บาร์เซโลน่าวันนี้ไม่มีทั้งลิโอเนล เมสซี่, หลุยส์ ซัวเรส, อุสมาน เดมเบเล่ โดยแนวรุก 3 คนใช้การ์เลส เปเรซ, อองตวน กรีซมันน์, ราฟินญ่า อัลกันตาร่า ลงเล่นด้วยกันแทน และได้เซร์คิโอ บุสเก็ตส์กลับมาเป็นตัวจริงแทนการ์เลส อเลน่า ส่วนทีมเยือนดรอปฆัวกิน ซานเชสใช้เซร์คิโอ กานาเลสลงเล่นแทน ส่วนตำแหน่งอื่นๆยังเป็นชุดเดิมกับในนัดแรกซะส่วนใหญ่
รูปเกมเต็มไปด้วยการต่อบอลบนพื้น ใช้การต่อบอลจังหวะเดียวชิงจังหวะจ่ายบอลทะลุช่องเข้าทำ เกมรับก็สู้กันด้วยเกมเพลสซิ่งตามแบบฉบับฟุตบอลลาลีก้า ในช่วงต้นเกมบาร์เซโลน่าสามารถครองเกมได้มากกว่า แต่เรอัล เบติสก็หาจังหวะตอบโต้เป็นระยะๆ
ประตูแรกของเกมเกิดขึ้นในนาทีที่ 15 เริ่มจากเซร์คิโอ บุสเก็ตส์จ่ายบอลขวางสนามพลาด โดนกานาเลสตัดบอลได้แล้วจ่ายบอลต่อให้โลเรนแทงทะลุช่องเข้าเขตโทษให้นาบิล เฟคีร์ยิงด้วยซ้ายทีมเยือนขึ้นนำแล้ว 1-0 เป็นประตูแรกของเฟคีร์ในสีเสื้อเบติสอีกด้วย
ในช่วงครึ่งแรกแนวรับบาร์เซโลน่าเอาเฟคีร์กับกานาเลสไม่อยู่เลย หลายจังหวะต้องตัดฟาวล์ไม่งั้นบอลจะไปถึงหน้าเขตโทษของบาร์เซโลน่าตลอด แต่หลังจากผ่านครึ่งชั่วโมงการโต้กลับของเบติสหายไปโดยสิ้นเชิง กลายเป็นบาร์เซโลน่าพับสนามบุกอยู่ฝ่ายเดียวเป็นผลมาจากการโดนบาร์เซโลน่าบีบสูง
หนึ่งในข้อสังเกตุในเกมนี้ของบาร์เซโลน่ายามที่ไม่มีเมสซี่กับซัวเรสคือ ฟุตบอลไม่ไปกองอยู่ที่ใครคนได้คนหนึ่งเป็นพิเศษค่อนข้างดักทางยากสำหรับทีมรับ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยประสิทธิภาพในพื้นที่สุดท้ายหายไปอย่างชัดเจน กรีซมันน์เองในนัดนี้ทำได้แค่เพียงยืนหันหลังให้ปากประตูเบติสแล้วค่อยพักบอลให้เพื่อน ไม่สามารถพลิกบอลเล่นเองได้เลยจนต้องมูฟตัวเองไปอยู่ด้านข้างแทน
เนื่องด้วยแนวป้องกันระหว่างกองกลางและกองหลังของเบติสยืนชิดกันมาก ในช่วงท้ายครึ่งแรกบาร์เซโลน่ามีโอกาสตามตีเสมออยู่หลายหนด้วยการเติมขึ้นมาทางด้านซ้ายของอัลบาที่เป็นซิกเนเจอของบาร์เซโลน่าชุดนี้อยู่แล้ว ความพยายามของบาร์เซโลน่ามาสำเร็จในนาทีที่ 41 จากจังหวะที่แซร์จี้ โรแบร์โต้ชิพข้ามแนวกองหลังของเบติสพอดี บอลไปถึงกรีซมันน์ที่กระโดดยิงด้วยซ้ายบอลตรงตัวดานี่ มาร์ตินแต่ปัดไม่พ้น จบครึ่งแรก บาร์เซโลน่า 1 – 1 เรอัล เบติส
