อิตาลีต้องมาเสียเอเมอร์สันแบ็คซ้ายที่กำลังอยู่ที่ฟอร์มที่ดีมากๆจากอาการบาดเจ็บในนาทีที่ 8 จากจังหวะปะทะกับตีมู ปุ๊กกี้ รูปเกมช่วงแรก ทั้งสองทีมทำได้สูสีกันมาก ทั้งการครองบอล การต่อบอลจากหลังไปหน้า รวมถึงการป้องกันก็ทำได้ดีทั้งคู่ อิตาลีนัดนี้ใช้ ชิโร อิมโมบิเล่ ยืนเป็นกองหน้าตัวเป้า ฟินแลนด์ก็เลยแก้เกมโดยการให้แผงหลังยืนต่ำ รวมถึงเปิดช่องว่างระหว่างกองหลังให้น้อยที่สุด เพื่อแก้ทางอิมโมบิเล่ที่มีจุดเด่นในการเอาชนะกับดักล้ำหน้า รวมถึงหาช่องได้ดี ทำให้ในช่วงแรกบทบาท อิมโมบิเล่ ที่มีต่อเกมรุกอิตาลีน้อยมาก
จนกระทั่งอิตาลีเริ่มเจอช่องเจาะ โดยเน้นการเล่นในพื้นที่ระหว่างกองกลางกับกองหลังฟินแลนด์ เนื่องจากฟินแลนด์ให้กองหลังยื่นต่ำมากนั่นเอง เลยมีจังหวะที่กองกลางลงไปแพ็คไม่ทัน ปล่อยพื้นที่หน้าเขตโทษโบ๋อยู่หลายครั้ง ทำให้อิตาลีสามารถสร้างโอกาสจบสกอร์ได้มากมาย แต่ก็ยังทำประตูไม่ได้ และหลังจากนั้นก็กลายเป็นอิตาลีสามารถครองเกมได้เหนือกว่าอย่างชัดเจน ส่วนเกมรุกฟินแลนด์เองก็เรียกได้ว่าทำได้ดีแล้ว ทั้งการตั้งเกมบุก ทั้งการโต้กลับเร็ว แต่ยกเว้นการเล่นจังหวะสุดท้ายยังดูขาดๆเกินๆในจังหวะสุดท้าย ทำให้ไม่มีจังหวะจบที่ดีพอ จบครึ่งแรกเสมอกันไป 0-0
ครึ่งหลังทั้งสองทีมเริ่มเปิดเกมรุกใส่กันมากขึ้น รวมถึงจังหวะฟุตบอลก็เริ่มเร็วขึ้นด้วยเช่นกัน อิตาลีพยายามเน้นการครอสเหมือนกับที่เคยได้ผลดีในนัดชนะอาร์เมเนียมาในนัดก่อน แต่ก็ยังไม่เข้าเป้าซะเท่าไหร่ อิตาลีมาขึ้นนำจนได้ในนาทีที่ 59 จากลูกครอสที่พยายามอยู่นานสองนานจากคิเอซ่า เปิดเข้าไปในเขตโทษ กองหลังฟินแลนด์โหม่งสกัดไม่พ้น บอลไปถึงอิมโมบิเล่ โหม่งคนเดียวสบายๆ อิตาลีนำฟินแลนด์แล้ว 1-0 ฟินแลนด์มาได้จุดโทษในนาทีที่ 72 ตีมู ปุ๊กกี้ ลุกขึ้นมาสังหารเองไม่เหลือ แต่ 7 นาทีถัดมา อิตาลีมาได้จุดโทษจากลูกแฮนด์บอล จอร์จินโญ่รับหน้าที่ยิงเข้าไป เวลาที่เหลือไม่มีใครทำประตูเพิ่มได้ หมดเวลา อิตาลีบุกมาเบียดเอาชนะฟินแลนด์ไปได้ 2-1
จริงๆเกมนัดนี้อิตาลีส่งอิมโมบิเล่ลงมาเจอกับฟินแลนด์ที่แก้ทางได้ดี หากกองหลังของฟินแลนด์เล่นแบบนี้ในยามที่อิตาลีใช้เบล็อตติเป็นหน้าเป้า คงจะโดนเบล็อตติพักบอลสบาย โอกาสยิงส่วนใหญ่ของอิตาลีเป็นการยิงนอกกรอบไปซะเยอะ นั่นก็เป็นเพราะฟินแลนด์ซื้อใจเปิดพื้นที่ให้อิตาลีได้เล่นในแบบที่ตั้งใจ บีบให้ยิงไกลเอา ไม่ปล่อยให้เข้าไปป้วนเปี้ยนในกรอบเขตโทษ แต่ดันมาเสียประตูจากจังหวะที่กองหลังโหม่งสกัดไม่ขาด แถมประตูชัยยังมาจากจุดโทษในช่วงท้ายเกมแล้ว ต้องให้เครดิตเกมรับของฟินแลนด์ส่วนนึง
แต่ฟินแลนด์เองนอกจากจังหวะได้ประตูจากลูกจุดโทษเช่นกัน เกมนี้แทบจะไม่มีโอกาสยิงแบบจะแจ้ง หรือแทบจะยิงไม่ตรงกรอบเลยด้วยซ้ำ ดังนั้นการที่อิตาลีเก็บสามคะแนนได้ก็ถือว่าเหมาะสมแล้ว ด้วยตัวผู้เล่นรวมถึงคุณภาพโดยรวมในหลายๆด้าน ต้องบอกว่าอิตาลีเหนือกว่าพอสมควร แต่การที่ฟินแลนด์สู้อิตาลีได้ขนาดนี้ ก็ถือว่าเป็นนิมิตรหมายที่ดีแล้ว ยังต้องพัฒนากันต่อไปสำหรับฟินแลนด์ ทีมชุดนี้มีโอกาสสูงมากที่จะได้ไปเล่นในรอบสุดท้าย ฟุตบอลยูโร 2020
ส่วนทางด้านอิตาลีเอง นัดนี้ก็สามารถเอาตัวรอดมาได้ แต่ปัญหาความเฉียบคมในแดนหน้ายังต้องแก้กันต่อไป หากต้องเจอกับทีมระดับใกล้เคียงกันหรือเท่ากัน อาจจะไม่มีโอกาสมากเหมือนกับนัดนี้เท่าไหร่นัก ดังนั้นในอนาคตก็ต้องมาคอยดูกันว่า อิตาลียุคที่เต็มไปด้วยดาวรุ่งศักภาพสูงภายใต้การคุมทีมของมันชินี่ จะก้าวไปถึงจุดไหน