เก่งหลังเกม : ใครพลาดคนนั้นโดน นาโปลีเปิดบ้านคว่ำแชมป์เก่าโชว์ 2-0 by แฟนบอลโปรไลเซนส์

ในครึ่งแรกทั้งสองทีมครองเกมได้พอๆกัน ในช่วงแรกเป็นนาโปลีหาจังหวะจบสกอร์ได้ดีกว่า แต่พอผ่าน 20 นาที กลายเป็นฝั่งลิเวอร์พูลที่กลับมาดูเป็นต่อนิดๆ ลิเวอร์พูลเน้นเจาะทางมาริโอ รุย ที่เคยเสียเชิงซาลาห์เมื่อฤดูกาลก่อนที่แอนฟิลด์ โดยโยกมาเน่มาเล่นทางขวาร่วมกับซาลาห์ แล้วทางซ้ายใช้โรเบิร์ตสันเติมสูง ส่วนในรายของเทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ยืนต่ำเพื่อปิดจังหวะการเล่นของอินซินเญ่ทางด้านซ้ายของนาโปลี ลิเวอร์พูลมีโอกาสใกล้เคียงได้ประตูหลายครั้ง จากจังหวะเติมสอดขึ้นมาของมิดฟิลด์ รวมถึงจังหวะที่อินเตอร์เซบบอลได้บริเวณกลางสนาม แต่นาโปลีต้องขอบคุณคูลิบาลี่ที่ดักบอลได้ในจังหวะสุดท้ายหลายต่อหลายครั้ง จบครึ่งแรกยังไม่มีใครทำประตูกันได้ เสมอกันอยู่ 0-0

ครึ่งหลัง ทั้งสองทีมยังบุกกันแบบระวังตัว แต่จังหวะทีได้จบแต่ละครั้งต้องบอกว่าใกล้เคียงมาก ต้องชมผู้รักษาประตูของทั้งสองฝั่งที่สามารถป้องกันไว้ได้ ลิเวอร์พูลเองมีโอกาสได้สวนแบบใกล้เคียงหลายครั้ง แต่จังหวะการเล่นสุดท้ายยังมีปัญหา บางครั้งจ่ายกันไม่ดี แต่ส่วนใหญ่จะติดคาลิดู คูลิบาลี่ ที่นัดนี้บอกได้คำเดียวว่าแสงออกเท้า ช่วงท้ายเกม นาโปลีมาได้จุดโทษแบบ งงๆ จากจังหวะปะทะกันของโฆเซ่ กาเยฆ่อนกับโรเบิร์ตสัน แต่กรรมการเป่าให้จุดโทษแบบไม่ดู VAR ดรีส์ เมอร์เท่นส์ รับหน้าที่สังหาร ยิงเข้าไปไม่เหลือ นาโปลีขึ้นนำลิเวอร์พูล 1-0 ในนาทีที่ 82 ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ นาโปลีมาหนีเป็น 2-0 จากจังหวะที่ฟาน ไดค์จ โดนบีบ แล้วโรเบิร์ตสันกับอาเดรียนไปกั๊กกัน บอลมาถึงยอเรนเต้ ยิงสวนตัวอาเดรียนเข้าไปง่ายๆ นาโปลีฝังแชมป์เก่าเรียบร้อย

นาโปลีในบ้านยังคงเป็นอะไรที่สุดยอดเสมอ ทั้งฤดูกาล 2018-2019 รวมทุกรายการ แพ้ในบ้านไปเพียง 3 นัดเท่านั้น ที่ต้องชมมากที่สุดคงหนีไม่พ้นคาลิดู คูลิบาลี่ ที่เก็บลูกจ่ายได้เสียของทางลิเวอร์พูลได้หลายต่อหลายครั้ง รวมถึงแนวรุกที่สามารถคว้าโอกาสที่ลิเวอร์พูลพลาด 2 ครั้งในเกมเปลี่ยนเป็นสกอร์ได้ทั้งหมด ลิเวอร์พูลเองมีปัญหาในเกมเยือนเวลาที่เล่นในยูฟ่า แชมเปี้ยนลีกส์มาตั้งแต่ฤดูกาลที่ผ่านมา ในนัดนี้มาในแผนเน้นเกมรับเป็นหลักเช่นเคย โดยส่งมิดฟิลด์สามคนเป็น เฮนเดอร์สัน ฟาบินโญ่ และมิลเนอร์ เหมือนตั้งใจมาเอาแค่แต้มเดียว หรือถ้าได้สามคะแนนก็เอา แต่จะไม่เสี่ยงมาก กลายเป็นสามแนวรุกต้องเล่นกันโดยลำพังซะเป็นส่วนใหญ่ แบ็คทั้งสองข้างกับกองกลางก็ไม่ค่อยได้ช่วยเติมเหมือนปกติ เหมือนกับพอใจกับผลเสมอ พอโดนยิงนำในช่วงท้ายเกม จะมาเปลี่ยนตัวรุกอย่างชากิรี่ลงไป มันก็ไม่ทันแล้ว เหมาะสมแล้วที่ต้องกลับออกไปโดยไม่มีคะแนน

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวนี้

Scroll to Top