เริ่มครึ่งหลังมาได้ 5 นาที บาร์เซโลน่ามาได้ประตูขึ้นนำจากการทำชิ่งของกรีซมันน์กับแซร์จี้ เป็นกรีซมันน์ที่ได้ปั่นด้วยซ้ายบริเวณมุมกรอบเขตโทษด้านขวา บอลเสียบเสาสองอย่างสวยงามหมดปัญญาที่ดานี่ มาร์ตินจะเซฟได้ บาซ่าขึ้นนำ 2-0 ถือว่าครึ่งหลังบัลเบรเด้แก้เกมมาดี กรีซมันน์ที่ถูกดึงลงมาเล่นในจุดที่ต่ำลงมีส่วนรวมกับเกมเยอะมากกว่าครึ่งแรกที่คอยยืนค้ำอยู่เป็นกองหน้าตัวเป้า
และอีก 5 นาทีถัดมา บาร์เซโลน่ามาได้ประตูหนีห่างเป็น 3-1 จากจังหวะที่บาร์เซโลน่ารุมกันกดดันแย่งบอลมาจากเบติส แล้วบุสเก็ตส์ที่ได้บอลก็จ่ายให้กับเซเมโด้ที่เติมขึ้นมาสูงจ่ายตัดเข้ากลางให้การ์เลส เปเรซล็อคด้วยซ้ายหนึ่งจังหวะแล้วยิงเสียบเสาเข้าไปอย่างสวยงาม
ไหลแล้ว บาร์เซโลน่ามาได้ประตูขึ้นนำเป็น 4-1 จ่ายการเล่นที่รู้ใจของบุสเก็ตส์จ่ายให้อัลบาแบบที่ทะลุขึ้นมา ยิงด้วยซ้ายเขาไปนิ่ม เชื่อแฟนบอลบาซ่าจะต้องเคยชินกับเติมทะลุขึ้นมาแบบนี้ของอัลบาแน่นอน ในส่วนของบุสเก็ตส์หลังจากจ่ายพลาดจนทีมเสียประตู เรียกได้ว่าตั้งสติกลับมาได้แล้วจ่ายบอลแต่ละลูก แนวรับเรอัล เบติสหลังหักเป็นแถบๆ แถมการเติมเกมของบุสเก็ตส์ในเกมนี้เรียกได้ว่ายืนสูงมาก โผล่มาป้วนเปี้ยนแถวหัวกะโหลกค่อนข้างบ่อย
ส่วนทางด้านของทีมเยือน เรียกได้ว่าเริ่มครึ่งหลังนี่หาบอลไม่เจอกันเลยทีเดียว ต้องใช้บอลยาวในการเล่นแทนการต่อบอลสั้นที่เป็นจุดเด่นของตนเอง แต่โอกาสจบสกอร์ยังหาไม่ได้เลย หนำซ้ำยังต้องมาเสียประตูที่ 5 ในนาทีที่ 77 จากการเริ่มต้นของการ์เลส เปเรซที่เลี้ยงจากครึ่งสนามจ่ายทะลุมาให้กรีซมันน์ที่ใจกว้างเบิ้ลกลับเข้ากลางให้อาร์ตูโร วิดัลตัวสำรองวิ่งมายิงด้วยขวาบอลเสียบใต้คาน ต่าวดาวบาร์เซโลน่าขึ้นนำเรอัล เบติสไปแล้ว 5-1
เบติสมาได้ประตูปลอบใจจากลูกยิงไกลของลอเรนโซ่ โมรอนที่เกมนี้เงียบทั้งเกมในอีก 2 นาทีถัดมา เรอัล เบติสไล่มาห่างๆอย่างห่วงๆ เวลาที่เหลือไม่มีใครทำประตูเพิ่มได้ รูปเกมยังเป็นบาร์เซโลน่าบุกใส่เหมือนเดิม เรียกได้ว่าหนังคนละม้วนกับครึ่งแรก แฟนบาร์เซโลน่าหลายคนคงจะขับไล่ไสส่งบัลเบร์เด้ตอนพักครึ่งกันเรียบร้อยแล้ว ไม่รู้ว่าจบเกมยังคิดกันเหมือนเดิมรึเปล่า เกมนี้นับว่าเป็นนัดที่สนุกมากในช่วง 30 นาทีของครึ่งเวลาแรก เพราะเกมเปิดใส่กันสนุกมาก จนกระทั่งบาร์เซโลน่าสามารถควบคุมเกมไว้ได้หมด จากการขึ้นมาบีบสูง ไม่ให้เบติสมีโอกาสต่อบอล จบเกม บาร์เซโลน่า 5 -2 เรอัล เบติส