว่า พวกเค้ายังไม่ดีพอสำหรับ11 ตัวจริงของเชลซีที่เต็มไปด้วยสตาร์มากมาย

สุดท้ายแล้วนักเตะดาวรุ่งเหล่านั้น พัฒนาตัวเองกลายเป็นยอดนักเตะหลายต่อหลายคน อาทิ เช่น เควิน เดอ บรอยน์ นักเตะกองกลางที่ดีที่สุดในโลกคนนึงในปัจจุบัน และโมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่ยิงประตูมากมายรวมถึงมีส่วนช่วยพาลิเวอร์พูลเถลิงแชมป์ยุโรปสมัยที่ 6

หากแฟนบอลคนไหนที่ติดตามฟุตบอลอย่างจริงจัง จะเริ่มเห็นดาวรุ่งที่เชลซีปล่อยไปโชว์ฟอร์มกับทีมอื่น รวมถึงที่ดึงขึ้นมาจากเยาวชน อาทิเช่น เมสัน เมาท์, แทมมี่ อับราฮัม, เคิร์ท ซูม่า นี่ยังไม่รวมถึงคนที่เจ็บอยู่อย่าง รูเบน ลอฟตัส-ชีคและคัลลัม ฮัดสัน-โอดอย

จะเห็นได้ว่าในวิกฤติยังมีโอกาสที่จะให้นักเตะเหล่านี้มีโอกาสพิสูจน์ตัวเองและพัฒนาตัวเองขึ้นมาเป็นกำลังหลักให้กับเชลซีได้ และพวกตัวหลักหลายคนในทีมยังเป็นพวกอายุยังน้อย เช่นเกป้า ,คริสเตนเซ่น ,รอสส์ บาร์คลี่ย์ รวมถึงรูดิเกอร์ก็ด้วย

เชลซีเองเริ่มต้นฤดูกาลนี้ไม่ค่อยสวยนัก เริ่มจากการเปิดหัวฤดูกาลพรีเมียร์ลีก ด้วยการบุกไปแพ้ปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 0-4 หากดูจากสกอร์ คงคิดได้อย่างเดียวว่า ชิกหายเลี้ยว แต่กลับกันหากมองดูรูปเกมส์ให้ดี เป็นเชลซีด้วยซ้ำที่คุมเกมส์และสร้างสรรค์โอกาสมากมาย แต่ดวงไม่ดีพอ ติดเสาติดคาน ติดนั่นติดนี่ไปหมด รวมถึงติดมือเด เกอาด้วย

หากสามารถเปลี่ยนโอกาสมากมายนั้นเป็นประตูได้บ้าง ก็คงไม่ต้องโหมบุกกระหน่ำจนโดนสวนเป็นน็อค สวนเป็นน็อค จนสกอร์ไหลไปถึง 0 ประตูต่อ 4 สำหรับผมถือว่าสกอร์นี้เป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้น เรื่องจริงมันไม่ใช่สิ่งที่น่าเป็นห่วงอะไร

การแพ้การดวลจุดโทษหลังจากช่วงต่อเวลาในยูฟ่า ซุปเปอร์คัพกับลิเวอร์พูล การเสมอกับเลสเตอร์ ซิตี้ในลีกเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาเท่ากับว่าเชลซีในมือของแฟรงค์ แลมพาร์ดยังไม่สามารถหาชัยชนะในเกมส์ทางการได้เลย หากจะมองว่าน่าเป็นห่วงก็ใช่ แต่ยังไม่ถึงขั้นต้องเป็นกังวลไป

หลังจากหนึ่งฤดูกาลที่แลมพาร์ดจะได้ถือโอกาสวางโครงสร้าง และจะได้เห็นชัดเจนว่าทีมยังขาดอะไรตรงไหน ใครที่เล่นไม่เข้าแผนเลย ได้เสริมทีมในจุดที่ควร ณ ตอนนี้เชลซีเองเป็นสโมสรที่มีทุกอย่างพร้อมทั้งแฟนบอล ผู้เล่นดาวรุ่งฝีเท้าดี ที่ตั้งของสโมสรในใจกลางกรุงลอนดอน ฐานะการเงิน เจ้าของทีมที่รักฟุตบอลไม่สนกำไรจากผลประกอบการ โค้ชที่มีแนวทางการเล่นที่ชัดเจน

ถึงแม้เชลซีที่อาจจะไม่ได้แชมป์อะไรเลย รวมถึงการที่จะไม่ได้ตั๋วไปยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกในฤดูกาลหน้าอาจจะเป็นแค่การถอยหนึ่งก้าว เพิ่งก้าวไปข้างหน้าได้ไกลขึ้นก็เป็นได้

สิ่งเดียวที่น่ากังวลจริงๆ สำหรับเชลซี ณ เวลานี้อาจจะเป็นความอดทนของแฟนบอลกับผู้บริหารเท่านั้นเอง

แฟนบอลโปรไลเซนส์

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวนี้

Scroll to Top