ครึ่งแรกทั้งสองทีมยังเล่นแบบดูเชิงกันซะเป็นส่วนใหญ่ โดยเป็นฝั่งอังกฤษที่ครองเกมได้มากกว่า แต่จังหวะจบสกอร์แบบจะแจ้งถือว่าในครึ่งแรกทั้งสองทีมมีโอกาสน้อยพอๆกัน อังกฤษเน้นใช้ความเร็วของกองหน้ากึ่งปีกทั้งสองข้างอย่างแรชฟอร์ด กับ สเตอร์ริ่งในการดวลตัวต่อตัวกับกองหลังบัลแกเรีย กับการครอสจากแบ็คทั้งสองฝั่งอย่าง โรส กับ ทริปเปีย แต่ก็ยังไม่เข้าเป้านัก นาทีที่ 24 อังกฤษมาได้ประตูขึ้นนำแบบ งงๆ จากจังหวะเล่นกันหน้าปากประตูของบัลแกเรียที่จ่ายกันไปมาไม่ดี โดนสเตอร์ริ่งฉก แล้วจ่ายต่อให้เคนยิงง่ายๆ เข้าไป
หลังจากมีสกอร์เกิดขึ้น รูปเกมก็ไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิมมากนัก ทางอังกฤษก็ไม่ได้ไล่เพลสซิ่งทำลายจังหวะของบัลแกเรียเท่าไหร่ หากบัลแกเรียตั้งเกมรุกใส่ อังกฤษเองก็ปล่อยให้บัลแกเรียทำโดยที่ตัวเอง ตั้งโซนรับไว้อย่างเหนียวแน่น ลูกสวนกลับของบัลแกเรียในครึ่งแรก ทำอะไรไม่ได้ชัดเจนนัก ต้องชมแฮร์รี่ แม็กไกวร์ กับไมเคิล คีน ที่ดักไว้ได้หมดจดจริงๆ หมดครึ่งแรก อังกฤษนำบัลแกเรียอยู่ 1-0
ครึ่งหลัง รูปเกมก็มาทรงเดิม บัลแกเรียก็พยายามตั้งบอลจากแนวหลังไม่สาดทิ้ง ทั้งๆที่โดนอังกฤษบีบสูงในหลายจังหวะ อังกฤษมาได้ประตูที่ 2 จากลูกจุดโทษของแฮร์รี่เคนในนาทีที่ 49 ต้องโทษผู้เล่นบัลแกเรียเลยที่เข้าบอลโฉ่งฉ่างในกรอบเขตโทษแบบนี้
อีก 6 นาทีต่อมา อังกฤษมาได้ลูกสาม เริ่มจากแฮร์รี่ เคน ตัดบอลได้กลางสนาม เป็นแรชฟอร์ดกระชากขึ้นมาแล้วจ่ายต่อให้เคน กึ่งยิงกึ่งผ่าน บอลไปถูกสเตอร์ริ่งที่วิ่งเข้ามาชาจ บอลเข้าประตูไป อังกฤษนำบัลแกเรียไปแล้ว 3-0 นาที 73 อังกฤษมาหนีห่างเป็น 4-0 จากลูกจุดโทษของ แฮร์รี่ เคน ซึ่งเป็นการทำแฮตทริกของเจ้าตัวในนัดนี้ บัลแกเรียเองก็พยายามจะเอาประตูคืนอยู่หลายครั้ง แต่หาจังหวะจบสกอร์ได้น้อยมาก ที่ต้องยอมรับจริงๆคือ การจบสกอร์แต่ละครั้งของบัลแกเรีย เล่นเอาจอร์แดน พิคฟอร์ดเหนื่อยอยู่เหมือนกัน หมดเวลาไม่มีใครทำประตูเพิ่มได้ อังกฤษชนะ บัลแกเรียไป 4-0 นำเป็นจ่าฝูงแบบสบายใจ
แทคติคในเกมนี้อย่างนึงที่บัลแกเรียอาจจะวางหมากมาผิด คือพยายามตั้งเกมจากกองหลัง แต่การที่ต้องมาเจอนักบอลที่เพลสซิ่งเก่งๆรวมถึงรอจังหวะดักบอลได้ดี อย่างนักเตะที่มาจากทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ลิเวอร์พูลและสเปอร์ส ต้องบอกเลยว่าถ้าไม่แน่จริง ทีมเวิคและความสามารถของผู้เล่นไม่ถึงจริงๆ การพยายามขึ้นเกมด้วยรูปแบบอะไรเช่นนี้ถือว่าเสี่ยงมาก เพราะหากพลาดโดนตัดบอล นั่นแปลว่าอีกทีมพร้อมที่จะจบสกอร์ใส่คุณได้เลยเหมือนกัน เช่นในเกมนี้บัลแกเรียต้องมาเสีย 2 ประตูจากเหตุการณ์แบบนั้น รวมถึงประสบการณ์ของผู้เล่นที่เข้าพรวดในเขตโทษถึง 2 ครั้งโดน 2 จุดโทษ รวมกันเป็น 4 ประตูพอดี หากมาดูกันจริงๆแล้ว ด้วยสกอร์ 4-0 แต่ทุกประตูมาจากความผิดพลาดของผู้เล่นของบัลแกเรียเองแทบทั้งสิ้น ถ้าตัดเหตุการณ์เหล่านี้ออกไป ก็คงมองเห็นเหมือนกันว่ารูปเกมโดยรวม บัลแกเรียสร้างความลำบากให้อังกฤษไม่น้อย แต่สุดท้ายฟุตบอลเองวัดกันที่ประตูที่ทำได้ อังกฤษก็คู่ควรกับชัยชนะนัดนี้เต็ม 100 % เหมือนกัน